ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “วัดจะทิ้งพระ” ประวัติและความสำคัญของวัดชื่อแปลก จังหวัดสงขลา  (อ่าน 868 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



“วัดจะทิ้งพระ” ประวัติและความสำคัญของวัดชื่อแปลก จังหวัดสงขลา

“วัดจะทิ้งพระ” แห่งตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เป็นวัดสำคัญมาแต่โบราณ และหลักฐานความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 21-23 ในภาคใต้ของไทย

วัดนี้เดิมชื่อ “วัดสทิงพระ” แต่ต่อมาคนเรียกเพี้ยนจาก สทิงพระ เป็น จะทิ้งพระ เสียอย่างนั้น



อุโบสถวัดจะทิ้งพระสมัยรัชกาลที่ 5 (ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wat Jatingpra : วัดจะทิ้งพระ)


วัดสทิงพระสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16 มี “เจดีย์พระมหาธาตุ” ที่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนหน้าการสถาปนาวัดตั้งแต่ พ.ศ. 1300 เป็นศาสนสถานเนื่องในพุทธศาสนานิกายมหายาน ลักษณะแบบมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทรงระฆังคว่ำแบบลังกาในภายหลัง

ในตำนานนางพระยาเลือดขาว ระบุว่า เจ้าพระยากรุงทอง เจ้าเมืองสทิงพาราณสี เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ ร่วมกับนางเลือดขาว ณ ฝั่งตะวันออกของทะเลสาบสงขลา พร้อมสถาปนาพระพุทธไสยาสน์และพระมหาธาตุเจดีย์

นางเลือดขาวเป็นตำนานที่เล่าถึงการเข้ามาในคาบสมุทรมลายูของพุทธศาสนา หลังสงครามที่พระเจ้าอโศกมหาราชเข่นฆ่าผู้คนไปมากมายในชมพูทวีป คนจำนวนหนึ่งเลือกอพยพมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนในคาบสมุทรด้ามขวานดินแดนสุวรรณภูมิ กระทั่งมีการสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นบริเวณฝั่งทะเลนอกเขตสทิงพระในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15

องคาพยพดังกล่าวยังเกี่ยวข้องกับการที่พุทธศาสนาเถรวาทจากลังกามายังดินแดนไทยด้วย ได้แก่ การเกิดพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช และการสร้างพระพุทธสิหิงค์ในช่วงพุธศตวรรษที่ 18-19 และพระพุทธศาสนาที่แผ่เข้ามาในหัวเมืองมอญ เช่น สะเทิม เมาะตะมะ รวมถึงแคว้นสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย ในยุคพ่อขุนรามคำแหงมหาราชและพญาลิไท

ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า พระครูอินทเมาลี เจ้าคณะป่าแก้ว ได้เข้ามาบูรณะวัดสทิงพระ ช่วง พ.ศ. 2109-2111 เนื่องจากท่านเคยทำความดีความชอบปราบโจรสลัดแห่งแหลมมลายูมาก่อน พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาจึงสนับสนุนท่านทั้งแรงงานและทุนทรัพย์สำหรับกัลปนาพื้นที่แถบนี้

ทั้งนี้ เจ้าคณะป่าแก้วจะมีบทบาทดูแลวัดต่าง ๆ ในเขตหัวเมืองพัทลุงและรอบทะเลสาบสงขลา มีศูนย์กลางที่วัดเขียนบางแก้วกับวัดสทัง นับว่ามีความสำคัญต่อการปกครองคณะสงฆ์แถบทะเลสาบมาตั้งแต่สมัยอยุธยา



เจ้าหญิงมะสุหรี (ในจินตนาการ) นางเลือดขาวแห่งลังกาวี


โบราณสถาน-โบราณวัตถุ วัดจะทิ้งพระ


วัดจะทิ้งพระมีของโบราณสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะ เจดีย์พระมหาธาตุ เจดีย์ก่ออิฐดินและอิฐปะการังสอดิน เจดีย์องค์เล็ก รวมถึง พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม ฝีมือช่างพื้นบ้าน และ วิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “วิหารพ่อเฒ่านอน”

วิหารนี้สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยา หน้าบันวิหารมีลวดลายปูนปั้น ด้านหน้ารูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ด้านล่างมีรูปยักษ์แบก รูปเทวดา และลายไทยรูปใบไม้ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูน 1 องค์ ผนังเป็นภาพจิตรกรรมพุทธประวัติฝีมือช่างท้องถิ่น สะท้อนศรัทธาและความเชื่อทางพุทธศาสนา รวมถึงภาพวิถีชีวิตชาวบ้าน โดยรวมแล้วสถาปัตยกรรมวัดจะทิ้งพระคือประจักษ์พยานรูปแบบศิลปะลังกายุคแรก ๆ ในดินแดนไทย

สิ่งสำคัญอื่น ๆ ภายในวัดจะทิ้งพระที่ขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร ได้แก่ 1. พระเจดีย์ฐานไม้สิบสอง 2. วิหารพระพุทธไสยาสย์ 3. พระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม 4. หอระฆัง และ 5. กำแพง

ส่วนชื่อ “จะทิ้งพระ” ก็เป็นเพียงคำที่เพี้ยนเท่านั้น “วัด” ไม่ได้ “จะทิ้งพระ” แต่อย่างใด เพราะทุกวันนี้มีการจัดงานสมโภชพระพุทธไสยาสน์และพระมหาธาตุเจดีย์ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปีอยู่



เจดีย์วัดจะทิ้งพระ (ภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)


อ่านเพิ่มเติม :-

    • พุทธศาสนา “ลังกาวงศ์” เข้ามาเมื่อไร? ทางไหน?
    • “สงขลาหอน นครหมา นราหมี” ภูมิปัญญาและอารมณ์ขันในการใช้ภาษาของชาวใต้
    • แม่เจ้าอยู่หัว เมืองนครฯ อีกหนึ่ง “นางเลือดขาว” ตำนานถิ่นที่พระพันปีหลวงรับสั่งถามที่มา






อ้างอิง :-
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). วัดจะทิ้งพระ. สืบค้นเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2567. (ออนไลน์)
- วลัยลักษณ์ ทรงศิริ, มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. ‘นางเลือดขาว’ ตำนานและภูมิวัฒนธรรมของคนคาบสมุทร. 1 กุมภาพันธ์ 2554. (ออนไลน์)
- ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม, กระทรวงวัฒนธรรม. วัดจะทิ้งพระ. 13 กุมภาพันธ์ 2555. จาก http://www.m-culture.in.th/album/123369

ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ : วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2567
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2567
website : https://www.silpa-mag.com/history/article_142733
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ