ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระสารีบุตรอยู่ทิศใด เหมือนพระพุทธเจ้าอยู่ทิศนั้น : ควรรู้เกี่ยวกับพระสารีบุตร  (อ่าน 1200 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 :25: :25: :25:

สาระควรรู้ เกี่ยวกับ พระสารีบุตร
     
     • บำเพ็ญบารมีมา ๑ อสงไขย กำไรแสนกัป
     • เกิดวันเดียวกับ พระโมคคัลลานะ
     • สำเร็จอรหันต์ วันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
     • ปรินิพพาน วันลอยกระทง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
     • คืนปรินิพพาน ผู้ปกครองสวรรค์ทั้งหก มหาพรหมชั้นสุทธาวาส มาเยี่ยม
     • พระสารีบุตรอยู่ทิศใด เหมือนพระพุทธเจ้าอยู่ทิศนั้น (พระพุทธองค์ตรัสยกย่องว่า "เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย")




 :25: :25: :25:




ประวัติน่าสนใจของ "พระสารีบุตร"

"พระสารีบุตร" ผู้เป็น "พระอัครสาวกเบื้องขวา" ของพระพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า "เป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านสติปัญญา" เมื่อแรกเกิดมีชื่อว่า "อุปติสสะ" ท่านเกิดวันเดียวกันกับสหายของท่าน คือ "โกลิตะ" ซึ่งต่อมาคือ "พระมหาโมคคัลลานะ" ผู้เป็น "พระอัครสาวกเบื้องซ้าย" ของพระพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า "เป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านผู้มีฤทธิ์มาก"

บรรลุโสดาบันและบวชในพระพุทธศาสนา "พระอัสสชิ" อันเป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์วันหนึ่งท่านถือบาตรและจีวร ไปสู่กรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต "อุปติสสะ" ได้พบพระอัสสชิเถระ ประทับใจในอิริยาบถน่าเลื่อมใส สำรวมดี ของท่านพระอัสสชิเถระ ผู้มีอินทรีย์ฝึกดีแล้ว





จึงเกิดความคิดว่า "ท่านผู้นี้จักเป็นพระอรหันต์" จึงได้เดินตามหลังพระอัสสชิเถระและสอบถามพระอัสสชิเถระในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับคำสอนของพระศาสดา พระอัสสชิจึงได้กล่าวคำสอนของพระพุทธองค์ว่า

    "พระพุทธองค์ท่านกล่าวบทอันลึกซึ้งละเอียดทุกอย่าง เป็นเครื่องฆ่าลูกศร คือ ตัณหา เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล ว่า ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้"

_______________________________
ที่มา : http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_83.html




"พระสารีบุตร" สำเร็จเป็น "พระอรหันต์"

ณ ถ้ำสุกรขาตา หรือ ถ้ำพระสารีบุตร ตั้งอยู่ ณ เชิงเขาคิชฌกูฏ ในขณะที่ท่านกำลังถวายงานพัดให้แก่ พระพุทธองค์อยู่นั้น พระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมเกี่ยวกับ "ทิฏฐิและเวทนา" ให้กับทีฆนขปริพาชก. พระสารีบุตรก็ได้ฟังธรรมเหล่านั้นด้วยจึงทำให้ "พระสารีบุตร" ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ และ "ทีฆนขปริพาชก" ได้บรรลุโสดาบัน

ซึ่งวันนั้นคือ "วันเพ็ญเดือนมาฆะ" หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ให้กับพระอรหันต์ ๑.๒๕๐ รูป (บริวารของพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ๒๕๐ รูปและบริวาลของชฎิล ๓ พี่น้อง ๑.๐๐๐ รูป)

_______________________________
ที่มา : http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_83.html




บั้นปลายชีวิตของ "พระสารีบุตร"

พระสารีบุตรนั้น "นิพพาน" ก่อนพระพุทธเจ้า แต่ก่อนที่ท่านจะละสังขารเข้าสู่นิพพาน ท่านพิจารณาเห็นว่า สมควรที่จะนิพพานในห้องที่ตนเองคลอดจากท้องมารดา เมื่อคิดเช่นนั้นจึงเข้าไปกราบทูลสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วเดินทางไปกับพระจุนทะผู้น้องชายพร้อมด้วยบริวาร

เมื่อไปถึงบ้านเดิมแล้วก็เกิด "ปักขันทิกาพาธ" คือ "โรคท้องร่วง" ขึ้นในคืนนั้น ในเวลาที่ท่านกำลังอาพาธอยู่นั้น.ก็ได้เทศนาโปรด "มารดา" จนได้บรรลุ "พระโสดาบัน" พอเวลาใกล้รุ่งของคืนเพ็ญเดือน ๑๒ ท่านก็ดับขันธ์นิพพาน

พระจุนทะผู้น้องชายก็ได้ร่วมกับญาติทำฌาปนกิจสรีระของท่านในวันรุ่งขึ้น แล้วเก็บอัฐิธาตุนำไปถวายพระบรมศาสดา ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ในเมืองสาวัตถี พระพุทธองค์โปรดให้ก่อเจดีย์ บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรเถระไว้ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

_______________________________
ที่มา : http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_83.html




พระพุทธองค์ตรัสยกย่องพระสารีบุตร
จาก อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปทานสูตร > อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา
           
ณ พระนครสาวัตถีนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์อันบวรที่ปูไว้ ณ บริเวณคันธกุฎี ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
     "ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นผู้แก่ ภิกษุบางรูป เมื่อเราบอกว่าเราไปตามทางนี้กันเถิด ได้ไปเสียทางอื่น บางรูปวางบาตรและจีวรของเราไว้บนพื้น พวกเธอจงเลือกภิกษุรูปหนึ่ง เป็นอุปฐากประจำของเรา."

ภิกษุทั้งหลายเกิดธรรมสังเวช.

ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า
     "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ตั้งความปรารถนาไว้กะพระองค์ บำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป ธรรมดาอุปฐากมีปัญญามากเช่นข้าพระองค์สมควรมิใช่หรือ ข้าพระองค์จักอุปฐากพระองค์ ดังนี้."

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสารีบุตรว่า
     "อย่าเลย สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เธอไม่ต้องทำหน้าที่อุปฐากเรา."

พระมหาสาวก ๘๐ รูป เริ่มแต่พระมหาโมคคัลลานะเป็นต้นได้ลุกขึ้นโดยทำนองเดียวกัน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสาวกเหล่านั้นทั้งหมด. แต่พระอานนทเถระนั่งนิ่งทีเดียว. ฯ

_________________________________________
ที่มา : https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=1&p=1#อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2024, 10:02:40 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ