ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภิกษุควรที่จะปฏิบัติตนต่อสตรี อย่างไร.?  (อ่าน 2292 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.

"หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์ ประชาชนนี้ข้องอยู่ในหญิงนี้ ตบะและพรหมจรรย์เป็นเครื่องอาบ ไม่ใช่น้ำ"


ภิกษุควรที่จะปฏิบัติตนต่อสตรี อย่างไร.?

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พระภิกษุมีท่าทีหรือมีกฎเกณฑ์ สำหรับการปฏิสัมพันธ์กับสตรีอย่างไร

สิ่งที่สามารถชี้ให้เห็นถึงกรอบ หรือกฎเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าทรงย้ำเตือนพระภิกษุต่อกรณีที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องหรือปฏิสัมพันธ์กับสตรีนั้น เราสามารถที่จะศึกษาวิเคราะห์ได้จากข้อมูลด้านเอกสารตามที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฏกและคัมภีร์อื่นๆ ที่พระองค์ได้นำเสนอเอาไว้อย่างน่าสนใจ

จะเห็นว่า จากท่าทีที่ไม่แจ่มชัดนักเกี่ยวกับพระภิกษุและสตรีนั้น ควรที่จะมีหลักการ หรือกรอบเบื้องต้นในเรื่องเหล่านี้อย่างไร พระอานนท์จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ควรที่จะปฏิบัติตนต่อสตรีอย่างไร ดังมีเนื้อความที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตรตอนหนึ่งว่า


@@@@@@@

ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า “พวกข้าพระองค์จะปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “อย่าดู”
    “เมื่อจำต้องดู จะปฏิบัติอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า”
    “อย่าพูดด้วย”
    “เมื่อจำต้องพูด จะปฏิบัติอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า”
    “ต้องตั้งสติไว้”

จะเห็นว่า ในพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้ามิได้ได้ทรงมีท่าทีในเชิงปฏิเสธว่า อย่าพบปะหรือพูดคุยกับสตรี สิ่งเหล่านี้พระภิกษุสามารถที่จะทำได้ แต่การแสดงออกในลักษณะเหล่านี้ควรที่จะยืนอยู่บนฐานของสติ หรือมีความรู้เท่าทันเมื่อตาเห็นรูป หูฟังเสียง เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ศีลหรือวินัยของพระภิกษุก็จะไม่เศร้าหมอง

ในขณะเดียวกัน คำว่า “มีสติ” นั้น พระอรรถกถาจารย์ได้ชี้ให้เห็นว่า ภิกษุต้องตั้งสติทุกขณะจิตตลอดเวลาที่ปฏิสัมพันธ์กับสตรี ห้ามพลั้งเผลอ ต้องควบคุมจิตให้คิดในทางที่ดีงามต่อสตรี หรือควบคุมจิตให้คิดต่อสตรีในทางที่ดีงาม เช่น รู้สึกว่าเป็นแม่ในสตรีที่อยู่ในวัยแม่ รู้สึกว่าเป็นพี่สาว น้องสาว ในสตรีที่อยู่ในวันที่เป็นพี่สาวเป็นน้องสาว รู้สึกว่าเป็นลูกสาวในสตรีที่อยู่ในวัยสาวๆ





ในขณะเดียวกัน นัยสำคัญอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับท่าทีที่พระภิกษุพึงจะมีต่อสตรีนั้น มีปรากฏอยู่ในภารทวาชสูตร  ซึ่งพระเจ้าอุเทนได้ตรัสถามท่านปิณโฑลภารทวาชะ ว่า
    “เหตุใด พระภิกษุหนุ่มๆ มีผมดำสนิท จึงยังไม่หมดกามราคะ จึงบวชอยู่ได้นาน หรือบวชได้ตลอดชีวิต”

ท่านชี้ให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า
    “ภิกษุทั้งหลาย เธอเห็นสตรีมีอายุคราวแม่ จงตั้งจิตเอาไว้ว่า “หญิงนี้เป็นแม่ของตน เธอเห็นสตรีมีอายุคราวพี่สาว หรือน้องสาว จงตั้งจิตว่า หญิงเป็นพี่สาว หรือน้องสาวของเรา เธอเห็นสตรีมีอายุคราวลูก จงตั้งจิตว่าหญิงนี้เป็นลูกของเรา ด้วยความคิดอย่างนี้แล เป็นเหตุให้ภิกษุหนุ่ม ๆ เหล่านั้นรักษาพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่ได้นาน หรืออยู่ได้ตลอดชีวิต”     

ในขณะเดียวกัน นอกจากพระองค์จะมุ่งเน้นให้พระภิกษุมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อเพศตรงข้ามแล้ว พระองค์ยังได้มุ่งเน้นให้พระภิกษุพิจารณาร่างกายให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นต่อไปอีกว่า
    “เธอจงพิจารณาร่างกายนี้แหละ เบื้องบนตั้งแต่พื้นเท้าขึ้นไป เบื้องต่ำตั้งแต่ปลายผมลงมา ซึ่งมีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ภายในเต็มไปด้วยของไม่สะอาด คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก อุจจาระ ปัสสาวะ ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งสกปรก น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ดังนี้"


@@@@@@@

ท่าทีเหล่านี้ เป็นท่าทีที่พระองค์ต้องการให้พระภิกษุอบรมศีล สมาธิ และปัญญา โดยให้พระภิกษุสำรวมอินทรีย์ ๖  เมื่อเวลาเห็นรูปด้วยตาแล้ว อย่าถือเอาโดยนิมิต คือ ความงามเป็นส่วนรวม อย่าถือเอาโดยอนุพยัญชนะ คือ แยกความสวยงามออกเป็นส่วน ๆ

ถ้าจะเกิดความรักในฐานะที่เป็นปุถุชนคนหนุ่มที่มีร่างกายสดใส ย่อมจะเกิดความกำหนัดรักใคร่เพศตรงข้าม หรือถ้าจะมีความรักตน หรือรักผู้อื่น พระพุทธเจ้าก็ทรงเน้นสอนให้พระภิกษุพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ กล่าวคือ พิจารณาให้เห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม โดยใช้ความเพียร สติสัมปชัญญะ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระภิกษุที่พิจารณาอย่างต่อเนื่องจะทำให้กำจัดอภิชฌา และโทมนัสเสียได้

การมีท่าทีต่อเพศตรงข้ามและการพิจารณาขันธ์ ๕ โดยแยกย่อยลงไปเรื่อย ๆ นั้นก็จะกลายเป็นแรงหนุนสำคัญในการทำให้พระภิกษุทราบความเป็นจริงเกี่ยวกับขันธ์ ๕ อย่างแจ่มชัด และจะทำให้คลายจากความกำหนัดมากยิ่งขึ้น  อันจะทำให้การบำเพ็ญสมณธรรม หรือการประพฤติพรหมจรรย์ของพระภิกษุเหล่านั้น มีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และทำให้เข้าถึงความจริงสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้ในที่สุด


 



ขอขอบคุณ :-
ภาพจาก : pinterest
บทความ : สตรีเป็นศัตรูของพรหมจรรย์จริงหรือ
ผู้แต่ง : พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร.
website : https://www.mcu.ac.th/article/detail/478
22 พ.ย. 59 | พระพุทธศาสนา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2024, 07:35:53 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ