.
อาหุไนยบุคคล (บาลีวันละคำ 3,713)
พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก
อาหุไนยบุคคล อ่านว่า อา-หุ-ไน-ยะ-บุก-คน ประกอบด้วยคำว่า อาหุไนย + บุคคล
(๑) “อาหุไนย”
บาลีเป็น “อาหุเนยฺย” อ่านว่า อา-หุ-เนย-ยะ รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่ว, ยิ่ง) + หุ (ธาตุ = ให้, บูชา, เซ่นไหว้) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) + เอยฺย ปัจจัย
(ก) : อา + หุ = อาหุ + ยุ > อน = อาหุน แปลตามศัพท์ว่า “การมอบให้” “การบูชา” “การเซ่นไหว้” หมายถึง ของบูชายัญ, ของเซ่นสรวง; ความเคารพ, การบูชา (oblation, sacrifice; veneration, adoration)
(ข) : อาหุน + เอยฺย = อาหุเนยฺย แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ควรแก่การมอบให้” “ผู้ควรแก่การบูชา” “ผู้ควรแก่การเซ่นไหว้” หมายถึง เกี่ยวกับการสังเวย, ควรเซ่นสรวง, ควรบูชาหรือสังเวย, ควรเคารพ, ควรบูชายัญ, ควรบวงสรวง (sacrificial, worthy of offerings or of sacrifice, venerable, adorable, worshipful)
“อาหุเนยฺย” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อาหุไนย”
คำว่า “อาหุไนย” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
@@@@@@@
(๒) “บุคคล”
บาลีเป็น “ปุคฺคล” อ่านว่า ปุก-คะ-ละ รากศัพท์มาจาก
(1) ปุ (นรก) + คลฺ (ธาตุ = เคลื่อน) + อ (อะ) ปัจจัย, ซ้อน คฺ : ปุ + คฺ + คลฺ = ปุคฺคลฺ + อ = ปุคฺคล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เคลื่อนไปสู่นรก”
(2) ปูติ (ของบูดเน่า) + คลฺ (ธาตุ = กิน) + อ (อะ) ปัจจัย, รัสสะ อู ที่ ปู-(ติ) เป็น อุ แล้วลบ ติ (ปูติ > ปุติ > ปุ), ซ้อน คฺ : ปูติ > ปุติ > ปุ + คฺ + คลฺ = ปุคฺคลฺ + อ = ปุคฺคล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กินอาหารคือของบูดเน่า”
(3) ปุคฺค (อาหารที่ยังอายุของสัตว์ให้เต็ม) + ลา (ธาตุ = กิน) + อ (อะ) ปัจจัย, ลบ อา ที่ ลา (ลา > ล) : ปุคฺค + ลา = ปุคฺคลา > ปุคฺคล + อ = ปุคฺคล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กินอาหารที่ยังอายุของสัตว์ให้เต็มเป็นไป” (คือต้องกินจึงจะมีชีวิตอยู่ได้)
(4) ปูร (เต็ม) + คล (เคลื่อน), รัสสะ อู ที่ ปู-(ร) เป็น อุ แล้วลบ ร (ปูร > ปุร > ปุ), ซ้อน คฺ ระหว่าง ปูร + คล : ปูร > ปุร > ปุ + คฺ + คล = ปุคฺคล แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ทำหมู่สัตว์โลกให้เต็มและเคลื่อนไปสู่ธรรมดาคือจุติและอุบัติ” (คือเกิดมาทำให้โลกเต็มแล้วก็ตาย)
“ปุคฺคล” ในบาลีหมายถึง
(1) ปัจเจกชน, บุคคล, คน (an individual, person, man)
(2) สัตว์, สัตว์โลก (being, creature)
“ปุคฺคล” ใช้ในภาษาไทยว่า “บุคคล” (อ่านว่า บุก-คน, ถ้ามีคำอื่นมาสมาสข้างท้ายอ่านว่า บุก-คะ-ละ-, บุก-คน-ละ-)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า
“บุคคล, บุคคล– : (คำนาม) คน (เฉพาะตัว); (คำที่ใช้ในกฎหมาย) คนซึ่งสามารถมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย เรียกว่า บุคคลธรรมดา; กลุ่มบุคคลหรือองค์กรซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นบุคคลอีกประเภทหนึ่ง ที่ไม่ใช่บุคคลธรรมดา และให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย เรียกว่า นิติบุคคล. (ป. ปุคฺคล; ส. ปุทฺคล).”
ต่อมา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ปรับแก้คำนิยามเหลือเพียง
“บุคคล, บุคคล– : (คำนาม) คน (เฉพาะตัว); (คำที่ใช้ในกฎหมาย) บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล. (ป. ปุคฺคล; ส. ปุทฺคล).”
ประสมคำ
อาหุเนยฺย + ปุคฺคล = อาหุเนยฺยปุคฺคล แปลว่า “บุคคลผู้ควรแก่การมอบให้” “บุคคลผู้ควรแก่การบูชา” “บุคคลผู้ควรแก่การเซ่นไหว้”
“อาหุเนยฺยปุคฺคล” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อาหุไนยบุคคล” (อา-หุ-ไน-ยะ-บุก-คน)
คำว่า “อาหุไนยบุคคล” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
@@@@@@@
ขยายความ : ในพระไตรปิฎกมีคาถาแสดงคุณของบิดามารดาบทหนึ่งว่า
พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร
ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร
อาหุเยฺยา จ ปุตฺตานํ
ปชาย อนุกมฺปกา ฯ
มารดาบิดาทั้งหลายชื่อว่าเป็นพรหม
เป็นบุรพาจารย์
และเป็นอาหุไนยบุคคลของบุตรทั้งหลาย
เป็นผู้เอ็นดูประชาคือบุตร_____________________________________________
ที่มา : พรหมสูตร ติกนิบาตร อังคุตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่ม 20 ข้อ 470
@@@@@@@
มีคำอธิบายว่า
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานนฺติ ปุตฺตานํ อาหุนปาหุนอภิสงฺขตอนฺนปานาทีสุ อรหนฺติ อนุจฺฉวิกา ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ฯ ตสฺมา อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานนฺติ วุตฺตา ฯ
คำว่า อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ หมายความว่า ย่อมควรได้รับข้าวน้ำ เป็นต้น ที่บุตรจัดมาเพื่อบูชา เพื่อต้อนรับ คือ เป็นผู้เหมาะสมเพื่อจะรับข้าวและน้ำเป็นต้นนั้น เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ (และเป็นอาหุไนยบุคคลของบุตรทั้งหลาย) ดังนี้_________________________
ที่มา : มโนรถปูรณี ภาค 2 หน้า 158
@@@@@@@
คำว่า “เป็นอาหุไนยบุคคลของบุตรทั้งหลาย” นี้ มีผู้นิยมนำมาพูดกันว่า “บิดามารดาเป็นพระอรหันต์” ทั้งนี้เพราะคำว่า “อาหุเนยฺย” เป็นคำแสดงคุณสมบัติข้อหนึ่งของพระอรหันต์ ดังปรากฏอยู่ในบท “สังฆคุณ” ที่ขึ้นต้นว่า “สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ”
เมื่อพูดว่า “บิดามารดาเป็นพระอรหันต์” ก็มักจะมีผู้แย้งว่า ไม่ถูกต้อง เพราะบิดามารดาเป็นฆราวาส ยังมีกิเลสอยู่ จะเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร
อันที่จริง ผู้พูดว่า “บิดามารดาเป็นพระอรหันต์” นั้น มิได้มีเจนาจะบอกว่า บิดามารดาสิ้นกิเลสแล้วเหมือนพระอรหันต์ เพียงแต่จะบอกว่า บิดามารดาเป็นผู้ควรแก่การบูชาเซ่นสรวงเช่นเดียวกับพระอรหันต์ และเป็นเช่นนั้นเฉพาะกับบุตรทั้งหลายเท่านั้น ไม่ใช่เป็นกับคนทั่วไปที่ไม่ใช่บุตร เพราะมีคำว่า “ปุตฺตานํ” กำกับอยู่ชัดแจ้ง ผู้แย้งจึงควรเข้าใจเจตนาของคำพูดว่า “บิดามารดาเป็นพระอรหันต์”
@@@@@@@
ดูก่อนภราดา.! หลายคนกว่าจะยอมรับว่าพ่อแม่มีคุณ ก็ต่อเมื่อ..ไม่มีพ่อแม่จะให้ตอบแทนคุณเสียแล้วThank to :
https://dhamtara.com/?p=24814#บาลีวันละคำ (3,713) | 12-8-65
12 สิงหาคม 2022 | admin2