ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าและเรื่องราวดีๆ ที่ผู้คนเรียนรู้จาก ‘ความเป็นจีน’ ในชีวิต  (อ่าน 1276 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



คุณค่าและเรื่องราวดีๆ ที่ผู้คนเรียนรู้จาก ‘ความเป็นจีน’ ในชีวิต

Summary

    เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับความเป็นจีนของผู้คนจำนวนหนึ่งที่คลุกคลีกับวัฒนธรรมจีน ทั้งลูกสาวและลูกชายในฐานะ ‘คนรุ่นหลัง’ ของครอบครัวคนจีน คนที่เรียนรู้ปรัชญาการทำงานหรือวัฒนธรรมเล็กๆ น้อยๆ ผ่านการมองชีวิตอากงอาม่า คนที่ตัดสินใจไปเรียนภาษาจีนตอนเติบใหญ่ และค้นพบความหมายใหม่ๆ ไปจนถึงคนที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมจีนผ่านแอปพลิเคชันดังอย่างติ๊กต่อก




 :49: :49:

ทุกๆ ครั้งเมื่อเทศกาลตรุษจีนมาถึง เรามักเห็นคนรอบตัวที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนทำตามประเพณีวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว เพื่อสิริมงคลและเพื่อเคารพบรรพบุรุษ

แต่นอกจากของไหว้แสนอร่อยที่เรามักได้รับอานิสงส์ หรือการรับรู้ว่าตรุษจีนเป็นดั่งเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน เรานึกสงสัยบ้างไหมว่ามีอะไรอีกเล่า ที่บ่งบอกคุณค่าของความเป็นจีน หรือเรื่องราวดีๆ ที่พวกเขาได้รับการถ่ายทอดมา

ในบรรยากาศของตรุษจีนสัปดาห์นี้ ไทยรัฐพลัสชวนไปฟังเสียงของผู้คนจำนวนหนึ่งที่คลุกคลีกับวัฒนธรรมจีน ทั้งลูกสาวและลูกชายในฐานะ ‘คนรุ่นหลัง’ ของครอบครัวคนจีน คนที่เรียนรู้ปรัชญาการทำงานหรือวัฒนธรรมเล็กๆ น้อยๆ ผ่านการมองชีวิตอากงอาม่า คนที่ตัดสินใจไปเรียนภาษาจีนตอนเติบใหญ่ และค้นพบความหมายใหม่ๆ ไปจนถึงคนที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมจีนผ่านแอปพลิเคชันดังอย่างติ๊กต่อก

นี่คือเรื่องดีๆ ที่พวกเขาได้เรียนรู้จากความเป็นจีน และเลือกจะบอกเล่าให้เราฟังในช่วงเทศกาลสำคัญนี้





1. ที่บ้านเรามีไอเดียการทำงานแบบ ‘ทั้งชีวิตฉันมีไว้เพื่อทำงาน’ อาม่าเคยสอนว่าคุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน และเขาก็อยากจะส่งต่อความอยู่ดีกินดีให้ลูกหลานอย่างดีที่สุด เราเลยเรียนรู้การสร้างคุณค่าให้ตัวเองผ่านการทำงานอย่างตั้งใจ ขยัน อดทน นี่คงเป็นคำอธิบายความเป็นครอบครัวคนจีนของเราได้มากที่สุด...

ทับทิม เจ้าของบาร์

การโตมาในครอบครัวคนจีน มีเรื่องอะไรที่คุณรู้สึกว่านี่คือ ‘ความจีน’ หรือวัฒนธรรมแบบจีน ที่คุณได้สัมผัสอย่างชัดเจนบ้าง

เราโตมาในครอบครัวจีนรุ่นที่ 4 ป๊ากับแม่เราค่อนข้างเปิดกว้างมากๆ รักลูกทุกคนเท่ากันหมดไม่ว่าจะเป็นยังไง ‘ความจีน’ ที่เราเห็นผ่านการเลี้ยงดูของพวกเขาคือความเป็น Unity การให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง รักพี่รักน้อง ป๊ากับแม่เคยบอกว่า ต่อให้เราจะทำอะไร ก็จะมีน้องชายและพี่สาวอยู่ข้างๆ เสมอ เราอยู่ทีมเดียวกัน

@@@@@@@

คุณคิดว่าตัวเองได้เรียนรู้ ‘คุณค่า’ หรือเรื่องดีๆ ในแนวคิดแบบคนจีนมาอย่างไรบ้าง อะไรที่คุณสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันหรือส่งผลต่อตัวคุณ

ความเป็นจีนในบ้านเราคือไอเดียการทำงานแบบ ‘ทั้งชีวิตฉันมีไว้เพื่อทำงาน’ อาม่าเคยสอนว่าคุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน และเราก็มองเห็นว่าคนรุ่นอากงอาม่าอยากส่งต่อความอยู่ดีกินดีให้ลูกอย่างดีที่สุด

สิ่งที่ส่งผลต่อเรามากก็เลยเป็นเรื่องการงาน ครอบครัว และความสัมพันธ์รอบตัว คุณค่าที่เราได้เรียนรู้คือการสร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วยการทำงานอย่างตั้งใจ ขยัน อดทน นี่คงจะเป็นคำอธิบายครอบครัวคนจีนของเรามากที่สุด

@@@@@@@

คนชอบมองว่า ‘ลูกสาว’ ในครอบครัวคนจีนจะลำบาก หรือคนจีนรักลูกชายมากกว่า ในฐานะที่คุณเป็นลูกสาวคิดเห็นอย่างไรกับความคิดนี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกสาวในบ้านคนจีนอาจจะต้องเจอกับความไม่เท่าเทียมกันจริงๆ ตัวอย่างเช่น ตอนเด็กเราจะเห็นอากงอาม่าจะเรียกใช้อาโกว อาอี๊ มากกว่าลูกชาย หรือบางเรื่องก็จะคิดถึงการส่งต่อให้ลูกชายมากกว่าลูกสาว

แต่เราโชคดีมากจริงๆ ที่ได้เกิดในครอบครัวนี้ และไม่เจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองเลยสักนิด อาจเพราะว่าป๊ากับแม่เริ่มเป็นคนรุ่นหลังๆ แล้ว

เราเคยได้ยินเรื่องราวทางฝั่งพ่ออยู่ อาเหล่าม่าของเรามีลูกทั้งหมด 11 คน และจะมีการแบ่งทีมลูกสาว กับทีมลูกชาย เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการเรื่องต่างๆในครอบครัว ทั้งการเลี้ยงดูที่จะเลี้ยงลูกชายเอง ส่วนลูกสาวจะส่งไปให้ญาติๆ เลี้ยง ไปจนถึงเรื่องแบ่งทรัพย์สิน เหตุเพราะคนจีนในอดีตต้องจัดการสิ่งต่างๆ กันเยอะ มีความเป็นผู้อพยพและเป้าหมายการสร้างเนื้อสร้างตัวในครอบครัว ฉะนั้นการส่งต่อสิ่งต่างๆ ให้ลูกชายมากกว่าลูกสาวเลยสำคัญ เพราะมองว่าลูกสาวจะแต่งเข้าบ้านอื่น ส่วนลูกชายจะเป็นผู้ขยายครอบครัว

แต่เราขออนุญาตอวดบ้านฝั่งแม่ให้ฟัง เขาเฟี้ยวกันมาก มองลูกทุกคนสำคัญ อากงเคยพูดว่าลูกทุกคนมีความเป็นลูกเท่าเทียมกันหมด ทุกอย่างที่พ่อแม่หามาก็เพื่อลูกทุกคน และเขาไม่ซีเรียสว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย ดีใจหมดเมื่อขึ้นชื่อว่าลูก

อากงกับคุณยายเคยพูดทำนองว่า ‘ลูกจะกลายเป็นส้วมหน้าบ้านได้ยังไง ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชาย ลูกก็คือของขวัญชิ้นสำคัญที่สุดที่ของพ่อแม่เลยนะ’

@@@@@@@

คุณโตมาทำงานค้าขาย ทำธุรกิจ มีคำสอนหรือแนวคิดอะไรที่ถูกส่งต่อมาอย่างเจาะจงในเรื่องนี้ไหม

ในหนังสือ ’เวนิสวานิช‘ มีการกล่าวถึง ‘ยิวแห่งบูรพาทิศ’ และแน่นอนว่านั่นสื่อถึงคนจีน อาจด้วยการอพยพมาตั้งถิ่นฐานในต่างแดน และความมั่นคงในตัวตน การที่คนจีนแสวงหาความมั่งคั่ง ทั้งทางการเงิน ความสัมพันธ์รอบตัว และจิตใจ

บ้านของคนจีนส่วนมาก ถูกสอนให้เป็นพ่อค้าแม่ค้า เหตุเพราะยุคก่อนคนจีนไม่มีที่นาทำกิน ทรัพย์สินก็มาตัวเปล่า สิ่งที่จะทำได้คือการหาของมาขาย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ และบวกกับว่าคนจีนมาพร้อมกับความเป็น unity ของคนในบ้าน เราเลยถูกสอนมาให้ค้าขาย เป็นวิธีแสวงหาความมั่งคั่งในแบบของครอบครัวผู้อพยพ

เคยมีคนในบ้านกล่าวว่า คนจีนไม่ได้ถูกสอนให้รวย แต่ถูกสอนให้มั่งคั่ง ความมั่งคั่งหมายถึงทั้งเรื่องทางการเงิน ความสัมพันธ์ และจิตใจ นี่คือคำสอนที่ถูกส่งต่อมาถึงเรา

เหตุที่เราพูดถึงหนังสือเวนิซวานิช เพราะในอดีตคนจีนมักถูกเข้าใจผิดได้ง่าย เช่น คนจีนเจ้าเล่ห์ เห็นแก่เงิน เพราะในยุคหนึ่งเขาต้องเป็นแบบนั้น แม้ปัจจุบันเราจะยังต้องให้ความสำคัญกับการทำมาหากินอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเปรียบใคร เพราะเงื่อนไขไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว อาม่าฝั่งพ่อสอนมาว่า ‘คนเราจะมีได้ ต้องเริ่มที่การให้ ถ้าหามาอย่างเดียว แต่ใช้และให้ไม่เป็น นั่นจะทำให้เราลำบากยิ่งกว่าเดิม’





2. เราทำงานบนเครื่องบิน บางครั้งมีเรื่องสำคัญที่เราอยากสื่อสารกับผู้โดยสารชาวจีน แต่ก็ทำไม่ได้ เราเลยตัดสินใจเริ่มเรียนภาษาจีน การเข้าใจภาษาทำให้เราเข้าใจคนมากขึ้น เราได้เพื่อนใหม่เยอะมากจากการที่เข้าไปถามคำศัพท์ 100% ของคนที่เราเข้าไปถามดีใจที่เห็นคนเรียนภาษาของเขาและเต็มใจช่วย

เราชอบภาษาจีนคำว่า 辛苦了(ซิน ขู่ เลอ) คำว่า 辛苦 แปลว่า ความยากลำบาก คนจีนจะพูดคำนี้แทนการแสดงความขอบคุณเวลาเห็นอีกฝ่ายทำงานหนัก ...


นินา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

เล่าเส้นทางที่ทำให้หันมาเรียนภาษาจีนให้ฟังหน่อย

การเป็นลูกเรือทำให้ได้เจอกับผู้โดยสารหลายสัญชาติ และหนึ่งในชาติที่มาเที่ยวไทยเยอะมากๆ คือคนจีน รวมถึงเส้นทางยอดนิยมที่คนไทยอยากไปเที่ยว ก็มีจีนติดอยู่เป็นอันดับต้นๆ เราเลยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคนจีนรวมถึงประเทศจีนมากขึ้น

ในบางครั้งเราต้องการจะช่วยเหลือหรือสื่อสารกับคนจีน ถ้าอยู่ภาคพื้น แน่นอนว่าเรามี google translate หรืออินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ทุกอย่างง่าย แต่บนเครื่องบินบางทีไม่ได้มีอินเทอร์เน็ต การสื่อสารก็จะทำได้ยาก บางครั้งมีเรื่องสำคัญที่เราอยากจะสื่อสาร แต่ทำไม่ได้ เพราะติดเรื่องภาษา เพื่อตัดความกวนใจเหล่านี้ และทำให้เราได้เข้าใจผู้โดยสารมากขึ้น เราเลยตัดสินเริ่มเรียนภาษาจีนดู

@@@@@@@

พอได้เข้าใจภาษาจีนรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์หรือมีความหมายอะไรที่พิเศษสำหรับคุณบ้าง

เรารู้สึกว่าการเข้าใจภาษาจีนเปิดโลกเราให้กว้างขึ้นไปอีก คอนเซ็ปต์เดียวกับการที่เราเรียนภาษาอังกฤษแหละ มันเป็นภาษากลางอีกหนึ่งภาษาที่ใช้กันแพร่หลาย สมมติเราไปประเทศญี่ปุ่น เราสามารถอ่านป้ายบางป้ายเข้าใจเพราะมันมีรากของภาษาจีนอยู่ในนั้น บางที่คุยกับผู้โดยสารที่ไม่ใช่เชื้อชาติจีน อาทิ มาเลเซียหรือคนเกาหลีที่นิยมเรียนภาษาจีน เราก็สามารถใช้ภาษาจีนเป็นตัวกลางในการสื่อสารได้ เพราะบางทีเขาถนัดภาษาจีนมากกว่าภาษาอังกฤษอีก

@@@@@@@

หลังจากได้ใช้ภาษาจีนกับผู้โดยสารคนจีน คุณมีประสบการณ์หรือความทรงจำกับคนจีนเปลี่ยนไปไหม

แน่นอนว่าภาษาทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับคนมากขึ้น บางทีด้วยลักษณะของคนจีนอาจจะดูเสียงดังโผงผาง แต่พอเราเข้าใจบริบท ก็พบว่าพวกเขาไม่ได้มีอารมณ์โกรธหรืออะไรแฝงอยู่ด้วยซ้ำ แค่เป็นลักษณะการสื่อสารที่ถ้าเราไม่เข้าใจ เราคงนึกว่าเขากำลังโมโหใครอยู่

สามารถพูดได้ว่าการเข้าใจภาษาทำให้เราเข้าใจคนมากขึ้น เราได้เพื่อนใหม่จากภาษาจีนเยอะจริงๆ ทั้งเพื่อนไต้หวัน เพื่อนฮ่องกง เกิดจากการที่เราเข้าไปถามศัพท์ บอกว่าเรากำลังเรียนภาษาจีนอยู่นะ 100% ของคนที่เราเข้าไปถาม ทุกคนดีใจที่เห็นคนเรียนภาษาของเขาและเต็มใจช่วยมากๆ

เราเคยนั่งอ่านหนังสือศัพท์จีน แล้วมีคนเดินผ่านมาพร้อมชะโงกหน้าดู สักพักเขาเปิดกระเป๋า แล้วหยิบหนังสือเรียนภาษาไทยออกมา พร้อมบอกว่าเขากำลังเรียนภาษาไทย คุณเรียนภาษาจีนหรอ งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันไหม จะได้ช่วยกัน

และจนถึงวันนี้ เราสองคนก็ยังติดต่อเพื่อแลกเปลี่ยนคำถามเกี่ยวกับภาษาของกันและกันอยู่เสมอ

@@@@@@@

มีคำภาษาจีนที่คุณชอบมากๆ ไหม ความหมายของมันคืออะไร

เราชอบคำว่า 辛苦了(ซิน ขู่ เลอ)  คำว่า 辛苦 แปลตรงๆ ได้ว่า ความยากลำบาก คนจีนจะพูดคำนี้แทนการแสดงความขอบคุณเวลาเห็นอีกฝ่ายทำงานหนัก เรารู้สึกว่ามันแสดงความเห็นใจได้ดีมาก ไม่ใช่แค่ขอบคุณ แต่แสดงให้เห็นว่าฉันเห็นสิ่งที่เธอทุ่มเท

เราเคยทำงานแล้วเหนื่อยมากๆ ผู้โดยสารเองก็คงเห็นว่ามีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น พอตอนออกจากเครื่อง พร้อมใจกันเดินมาพูดกับเราว่า 谢谢,辛苦你了 ไม่รู้ภาษาไทยใช้ว่าอะไร แต่คงประมาณว่า ขอบคุณนะ เธอคงเหนื่อยมากเลย มันไม่ใช่คำที่ได้ยินบ่อยในภาษาไทยด้วย พอได้ยินแล้วมันรู้สึกว่าน่ารักดี





3. “ขอตะเกียบหน่อยครับ” เป็นคำที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ เวลาไปทานข้าวกับครอบครัว พ่อโตมากับการใช้ตะเกียบในการกินทุกสิ่งอย่าง มันทำให้เราติดนิสัยการใช้ตะเกียบมาเช่นกัน ถ้าเลือกได้เราก็อยากใช้ตะเกียบเหมือนคุณพ่อ เพราะรู้สึกคล่องมือ และมีอรรถรสในการทานอาหารอย่างมาก...

นิน ตัดต่อวิดีโอ

การโตมาในครอบครัวคนจีน มีเรื่องอะไรที่คุณรู้สึกว่านี่คือ ‘ความจีน’ หรือวัฒนธรรมจีน ที่คุณได้สัมผัสอย่างชัดเจนบ้าง

“ขอตะเกียบหน่อยครับ” เป็นคำที่เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งเวลาไปทานข้าวกับครอบครัว พ่อเราโตมากับการใช้ตะเกียบในการกินทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีบ ซาลาเปา แน่นอนว่ามันทำให้เราติดนิสัยการใช้ตะเกียบมาเช่นกัน ถ้าเลือกได้ก็คงอยากใช้ตะเกียบเหมือนคุณพ่อ เพราะรู้สึกคล่องมือ และมีอรรถรสในการทานอาหารอย่างมาก

@@@@@@@

คุณคิดว่าตัวเองได้เรียนรู้ ‘คุณค่า’ หรือเรื่องดีๆ ในแนวคิดแบบคนจีนมาอย่างไรบ้าง อะไรที่คุณสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันหรือส่งผลต่อตัวคุณ

ในทุกๆ ปี จะมีอยู่ 2 งานใหญ่ ที่ทำให้ตระกูลของเรากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน หนึ่งในนั้นคือ ‘ตรุษจีน’ และ ‘เช็งเม้ง’ ในงานพวกนี้ เหล่าลูกๆ หลานๆ จะกลับมาเยี่ยมบรรพบุรุษผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

ทุกๆ ครั้งที่เราได้ไปร่วมงานตั้งแต่สมัยตัวเล็กๆ จนปัจจุบันที่โตเป็นผู้ใหญ่ จะมีอยู่ภาพหนึ่งที่เป็นภาพประทับใจสำหรับเราตลอดมา นั่นคือการล้อมวงหน้าหลุมศพ แล้วร้องบทเพลงที่อากงกับอาม่าชอบในสมัยที่ยังมีชีวิต

ส่วนตัวเราไม่ได้มีเวลาอยู่กับอากงและอาม่าในตอนที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ขนาดนั้น แต่บทเพลงเดิมๆ ในงานเช็งเม้งที่เราได้ฟังทุกๆ ปี ทำให้เรารับรู้ว่าท่านทั้งสองให้ความรักกับลูกๆ ของพวกเขามากขนาดไหน เรารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ฟัง เป็นการไปเยี่ยมหลุมศพที่ไม่ได้กลับมาพร้อมความเศร้า แต่ได้ความสบายใจอีกรูปแบบหนึ่งกลับมาแทน

@@@@@@@

คนชอบพูดกันว่าคนจีนรักลูกชายมากกว่า ขณะเดียวกันก็คาดหวังกับลูกชายมากๆ คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง

การสืบสกุล เรื่องนี้คงสำคัญไม่น้อยสำหรับบางครอบครัวในตระกูลเรา

ครั้งหนึ่งเราได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งลืมตาดูโลกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล ปกติแล้วครอบครัวจะมีของขวัญชิ้นน้อยชิ้นใหญ่เข้ามารับขวัญเด็กๆ แต่กับเธอ เราเห็นการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับลูกชายที่เกิดมาก่อนหน้า

มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เราเห็นใจและอยากให้รู้ว่าครอบครัวไม่ได้ทอดทิ้งเขา แต่เราก็ได้แต่หวังว่า ความน่ารัก ความน่าเอ็นดูของเด็กคนหนึ่ง จะทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านนั้นเปลี่ยนความคิด และรักลูกอย่างเสมอภาคได้

@@@@@@@

การที่คุณเป็นคนรักและให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรกๆ มาจากความเป็นครอบครัวคนจีนไหม

เราโตมาในครอบครัวคนจีนที่มีลูกหลานเยอะมาก หนึ่งในความตั้งใจของอาม่าตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ คือการให้ลูกๆ หลานๆ ได้สนิทกัน จึงเกิดมาเป็นการรวมตัวของลูกๆ หลานๆ ในทุกๆ เย็นวันเสาร์เพื่อรับประทานอาหารฝีมืออาม่า

ความตั้งใจของอาม่าที่อยากให้คนในครอบครัวสนิทกันก็ประสบผลสำเร็จอย่างมาก เราตอนเด็กๆ รู้สึกสนุกครั้งที่ได้ไปเจอครอบครัว ได้ทานกับข้าวอร่อยๆ ได้วิ่งเล่นกับลูกพี่ลูกน้อง ได้ความเอ็นดูจากเหล่าญาติๆ แถมยังได้ค่าขนมจากอาม่าด้วย

มวลบรรยากาศความอบอุ่นที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กนี้ ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของครอบครัวโดยไม่รู้ตัว





4. 只要决心成功,失败永远不会把你击倒。- ความล้มเหลวจะไม่สามารถล้มคุณลงได้ตลอดกาล ตราบใดที่คุณยังมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ

เรื่องที่ได้เรียนรู้จากความเป็นจีนคือ คิดว่าคนจีนส่วนใหญ่จะเป็นคนขยันทำงาน มีหัวการค้า และคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา พวกเขาจะทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่เกี่ยงงาน คิดว่านี่เป็นส่วนที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ...


ออม ฟรีแลนซ์

การโตมาในครอบครัวคนจีน มีเรื่องอะไรที่คุณรู้สึกว่านี่คือ ‘ความจีน’ หรือวัฒนธรรมจีน ที่คุณได้สัมผัสอย่างชัดเจนบ้าง

ก็จะเป็นเรื่องของการไหว้เทพเจ้า ไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลต่างๆ เช่นตรุษจีน เชงเม้ง พิธีการในการไหว้ การเตรียมอาหารและของไหว้ แล้ววันพวกนี้ก็จะเป็นวันที่ได้รวมญาติ

ส่วนมากคนจีนในไทยสมัยก่อนจะมีลูกเยอะ เป็นครอบครัวใหญ่ เลยคิดว่าวันเหล่านี้ก็เป็นโอกาสดีๆ ที่ทำให้เราได้กลับมาพบปะพูดคุยกัน นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของลำดับการเรียกญาติในครอบครัวที่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าการเรียกแบบจีนค่อนข้างซับซ้อน

@@@@@@@

คุณคิดว่าตัวเองได้เรียนรู้ ‘คุณค่า’ หรือเรื่องดีๆ ในแนวคิดแบบคนจีนมาอย่างไรบ้าง อะไรที่คุณสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันหรือส่งผลต่อตัวคุณ

คิดว่าคนจีนส่วนใหญ่เป็นคนขยันทำงาน เป็นคนที่มีหัวการค้า และคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา พวกเขาจะทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่เกี่ยงงาน คิดว่านี่เป็นส่วนที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและร่ำรวยขึ้นมาได้ในทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้ที่เราได้เห็นตั้งแต่เด็กจนโตก็เป็นส่วนที่ช่วยจุดไฟในตัวเราเหมือนกัน

@@@@@@@

คนชอบมองว่า ‘ลูกสาว’ ในครอบครัวคนจีนจะลำบาก หรือคนจีนรักลูกชายมากกว่า ในฐานะที่คุณเป็นลูกสาวคิดเห็นอย่างไรกับความคิดนี้ และตัวคุณ

คิดว่าถ้าเป็นสมัยก่อน ก็เป็นเรื่องจริงที่คนจีนส่วนใหญ่จะรักลูกชายมากกว่า เพราะสมัยก่อนเขาจำกัดการมีลูกต่อหนึ่งครอบครัว พอมีลูกได้น้อย คนจีนก็จะอยากได้ลูกชายเพื่อที่มาสืบสกุล และรู้สึกว่าลูกชายเป็นสิ่งล้ำค่า

แต่คิดว่าสมัยนี้หลายบ้านเป็นครอบครัวสมัยใหม่ เรื่องพวกนี้ก็น้อยลงไปมากแล้ว หลายๆ ครอบครัวยินดีที่เขาได้ลูกสาว และมอบความรักให้ลูกเหมือนๆ กันไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย

เราเคยคุยกับคนจีนเขาก็บอกว่า อยากได้ลูกสาวเพราะว่าลูกสาวน่ารัก อยากมีลูกสาวมาอ้อน ในสื่อออนไลน์ของจีนก็จะเห็นหลายๆ ครอบครัวเลี้ยงดูลูกสาวเป็นอย่างดี พี่ชายหรือน้องชายก็จะรักและหวงพี่สาวน้องสาวมาก

@@@@@@@

มีคำภาษาจีนที่คุณชอบมากๆ ไหม ความหมายของมันคืออะไร

只要决心成功,失败永远不会把你击倒。

แปลว่า ความล้มเหลวจะไม่สามารถล้มคุณลงได้ตลอดกาล ตราบใดที่คุณยังมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ





5. ตั้งแต่เรามีแพลตฟอร์ม TikTok หรือที่คนจีนเรียกกันว่า Dǒuyīn คนไทยมีโอกาสได้เชื่อมโยงเข้ากับคนจีนและวัฒนธรรมจีนผ่านโลกออนไลน์ได้ง่ายดายขึ้น

เราจะเห็นทั้งเทรนด์แต่งหน้าแบบ ‘พส.จีน’ (Douyin Makeup), ไวรัลหนีห่าวเหล่ากง และหว่อเมินชี มันส่งต่อหรือถ่ายทอดวัฒนธรรมป๊อปในแง่การแต่งหน้าแต่งตัว การรับรู้รสนิยมความสวยหล่อ ภาพวิถีชีวิต รวมไปถึงบทเพลงที่เราฟังซ้ำๆ จนร้องตามได้ ....


เมฆ โปรดิวเซอร์

คุณใกล้ชิดวัฒนธรรมจีนผ่านการเล่น TikTok ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

ความสัมพันธ์และการถ่ายทอดวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีน ไม่ได้มีแค่ในพื้นที่กายภาพ หรือในเทศกาลวันตรุษจีนเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์บนพื้นที่ออนไลน์อยู่ด้วย

ตั้งแต่เรามีแพลตฟอร์ม TikTok หรือที่คนจีนเรียกกันว่า Dǒuyīn ในประเทศไทยเมื่อปี 2561 เป็นต้นมา ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนไทยมีโอกาสได้เชื่อมโยงเข้ากับคนจีนและวัฒนธรรมจีนผ่านโลกออนไลน์ได้ง่ายดายขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ป๊อปคัลเจอร์และเทรนด์ความเป็นไปของพี่น้องชาวจีนในโลกยุคปัจจุบัน เพราะเมื่อก่อนคนไทยมักจะใช้งานโซเชียลมีเดียจากฝั่งตะวันตกเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) และอื่นๆ

ดังนั้นติ๊กต็อกจึงน่าจะเป็นแพลตฟอร์มแรกๆ ในรอบหลายปีที่ร่นระยะห่างจากจีนมาไว้ใกล้มือเราได้มากขนาดนี้ และติ๊กต่อกก็เป็นที่นิยมในประเทศไทยมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 มิหนำซ้ำบ้านเรายังติดท็อป 10 ของโลกในแง่จำนวนผู้ใช้งานตลอดหลายปีมานี้ด้วย

@@@@@@@

ตอนนี้มีเทรนด์อะไรจากจีนที่ได้รับความนิยมในไทยบ้าง

สิ่งที่น่าสนใจและน่าสนุกมากของเทรนด์ช่วง 1-2 ปีนี้ อย่างแรกก็คือการเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์สาวจีน หรือที่เนติเซนเรียกว่า ‘พส.จีน (พี่สาวจีน)’ หรือ Douyin Makeup เรียกได้ว่าเป็นการวาดหน้าใหม่ทั้งหน้าด้วยเครื่องสำอาง โดยไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะแต่งออกมาได้ธรรมชาติไหม เพราะไม่เน้นธรรมชาติ แต่เน้นให้สวยอินเทรนด์แบบพส.จีน

การแต่งหน้าแบบนี้จะเน้นความขาวสว่างอมชมพู เพื่อการสร้างโหงวเฮ้งที่ดี และเพื่อแต่งหน้าให้แลดูอ่อนกว่าวัย ด้วยงานผิวฉ่ำสวย ไล้จมูกให้เล็ก ปากเบลอเบลนด์ให้ดูจือ ดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบกลาสสกิน ขนตางอนเด้ง ระบายเปลือกตาเป็นกลิตเตอร์ และวาดใต้ตาให้วิ้งวับ เป็นต้นฉบับการเขียนดอลลี่อายให้ฉ่ำๆ ซึ่งทำให้ยูทูบเบอร์และติ๊กต็อกเกอร์ไทย รวมไปถึงสาวไทยหลายๆ คนต้องร้องว้าวจนต้องแต่งตามกันเป็นแถบ

นอกจากชาวเนติเซนจะชอบดูความสวยความงามกัน ความหล่อของผู้ชายจีนก็ถูกแชร์ให้เห็นจำนวนมากในติ๊กต็อก แถมยังกระชากใจยูสเซอร์ไทยหลายคนด้วย และสิ่งที่เราเห็นจำนวนมาก ทั้งที่ชาวไทยล้อเล่นกันจนเป็นมีม และที่ทำคอนเทนต์จริงจัง อาทิ ในเทรนด์อย่าง หนีห่าวเหล่ากง (สวัสดีสามี) หว่อ เจี้ยว (ฉันชื่อ) เวียงแก้ว หว่อ เจี้ยว (ฉันชื่อ) น้ำเพชร พวกเราอยากได้ผัวจีนที่หล่อและรวยมากๆ ที่เริ่มจากคุณเวียงแก้วและคุณน้ำเพชรที่ถูกนำแผ่นเสียงไปใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถตามไปดูต้นฉบับได้ที่ : https://www.tiktok.com/@nam.phet1812/video/7386970290716151058

รวมไปถึงยูสเซอร์ของคุณ Serwhyway ที่นำเพลงฮิตจีนมาร้องจีบผู้ชายจีนว่า “หว่อเมินชี…” จนไวรัลไปทั่วติ๊กต็อกไทย โดยเพลงที่ว่านี้มาจากเพลง Wang San (王三) ของนักร้องชื่อ Jin Sheng Yuan (今生缘) ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อน จนชาวเนติเซนไทยเปรียบเทียบว่า มีความคล้ายคลึงกับเพลง เราและนาย ของ LOSO มันจึงกลายเป็นเพลงที่ถูกร้องเพื่อแสดงความรู้สึกเอ็นดูหนุ่มจีนในบริบทของเนติเซนไทยไปโดยปริยาย ซึ่งล่าสุดแอ็กเคาต์ Serwhyway ก็อินกับเทศกาลตรุษจีนจนแต่งชุดกี่เพ้ามาร้องหว่อเมินชี เพื่อต้อนรับตรุษจีนกับเขาเสียด้วย

@@@@@@@

การได้สัมผัสวัฒนธรรมป๊อปเหล่านี้ทำให้เข้าใจ ‘ความเป็นจีน’ มากขึ้นยังไงบ้าง

เราจะเห็นได้ว่า ทั้งเทรนด์ Douyin Makeup, หนีห่าวเหล่ากง และ หว่อเมินชี คือผลผลิตของแพลตฟอร์มจีนอย่างติ๊กต็อก ที่ส่งต่อหรือถ่ายทอดวัฒนธรรมป๊อปในแง่การแต่งหน้าแต่งตัว การรับรู้รสนิยมความสวยหล่อ ภาพวิถีชีวิต รวมไปถึงบทเพลงที่เราฟังซ้ำๆ จนร้องตามได้แม้ไม่รู้ความหมาย

และในแง่หนึ่ง แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังนี้ยังทำให้คนไทยและคนจีนใกล้กันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และหากเราใช้มันได้อย่างถูกที่ถูกทาง ก็สามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างมิตรภาพที่ดี การสร้างความรู้ และความเข้าใจในเชิงบวกให้กับเนติเซนทั้งสองประเทศได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง และเราก็จะสามารถนึกถึงวัฒนธรรมจีนที่อยู่ใกล้ตัวได้ง่ายขึ้น โดยไม่ได้มีเพียงวันตรุษจีนที่เราจะได้เห็นเพียงปีละครั้งเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 30, 2025, 06:45:13 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



6. ช่วงเทศกาลตรุษจีนและสารทจีน อาม่าจะทำ ‘ขนมเทียน’ เพื่อนำมาไหว้เสริมมงคลและเคารพบรรพบุรุษ ลูกหลานจะมารวมตัวกันที่บ้านอาม่าเพื่อทำขนมร่วมกัน เราคิดว่ามันน่าจะเป็นกิจกรรมที่ช่วยอาม่าแก้เหงา ได้ทำขนม ทำอาหาร แถมยังมีคนแวะมาหาอยู่เรื่อยๆ สำหรับเราขนมเทียนของอาม่าคือขนมเทียนที่อร่อยที่สุด แต่หลังจากอาม่าเสียเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่มีใครทำขนมเทียนอีกเลย ...

จีน โปรดิวเซอร์

การโตมาในครอบครัวคนจีน มีเรื่องอะไรที่คุณรู้สึกว่านี่คือ ‘ความจีน’ หรือวัฒนธรรมแบบจีน ที่คุณได้สัมผัสอย่างชัดเจนบ้าง

คุณค่าที่ได้เห็นและสัมผัสอย่างชัดเจนคือเรื่องการใช้ชีวิตอย่าง ‘ประหยัด ขยัน และอดทน’ ซึ่งเราได้เรียนรู้และซึมซับสิ่งเหล่านี้มาจากการได้อยู่ใกล้ชิดกับอากงอาม่า รวมถึงฟังเรื่องเล่าจากพ่อแม่อีกที

ถ้ามองย้อนกลับไป เราไม่เคยเห็นอากงอาม่า (ทั้งฝั่งพ่อและแม่) ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยเลย พวกท่านไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น อะไรที่เก่าแต่ยังใช้ได้ ก็จะใช้ต่อไปตัวอย่างเช่น ตั้งแต่เกิดมาเราเห็นอาม่าใช้กระเป๋าเดินทางอยู่ใบเดียว เวลาต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านก็จะใช้กระเป๋าเดินทางทรงวินเทจใบนี้ใบเดียว (เท่านั้น)

อาม่าเคยพูดเล่นๆ หลายครั้งว่าอยากซื้อใบใหม่ แต่เรารู้สึกว่าอาม่าคงผูกพันกับกระเป๋าใบนี้ เพราะต่อให้ลูกหลานพาไปซื้อ ท่านก็คงไม่ยอมเปลี่ยน ผ่านไป 30 ปีจนอาม่าเสียไปแล้ว กระเป๋าเดินทางใบนั้นก็ยังอยู่ ไม่เคยถูกเปลี่ยนหรือแทนที่เลยสักครั้ง

มากไปกว่านั้น อากงอาม่ายังไม่เคยเรียกร้องที่จะไปเที่ยวหรือไปหาความสุขจากนอกบ้านเลย ถ้าไม่นับที่ลูกหลานพาไป เราไม่เคยเห็นพวกท่านกระตือรือร้นที่จะใช้เงินกับเรื่องพวกนี้เลย

อากงเคยเล่าให้พ่อฟังว่า ตัวเองไม่ค่อยชอบเที่ยว เพราะไปเที่ยวกลับมาแล้วก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่เหลืออะไร ถ้าเป็นแบบนั้นเก็บเงินไว้ดีกว่า

สมมติว่าไปเที่ยวหนึ่งครั้งต้องใช้เงิน 10,000 บาท แต่แทนที่จะไปเที่ยว อากงสามารถเอาเงินส่วนนั้นไปซื้อทองได้ 5 บาทเลย (ทองคำในอดีตราคาบาทละประมาณ 2,000-3,000 บาท) ซึ่งอากงสามารถเก็บทองคำไว้ลงทุนกับสิ่งที่มีค่า หรือเก็บเป็นทรัพย์สินให้ลูกหลานได้ เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าสำหรับอากงแล้ว กำไรของชีวิตคือการประหยัดอดออม ไม่ใช่การท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอากงอาม่าไม่ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าพูดเรื่องการเลี้ยงดูลูกหลาน พวกท่านทุ่มเต็มที่  เพราะลูกหลานทุกคนเติบโตมาอย่างดี ได้เข้าโรงเรียนและมหาวิทยาลัยดีๆ จนทุกวันนี้ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก

@@@@@@@

คุณคิดว่าตัวเองได้เรียนรู้ ‘คุณค่า’ หรือเรื่องดีๆ ในแนวคิดแบบคนจีนมาอย่างไรบ้าง หรืออะไรที่คุณสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวัน/ส่งผลต่อตัวคุณ (อาจจะเป็นเรื่องคำสอน ไปจนถึงเรื่องอื่นๆ เช่น หนังสือที่อ่าน อาหารประจำครอบครัว ความสัมพันธ์กับปู่ย่าที่ยังพูดภาษจีน)

อันดับแรกคือเรื่องการออมเงินที่พ่อแม่สอนเราและน้องมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนเรื่องไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทุกวันนี้เราก็พยายามทำให้ได้ แต่ไม่สำเร็จทุกครั้ง  (ฮา)

นอกจากนั้นคงเป็นไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตที่เราซึมซับมาจากการอยู่กับอากงอาม่า เช่น เข้านอนเร็ว ตื่นเช้า ออกไปเดินเล่นหน้าบ้านหลังอาหารเย็น ฯลฯ

สำหรับอาหารที่เราชอบกินคือ ‘เต่ากัว’ เต้าหู้แข็งสีขาวและสีเหลือง ซึ่งช่วงที่อาม่ายังมีชีวิตอยู่ เราต้องแวะไปซื้อเต่ากัวที่ร้านเป็นประจำ ส่วนการกินอาหารอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอากงอาม่าคือ กินข้าวต้มกับขิงสด ถั่วต้ม และเกี่ยมฉ่าย รวมไปถึงดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำ เหตุผลหนึ่งที่ชอบคือรสชาติของน้ำเต้าหู้อร่อย อีกเหตุผลคือเห็นอาม่าดื่มทุกวัน แล้วผมดกหนาตลอด เลยอยากจะเลียนแบบมั่ง (ฮา)

@@@@@@@

คนชอบมองว่า ‘ลูกสาว’ ในครอบครัวคนจีนจะลำบาก หรือคนจีนรักลูกชายมากกว่า ในฐานะที่คุณเป็นลูกสาวคิดเห็นอย่างไรกับความคิดนี้

การเป็นลูกสาวในครอบครัวจีนอาจไม่ได้ลำบากในการใช้ชีวิต แต่จากการสังเกตของเรา วัฒนธรรมของคนจีนจะให้น้ำหนักและความสำคัญกับลูกชายมากกว่า เพราะพวกเขาถือว่าลูกชายคือผู้สืบทอดตระกูล ส่วนลูกสาว ถ้าแต่งงานจะถือว่าเป็นคนนอกเพราะเปลี่ยนนามสกุลแล้ว

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการจัดงานศพตามประเพณีจีน ช่วงทำพิธีกงเต๊ก รุ่นลูกจะต้องยืนเรียงแถวตามลำดับอายุ ต่อด้วยรุ่นหลานที่ต้องยืนเรียงแถวตามอายุเช่นกัน

ทั้งนี้ หลานคนที่จะได้ยืนอันดับแรกต่อจากรุ่นลูก (ไม่ว่าหลานคนนั้นจะอายุเท่าไหร่เมื่อเทียบกับหลานคนอื่นๆ) คือ ‘ลูกชายของลูกชายคนโต’ หรือ ‘หลานชายคนโต’ ซึ่งภาษาจีนแต้จิ๋วจะเรียกว่า ‘ตั่วซุง’ เพราะตามธรรมเนียมเชื่อว่า หลานชายคนโตมีศักดิ์เทียบเท่าลูกชายคนเล็ก

เราเคยอยู่ในพิธีที่น้องชายของเราได้เป็นตั่วซุง และต้องมายืนอยู่หน้าเราผู้เป็นพี่สาวคนโต ตั่วซุงมีหน้าที่สำคัญคือถือกระถางธูปช่วงที่เคลื่อนโรงศพของอากงอาม่าไปยังสุสาน ส่วนลูกหลานผู้หญิงก็ต้องเดินตามไปทีหลัง ถือเป็นประเพณีที่ทำให้เห็นชัดว่าคนจีนให้ความสำคัญกับลูกผู้ชายมากแค่ไหน

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของการเลี้ยงดู เราคิดว่าอากงอาม่า รวมถึงพ่อแม่ของเรา รักลูกหลานทุกคนและเลี้ยงดูพวกเรามาอย่างดีที่สุด ไม่ได้โดนกีดกันหรือเลือกปฏิบัติอย่างที่ลูกสาวคนจีนในอดีตต้องพบเจอ

@@@@@@@

ช่วยเล่าเรื่อง ‘ขนมเทียน’ สูตรอาม่าให้ฟังหน่อย มันต่างจากขนมเทียนที่อื่นยังไง แล้วถ้าไม่มีอาม่าแล้ว คุณจะยังสามารถทำตามสูตรได้อยู่ไหม

ช่วงเทศกาลตรุษจีนและสารทจีน อาม่าจะทำ ‘ขนมเทียน’ เพื่อนำมาไหว้เสริมมงคลและไหว้เคารพบรรพบุรุษ

ก่อนเทศกาลเริ่มต้นขึ้น ลูกหลานจะมารวมตัวกันที่บ้านอาม่าเพื่อทำขนมเทียนร่วมกัน พวกเราทำกันเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่นวดแป้ง ผัดไส้ ตัดใบตอง ห่อขนมเทียน ก่อนจะนำขนมไปนึ่ง

เราจำภาพการทำขนมเทียนได้ดี ภายในบ้านจะวางหม้อและกะละมังไว้ตามจุดต่างๆ สำหรับนวดแป้งและห่อขนมเทียน ส่วนลานหลังบ้านคือครัวเปิดที่มีเตาถ่านสำหรับผัดไส้ขนมเทียน มีทั้งไส้เค็มที่มีส่วนผสมของหมูสับ ถั่วเขียวผ่าซีก และพริกไทย รวมถึงไส้หวานที่ทำจากมะพร้าวและน้ำตาลปี๊บ

เคล็ดลับความอร่อยคงจะเป็น ‘น้ำมันหมู’ ที่ใช้ผัดไส้และใช้ทาใบตองตอนห่อขนมเทียน ซึ่งในครอบครัวชอบพูดแซวกันบ่อยๆ ว่า ขนมเทียนอร่อยก็จริง แต่อย่ามาดูเบื้องหลังการทำเลย เพราะใส่น้ำมันหมูจุกมาก

สำหรับเราขนมเทียนของอาม่าคือขนมเทียนที่อร่อยที่สุด อาจเป็นเพราะเราโตมากับมันและเป็นรสชาติที่คุ้นเคย ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล เราก็คงไม่มีโอกาสได้กินขนมประเภทนี้เท่าไหร่ เพราะปกติคงไม่คิดไปซื้อขนมเทียนกินเองอยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นขนมพิเศษที่เวียนมาให้เรากินทุกๆ ปี

หลายคนสงสัยว่าอาม่าจะทำขนมเทียนเองให้เหนื่อยทำไม บ้านอื่นเขาซื้อมาไหว้กันหมดแล้ว เพราะจะได้ไม่ต้องเสียแรงและเสียเวลาของลูกหลานด้วย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เราคิดว่ามันน่าจะเป็นกิจกรรมที่ช่วยอาม่าแก้เหงา เพราะชีวิตในแต่ละวันของอาม่าไม่ได้มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว จะมีก็ช่วงเทศกาลนี่แหละ ที่เปิดโอกาสให้ได้ทำขนม ทำอาหาร แถมยังมีคนแวะมาหาอยู่เรื่อยๆ ทำให้บ้านดูคึกคักขึ้นมาบ้าง

หลังจากอาม่าเสียเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่มีใครทำขนมเทียนอีกเลย แต่คนที่ยังทำขนมเทียนสูตรอาม่าได้ก็ยังมีอยู่นะ คือแม่ของเราเอง ถ้าอยากกินขนมเทียนรสชาติเดิมก็คงต้องขอให้แม่ทำ ไม่ก็ต้องหัดทำเองให้เป็นซะเลย

@@@@@@@

มีคำภาษาจีนที่คุณชอบมากๆ ความหมายของมันคืออะไร

คำภาษาจีนแต้จิ๋วที่เราคุ้นเคยคือ ‘เจี๊ยะปึ่ง’ แปลว่า ‘กินข้าว’ เพราะเป็นคำที่พูดมาตั้งแต่เด็กๆ

ในครอบครัวของเรา ก่อนทานข้าวทุกมื้อ หลานๆ จะต้องเดินไปหาอากงอาม่าและพูดว่า “อากงอาม่าเจี๊ยะปึ่งค่ะ/ครับ” เมื่ออากงอาม่ามานั่งโต๊ะ เราถึงจะเริ่มทานข้าวพร้อมกัน

เราคิดว่ามันเป็นคำที่สะท้อนวัฒนธรรมจีนได้ดี ที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญู การเคารพบรรพบุรุษ และการนึกถึงผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ถ้ามองในภาพรวม เรามองว่าคำสอนทั้งหมดจากอากงอาม่าและพ่อแม่ของเรา ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับ ‘ความกตัญญู’ มีทั้งแนวคิดที่เราเรียนรู้โดยตรงหรือซึมซับมาแบบไม่รู้ตัว

ซึ่งเรามองว่าใจความสำคัญของความกตัญญูก็คงไม่ต่างจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายอื่นๆ เพียงแค่ถูกถ่ายทอดผ่านประเพณีและวัฒนธรรมที่มีลักษณะเฉพาะของคนจีนก็เท่านั้นเอง





Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/105131
Thairath Plus › Everyday Life ›  Live & Learn › Lifestyle | 29 ม.ค. 68
creator : กองบรรณาธิการ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 30, 2025, 06:41:23 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ