ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อีสาน ‘ชาวสยาม’ ต้นทางความเป็นไทย  (อ่าน 1985 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29338
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
อีสาน ‘ชาวสยาม’ ต้นทางความเป็นไทย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2025, 06:07:20 am »
0



สุจิตต์ วงษ์เทศ : อีสาน ‘ชาวสยาม’ ต้นทางความเป็นไทย

คนไทยและความเป็นไทยมีต้นตออยู่อีสาน “โขง-ชี-มูล” พบหลักฐานสนับสนุนแข็งแรงนับไม่ถ้วนทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี และมานุษยวิทยา

[ข้อมูลส่วนหนึ่งอยู่ในบทความเรื่อง อีสาน “ไม่ไทย” ต้นทาง “ไทย” จากอีสาน ใน มติชน รายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2568 หน้า 9]

ภาษาและวัฒนธรรมไท-ไต-ไทย เป็นพลังดึงดูดและหล่อหลอมคนหลายชาติพันธุ์ในอีสาน โขง-ชี-มูล ซึ่งถูกเรียกว่าชาวสยาม แสดงตนเป็นไทยหรือคนไทย เพื่อประโยชน์ทางการค้าและการเมือง

ชาวสยามดั้งเดิม มีบ้านเมืองเริ่มแรก อยู่ลุ่มน้ำมูล โดยมีศูนย์กลางใหญ่อยู่เมืองเสมา (ศรีจนาศะ) ริมลำตะคอง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 1500


พระพุทธไสยาสน์ วัดธรรมจักรเสมาราม อำเภอสูงเนิน จังหวัด นครราชสีมา พระพุทธรูปหินทรายสมัยทวารวดีอายุกว่า 1,000 ปี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


วัฒนธรรมสำคัญของดินแดนสยามจากลุ่มน้ำมูล แผ่ลงลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ผ่านลุ่มน้ำป่าสัก) ได้แก่ ปรางค์-ปราสาท, พิธีกรรม, และรามเกียรติ์ ฯลฯ

• ปรางค์-ปราสาท ต้นตอจากปราสาทพิมาย (อ.พิมาย จ.นครราชสีมา) และปราสาทพนมรุ้ง (อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. บุรีรัมย์)
    (1.) เป็นต้นแบบให้พระปรางค์เมืองศรีเทพ (อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์) และพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี)
    (2.) แล้วส่งให้พระปรางค์ในอยุธยา ได้แก่ พระปรางค์วัดราชบูรณะ และพระปรางค์วัดพุทไธศวรรย์

นอกจากนั้น เอนก สีหามาตย์ (อดีตอธิบดีกรมศิลปากร) เขียนบอกไว้ในบทความวิชาการ [พิมพ์ในนิตยสาร ศิลปากร (ฉบับมกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 หน้า 57-69)] สรุปว่า ปราสาทบริเวณลุ่มน้ำมูลในอีสาน ยังเป็นต้นแบบให้ปรางค์นางผมหอม (อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี), ปรางค์ปู่จา (อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย) และปรางค์วัดเจ้าจันทร์ (อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย)

• พิธีกรรม กวนเกษียรสมุทร ถือน้ำพระพัทธ์ พบภาพสลักตามปราสาทบริเวณลุ่มน้ำมูล เป็นต้นแบบการละเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ในราชสำนักอยุธยา (พบหลักฐานในกฎมณเฑียรบาล) ซึ่งเป็นต้นทางโขน

• รามเกียรติ์ พบมากบนภาพสลักที่ปราสาทพิมายและปราสาทอื่นๆ บริเวณลุ่มน้ำมูล เป็นต้นแบบให้อยุธยานับถือรามเกียรติ์ แล้วถวายพระเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดินเป็นพระราม โดยมีการละเล่นในพิธีกรรมสำคัญคือโขนละคร ได้ท่าเต้นฟ้อนจากโขง-ชี-มูล พบหลักฐานเป็นภาพเขียนอายุหลายพันปีมาแล้วแสดงท่ากบบนผนังถ้ำและเพิงผา

• ระเบ็ง การละเล่นในราชสำนักอโยธยา-อยุธยา ได้ต้นแบบจากเซิ้งบั้งไฟบริเวณลุ่มน้ำโขง-ชี-มูล

• สำเนียง ลุ่มน้ำโขง-ชี-มูล เป็นต้นทางสำเนียง “เหน่อ” ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ถึงชายฝั่งทะเลตะวันออก และคาบสมุทรตอนบน

• น่าจะมีอื่นๆ อีกมาก เช่น “ปลาร้า” ภาคกลาง ได้จากคำเขมร ผ่านสำเนียงโคราช ลุ่มน้ำมูล





Thank to : https://www.matichon.co.th/columnists/news_5013790
คอลัมน์ : สุจิตต์ วงษ์เทศ | ผู้เขียน : สุจิตต์ วงษ์เทศ
วันที่ 23 มกราคม 2568 - 16:48 น.   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 07, 2025, 06:11:40 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ