ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รุ่งโรจน์ ค้นลึก จ่อจัดเต็ม 9 ข้อสันนิษฐาน จากจารึกวัดอินฯ  (อ่าน 257 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29338
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



รุ่งโรจน์ ค้นลึก จ่อจัดเต็ม 9 ข้อสันนิษฐาน จากจารึกวัดอินฯ ผนึกนักวิชาการสอบทานรอบสุดท้าย

สืบเนื่องกรณีวัดอินทารามวรวิหาร แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มีการค้นพบจารึกบนฐานพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในเก๋งจีน ศาลารายของพระอุโบสถ โดยปรากฏคำสำคัญว่า ‘ศรีอโยธยา’ รวมถึงนามบุคคลในพงศาวดาร ระบุศักราชตรงกับ พ.ศ.1974 ในรัชกาลเจ้าสามพระยา แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยมีการเผยแพร่คำอ่านอย่างไม่เป็นทางการโดย รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล และ ผศ.ธนโชติ เกียรติณภัทร อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ 10 เมษายนที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่วัดอินทารามวิหาร รศ.ดร.รุ่งโรจน์ และ ผศ.ธนโชติ ร่วมด้วย นายนรนท สุขวณิช มหาบัณฑิตภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เข้าสอบทานคำอ่านจารึก

โดยจารึกที่ฐานพระพุทธรูปมี 2 ตําแหน่ง คือ

ตําแหน่งแรก อยู่ที่บริเวณฐานด้านหน้ามีข้อความขนาดยาว มี 4 บรรทัด อักษรไทยภาษาไทย เริ่มต้น กล่าวถึง จุลศักราช 793 ปีกุน เดือน 10 ขึ้น 8 ค่ํา วันพุธ ตรงกับปฎิทินสากลคือ วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 1974 เจ้านครยศเสด็จลงมาที่ศรีอโยธยา สมเด็จพระบรมราชาศรีมหาจักรพรรดิรับพระราชทานสุพรรณบัตรมีนามว่าขุน ศรีนครยศ ขุนศรีนครยศจึงได้ของประทานสร้างพระพุทธรูปองค์นี้และได้อุทิศข้าพระพุทธรูปและเงินถวาย

ตําแหน่งที่สอง อยู่ที่บริเวณฐานด้านข้างขวาของพระพุทธรูปมีข้อความขนาดยาว มี 4 บรรทัด อักษรไทย ภาษาไทย กล่าวถึง การอุทิศกุศลผลบุญถวายบูรพราชา





รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าวว่า วันนี้พวกตนเดินทางมาร่วมกันสอบทานคำอ่าน ก่อนส่งบทความเกี่ยวกับจารึกดังกล่าว ตีพิมพ์ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม เบื้องต้น ตั้งชื่อบทความว่า ‘จารึกฐานพระพุทธรูปสําริดที่วัดอินทารามวรวิหาร: ประวัติศาสตร์เมืองศรีสัชนาลัย’ โดยมีเนื้อหาวิเคราะห์เชื่อมโยงประวัติศาสตร์อยุธยาและสุโขทัยจากข้อความที่ปรากฏในจารึก

นอกจากนี้ ตนยังมีข้อสันนิษฐานที่นำเสนอในบทความรวม 9 ข้อ ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง 4 ข้อ ได้แก่

1. พระพุทธรูปองค์นี้เคลื่อนย้ายมาจากศรีสัชนาลัย

เนื่องจากจากข้อความในบรรทัดที่ 1 กล่าวถึงเมืองศรีสัชนาลัย และถ้าพิจารณาพระพักตร์ของพระพุทธรูป มีลักษณะเหมือนกับพระพักตร์ของหลวงพ่อสุข วัดหงส์รัตนาราม กรุงเทพฯ ซึ่งปรากฏจารึกที่ฐานว่า พระยาศรียศราชหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1967 ซึ่งชื่อพระยาท่านนี้ก็มีความสัมพันธ์กับเมืองศรีสัชนาลัย

ด้วยเหตุนี้จึงทําให้เชื่อได้ว่าพระพุทธรูปในเก๋งวัดอินทารามก็น่าจะเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย สันนิษฐาน ว่าน่าจะอัญเชิญลงมาในคราวพระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) บูรณะปฎิสังขรณ์วัดอินทารามในครั้งรัชกาลที่ 3ดังนั้นเนื้อความในจารึกหลักนี้จึงเป็นเรื่องราวของเจ้าเมืองศรีสัชนาลัยหรือเมืองเชลียง





2. ศรีอโยธยาในจารึกคือ ร่องรอยชื่อเก่าก่อน พ.ศ. 1893

ในบรรทัดที่ 2 ของจารึกบริเวณฐานด้านหน้าเอ่ยถึง “ศรีอโยธยา” แม้ว่าจารึกหลักนี้จะกล่าวถึงเหตุการณ์ พ.ศ. 1974 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ก็ตาม หากแต่จารึกหลักนี้มิได้สลักโดย ราชสํานักสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ด้วยเหตุนี้จึงทําให้สันนิษฐานว่า “ศรีอโยธยา” ที่ ปรากฏในจารึกหลักนี้คือ ไม่สามารถตีความว่าไม่มีกรุงอโยธยาก่อน พ.ศ. 1893 หากแต่หัวเมืองเหนือปาน้ําโพยัง ยึดติดกับชื่อเดิมของกรุงศรีอยุธยาก่อน พ.ศ. 1893





3. ราชวงศ์ สุพรรณภูมิมีอาณาบารมีแผ่ปกคลุมวงศ์พระร่วง

เนื่องจากเนื้อหาในจารึกซึ่งระบุถึงเจ้านครยศได้เลื่อนสถานภาพขึ้นเจ้านครศรีสัช นาลัยจึงต้องเดินทางมาที่กรุงศรีอยุธยาเพื่อรับพระราชทานสุพรรณบัฏจากสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2(เจ้าสามพระยา)

4. ขุนศรีนครยศเจ้าเมืองเชลียง ในจารึกนี้ คือ คนเดียวกันหรือไม่

เนื้อความในจารึกออกชื่อเจ้านครยศผู้ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นขุนนครยศราช และในตอนท้ายระบุว่าขุนศรี นครยศขออุทิศผลบุญ รศ.ดร.รุ่งโรจน์ สันนิษฐานชื่อทั้ง 3 ที่ปรากฏในจารึกหลักนี้เป็นบุคคลเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าขุนศรีนครยศไม่ใช่ พระยาศรียศราช ในจารึกวัดหงส์รัตนาราม




(จากซ้าย) ผศ. ธนโชติ เกียรติณภัทร, นายนรนท สุขวณิช และ รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล




ขอบคุณ : https://www.matichon.co.th/local/arts-culture/news_5150819
วันที่ 23 เมษายน 2568 - 17:43 น.   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ