.
ไม่ควรยินดีในทานแต่เพียงอย่างเดียว พึงเข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวก
ปิติสูตร
[๑๗๖] ครั้งนั้น ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดี แวดล้อมด้วยอุบาสก ประมาณ ๕๐๐ คน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
"ดูกรคฤหบดี ท่านทั้งหลายได้บำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัช บริขาร ท่านทั้งหลายไม่ควรทำความยินดีด้วยเหตุเพียงเท่านี้ว่า เราได้บำรุงภิกษุสงฆ์ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร"
"เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านทั้งหลายควรสำเหนียกอย่างนี้ว่า พวกเราพึงเข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ตามกาลอันสมควร ด้วยอุบายเช่นไร ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล"
@@@@@@@
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เคยมีมาแล้ว ตามที่ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
"ดูกรคฤหบดี ท่านทั้งหลายได้บำรุงภิกษุสงฆ์ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัช บริขาร"
"เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านทั้งหลายควรสำเหนียกอย่างนี้ว่า พวกเราพึงเข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ตามกาลอันสมควร ด้วยอุบายเช่นไร ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล"
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยใด อริยสาวกย่อมเข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น ฐานะ ๕ ประการ ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น คือ สมัยนั้น...
ทุกข์ โทมนัสอันประกอบด้วยกาม ๑
สุข โสมนัสอันประกอบด้วยกาม ๑
ทุกข์ โทมนัสอันประกอบด้วยอกุศล ๑
สุข โสมนัสอันประกอบด้วยอกุศล ๑
ทุกข์ โทมนัสอันประกอบด้วยกุศล ๑
ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยใด อริยสาวกย่อม เข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น ฐานะ ๕ ประการนี้ ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น ฯ
@@@@@@@
พ. ดีละๆ สารีบุตร สมัยใด อริยสาวกย่อมเข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น ฐานะ ๕ ประการ ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น คือ สมัยนั้น...
ทุกข์ โทมนัสอันประกอบด้วยกาม ๑
สุข โสมนัสอันประกอบด้วยกาม ๑
ทุกข์ โทมนัสอันประกอบด้วยอกุศล ๑
สุข โสมนัสอันประกอบด้วยอกุศล ๑
ทุกข์ โทมนัสอันประกอบด้วยกุศล ๑
ดูกรสารีบุตร สมัยใด อริยสาวกย่อมเข้าถึงปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น ฐานะ ๕ ประการนี้ ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น ฯที่มา : ปีติสูตร ,พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ ,พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=4812&Z=4837
ปิติสูตร ภาษาบาลี อักษรไทย
[๑๗๖] อถโข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปญฺจมตฺเตหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ
คหปตึ ภควา เอตทโวจ ตุเมฺห โข คหปติ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺฐิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจ เภสชฺชปริกฺขาเรน น โข
คหปติ ตาวตเกเนว ตุฏฺฐิ กรณียา มยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺฐิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจ เภสชฺชปริกฺขาเรนาติ ตสฺมา ติห
คหปติ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ กินฺติ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยามาติ เอวํ หิ โว
คหปติ สิกฺขิตพฺพนฺติ ฯ
@@@@@@@
{๑๗๖.๑} เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สารีปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ อจฺฉริยํ ภนฺเต อพฺภุตํ ภนฺเต ยาว สุภาสิตญฺจิทํ
ภนฺเต ภควตา ตุเมฺห โข
คหปติ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺฐิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจย-เภสชฺชปริกฺขาเรน น โข
คหปติ ตาวตเกเนว ตุฏฺฐิ กรณียา มยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺฐิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนาติ ตสฺมา ติห
คหปติ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ กินฺติ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยามาติ เอวํ หิ โว
คหปติ สิกฺขิตพฺพนฺติ ฯ
{๑๗๖.๒} ยสฺมึ ภนฺเต สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปญฺจสฺส ฐานานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ ยมฺปิสฺส กามูปสญฺหิตํ
ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส กามูปสญฺหิตํ
สุขํ โสมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส อกุสลูปสญฺหิตํ
ทุกฺขํโทมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส อกุสลูปสญฺหิตํ
สุขํ โสมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส กุสลูปสญฺหิตํ
ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยสฺมึ
ภนฺเต สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ อิมานิ ปญฺจสฺส ฐานานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตีติ ฯ
@@@@@@@
สาธุ สาธุ สารีปุตฺต ยสฺมึ สารีปุตฺต สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปญฺจสฺส ฐานานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ ยมฺปิสฺส กามูปสญฺหิตํ
ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส กามูปสญฺหิตํ
สุขํ โสมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส อกุสลูปสญฺหิตํ
ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส อกุสลูปสญฺหิตํ
สุขํ โสมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยมฺปิสฺส กุสลูปสญฺหิตํ
ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ ยสฺมึ
สารีปุตฺต สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ อิมานิ ปญฺจสฺส ฐานานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตีติ ฯที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ ภาษาบาลี อักษรไทย พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ สุตฺต. องฺ. (๓): ปญฺจก-ฉกฺกนิปาตา
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=22&item=176&items=1
ปีติสูตร ว่าด้วยปีติ
[๑๗๖] ครั้งนั้น อนาถบิณฑิกคหบดี มีอุบาสกประมาณ ๕๐๐ คนแวดล้อม เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
คหบดี ท่านทั้งหลายได้บำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชชบริขาร
ท่านทั้งหลายไม่ควรทำความยินดีด้วยเหตุเพียงเท่านี้ว่า
‘เราได้บำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชชบริขาร’
เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า ‘พวกเราพึงบรรลุปีติที่เกิดจากวิเวก(๑-) อยู่ตามกาลอันควรด้วยอุบายอย่างไร’
ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
@@@@@@@
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ตามที่พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
‘คหบดี ท่านทั้งหลายได้บำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชชบริขาร
เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
‘พวกเราพึงบรรลุปีติที่เกิดจากวิเวกอยู่ตามกาลอันควร ด้วยอุบายอย่างไร’
ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยใดอริยสาวกบรรลุ ปีติที่เกิดจากวิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกนั้นย่อมไม่มีฐานะ ๕ ประการ คือ
๑. ไม่มีทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยกาม(๒-)
๒. ไม่มีสุขโสมนัสอันประกอบด้วยกาม
๓. ไม่มีทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยอกุศล(๓-)
๔. ไม่มีสุขโสมนัสอันประกอบด้วยอกุศล
๕. ไม่มีทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยกุศล
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยใด อริยสาวกบรรลุปีติที่เกิดจากวิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกนั้นย่อมไม่มีฐานะ ๕ ประการนี้”
@@@@@@@
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ดีละ ดีละ สารีบุตร สมัยใด อริยสาวกบรรลุปีติที่เกิด จากวิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกนั้นย่อมไม่มีฐานะ ๕ ประการ คือ
๑. ไม่มีทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยกาม
๒. ไม่มีสุขโสมนัสอันประกอบด้วยกาม
๓. ไม่มีทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยอกุศล
๔. ไม่มีสุขโสมนัสอันประกอบด้วยอกุศล
๕. ไม่มีทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยกุศล
สารีบุตร สมัยใด อริยสาวกบรรลุปีติที่เกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมไม่มีฐานะ ๕ ประการนี้”
ปีติสูตรที่ ๖ จบเชิงอรรถ
(๑-) ปีติที่เกิดจากวิเวก ในที่นี้หมายถึง ปีติที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยปฐมฌานและทุติยฌาน (องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๑๗๖/๖๘)
(๒-) ทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยกาม หมายถึง ทุกขโทมนัสที่เกิดขึ้นเพราะกาม ๒ ประเภท คือ วัตถุกาม และกิเลสกาม (องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๑๗๖/๖๘)
(๓-) ทุกขโทมนัสอันประกอบด้วยอกุศล หมายถึง เมื่อบุคคลทำอกุศลกรรม เช่น ยิงลูกศรไปด้วยคิดว่า จะฆ่าเนื้อและสุกร แต่เมื่อลูกศรผิดเป้าหมายไป ก็เกิดทุกขโทมนัสขึ้นว่า ‘เรายิงพลาด’ (องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๑๗๖/๖๘)ที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต , ๖. ปีติสูตร ว่าด้วยปีติ
https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=22&siri=176ขอบคุณภาพจาก pinterest