ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์ญาโณทัย : อานิสงส์การเขียนพระไตรปิฎก และอานิสงส์การฟังธรรม  (อ่าน 18 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29464
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



คัมภีร์ญาโณทัย : อานิสงส์การเขียนหรือจารพระไตรปิฎก และอานิสงส์การฟังธรรม

ที่มา :-
ญาโณทยปกรณ์คาถา พระพุทธโฆสาจารย์ รจนา
นายทอง (กิม) หงส์ลดารมภ์ และคณะ (แปล)




 :25: :25: :25:

คำปรารภ (ครั้งแรก)

ในงานพิธีสมโภชพระสุพรรณบัฏ เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ญาโณทยมหาเถระ ซึ่งกําหนด ณ วันที่ ๒๒ และ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๖ คณะกรรมการจัดงานฝ่ายบรรพชิต และคณะศิษยานุศิษย์ในเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดพิมพ์หนังสือ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในงานนี้ จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ คือ

๑. พระเทพคุณาภรณ์ (๑-)  (เทียบ ธมฺมธโร)
๒. พระราชวิสุทธิเมธี (๒-)  (เกี่ยว อุปเสโณ)
๓. พระศรีวิสุทธิคุณ (๓-)  (พลอย ญาณ วโร)
๔. พระกวีวรญาณ  (จํานง ชุตินฺธโร)
๕. พระมหาสุวิชช์ นาคมณี (๔-)  ป.๙
๖. พระมหาหนู อโนมปญโญ (๕-)  ป.๘
๗. นายทอง (กิม) หงส์ลดารมภ์  เปรียญ
๘. นายน้อย ฝากมิตร กรมศิลปากร  เปรียญ
๙. นายสิริ เพ็ชรไชย กรมการศาสนา  เปรียญ

คณะกรรมการดังกล่าวเมื่อได้รับมอบหมายเช่นนั้น จึงได้คัดเลือกเรื่องที่เหมาะสมเท่าที่ จะทําได้ เลือกได้คัมภีร์ ญาโณทัย ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่เป็นภาษาบาลี พระพุทธโฆสาจารย์ ชาวพุทธคยาเป็นผู้รจนาไว้ เมื่อประมาณศตวรรษที่ ๑๐

คณะกรรมการจึงได้มอบให้นายน้อย ฝากมิตร คัดลอกจากตัวอักษรขอมในใบลานมาสู่อักษรไทย แล้วร่วมกันชําระและแปล ในการ ชําาระและแปล ได้อาศัย นายทอง (กิม) หงส์ลดารมภ์ เป็นกําลังสําคัญ ซึ่งสละเวลามาจัดทํา ทั้งกลางวันและกลางคืน คณะกรรมการและคณะศิษยานุศิษย์ขอขอบคุณไว้เป็นพิเศษ

ในการจัดทําหนังสือคัมภีร์ญาโณทัยนี้ คุณสุธรรม และ คุณวิบูลย์ พณิชยอํานวย ศิษย์ ในเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ได้รับไปดําเนินการจัดพิมพ์ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวถวายเป็น ส่วนบูชาพระคุณในเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ด้วยกตัญญูกตเวทิตาคุณ และมีความปีติ ยินดีเป็นอย่างมากที่ได้รับสนองพระคุณในโอกาสอันควรเช่นนี้

_________________________________________
(๑-) ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระธรรมเจดีย์ และเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๑๓
(๒-) ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ
(๓-) ปัจจุบัน คือ พระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดเทพธิดาราม
(๔-) ปัจจุบัน คือ พระศรีวิสุทธิเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
(๕-) ปัจจุบัน คือ พระเทพสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

ในการตรวจชําระและการแปลจะต้องพิมพ์ดีดต้นฉบับไว้ก่อน ในการพิมพ์ต้นฉบับได้อาศัยนายครรชิต พรหมสถิต และนายประสงค์สฤษดิ์ เที่ยงตระกูล แห่งการไฟฟ้านครหลวง ช่วยพิมพ์ดีดจนเสร็จ ในการพิมพ์ครั้งนี้ โรงพิมพ์การรถไฟได้รับทําด้วยความเต็มใจเป็นพิเศษ

คัมภีร์ ญาโณทัย เป็นหนังสือกล่าวถึงพระประวัติย่อของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การ สังคายนาพระธรรมวินัย จนถึงครั้งที่ทําในลังกาทวีป และความเป็นมาของคัมภีร์บาลี อัฏฐกถา ฎีกา อนุฎีกา โยชนา คันถี ปกรณ์พิเศษต่าง ๆ และที่สําคัญอีกประการหนึ่ง คือ กล่าวถึง ประวัติพระพุทธโฆสาจารย์ ชาวพุทธคยาไปแปลหนังสือที่ลังกา

คัมภีร์ญาโณทัย เป็นหนังสือที่รจนาขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ ๑๐ แต่กล่าวพาดพิงไป ถึงคัมภีร์โหราศาสตร์ถึง ๓ แห่ง เช่น ข้อความในคาถาตอนต้นว่า โอกุกนฺโต พฤษก ลอคเน สีหลอกเน จ นิกขม ความว่า พระสิทธัตถโคตมพุทธเจ้าเสด็จลงสู่ปฏิสนธิในมาตุ คัพโภทร ลัคนาสถิตราศีพฤษภ ประสูติจากมาตุ คัพโภทร ลัคนาสถิตราศีสิงห์

คัมภีร์ญาโณทัย เป็นหนังสือที่มีชื่อตรงกันกับพระนามฉายาของเจ้าประคุณสมเด็จ พระสังฆราชพระองค์นี้ ซึ่งสมเด็จพระวันรัต (แดง) พระอุปัชฌายะได้ให้ไว้ เมื่อ ๖๙ ปีล่วงแล้ว

อนึ่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้ ก่อนที่จะได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จ พระสังฆราช ได้ทรงดํารงสมณศักดิ์เป็นที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งไปตรงกับนามของ พระพุทธโฆสาจารย์ ชาวพุทธคยา ผู้แต่งคัมภีร์นี้

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คณะกรรมการจัดงานสมโภช พระสุพรรณบัฏของเจ้าประคุณ สมเด็จพระสังฆราช และคณะศิษยานุศิษย์ในพระองค์ จึงถือเป็นนิมิตมงคล และเหมาะสมกับองค์เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชเป็นอย่างยิ่ง

ในการตรวจชําระและการแปลก็เป็นเวลากระชั้นชิด อาจจะมีข้อบกพร่องตามปกติแห่งงาน คณะกรรมการผู้จัดทํามีความยินดีน้อมรับคําตักเตือนในข้อบกพร่องนั้นทุกประการ

ด้วยเดชานุภาพแห่งพระศรีรัตนตรัย และส่วนแห่งกุศลกรรมที่คณะกรรมการและ คณะศิษยานุศิษย์ได้บําเพ็ญให้เป็นไปในครั้งนี้ ขอจงเป็นปัจจัยให้เจ้าประคุณสมเด็จพระ สังฆราชมีพระชนม์ยืนนาน มีพระวรรณะ พลานามัย และสุขสมบูรณ์เป็นที่ร่มเกล้าของมวล พุทธศาสนิกชนโดยทั่วกัน.


                            คณะกรรมการและคณะศิษยานุศิษย์
                              ในเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช







อานิสงส์การเขียนหรือจารพระไตรปิฎก

๕๑. เอกกฺรํ เอกเมกญฺจ  พุทฺธรูปสมํ สิยา
      ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส  ลิกฺเขยฺย ปิฏกตฺตยํ ฯ
      จตุราสีติสหสฺสานิ  สมฺพุทฺธา ปริมาณกา
      ฐิตา นาม ภวิสฺสนฺติ  ติฏฺฐนฺเต ปิฏกตฺตเย ฯ

      เอกกฺขรํ เอกเมกญฺจ  สตฺถุปริยตฺติสาสนํ
      อกฺขรํ พุทฺธรูปญฺจ  สมเมว ผลํ สิยา ฯ
      ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส  ติวิธสมฺปตฺติจฺฉิโต
      ลิกฺเขยฺย วา ลิกฺขาเปยฺย  โปฏฺฐเก ธมฺมเจติเย

      ทสปุญฺญกิริยาวตฺถุ  ติวิธสุจริตมฺปิจ
      ปูเรติ เลกฺขิโต ธมฺมํ  ปิฏกตฺตยสญฺญิตํ
      ปริยตฺติปฏิปตฺติ  ปฏิเวธญฺจ สาสนํ
      ติวิธมฺปิ จ สทฺธมฺมํ  ปริปูเรติ สาธุกํ

      เอกกฺขรํ เอกเมกญฺจ  โลกนาถสฺส สาสเน
      อกฺขรํ พุทฺธรูปญฺจ  สมเมว ผลํ สิยา
      ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส  ติวิธสมฺแตฺติจฺฉิโต
      เลเขยฺย วา เลขาเปยฺย  อกฺขรํ ปิฏกตฺตเย

      ติปิฏกานิ สพฺพานิ  อกฺขรานิ ปมาณโต
      เทฺวสตฺตตฺยาธิกญฺเจว  จตสฺโส สตโกฏิโย
      เย ปิฏกานิ เลกฺขนฺติ  กโรนฺติ ปฏิมา วิย
      เทฺวสตฺตตฺยาธิกญฺเจว  จตสฺโส สตโกฏิโยติ

      สตฺถุสฺส พิมฺพการสาทิสา เย
      เตปิฏกสฺสกฺขรํ เลกฺขยนฺตา
      สพฺเพหิ โลเกหิ มนาปตฺตาย
      เต เตชวนฺตา สุริโย ว โหนฺติ

      ลิกฺขาเปยฺยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      น ปาปุเณนฺเต ว อิตฺถิภาวตํ
      อตฺโถ ภโต พฺยญฺชนมณฺฑกาทิ-
      สมฺปนฺนภาวํ สมุเปนฺติ สพฺพโส

      @@@@@@@

๕๑. สามร้อยเจ็ดสิบหกพรรษาล่วงมาแล้ว  ประทีปแล้วพุทธบาทศาสนา
      ซึ่งหยั่งลงยั่งยืนในลังกา  องค์ราชาทุฏฐคามณี
      ได้เถลิงถวัลย์ราชย์เป็นเอกองค์  ลังกาวงศ์เพิ่มเติมเฉลิมศรี
      สร้างวิหารชื่อมริจจวัตตี  และยังมีโลหปราสาทอัน

      มีเก้าชั้นลดหลั่นงามพันลึก  และอธึกตระหง่านย่านกรุงศรี
      พระสถูปอันใหญ่บรรดามี  ลวดลายดีเป็นทองดูยองใย
      เก้าสิบหกโกฎิองค์พระอรหันต์  พระทรงธรรมถวายทานเป็นการใหญ่
      เถลิงถวัลย์ราชย์ในพระทัย  เมืองหลวงใหญ่อนุราธบุรี

      ได้ยี่สิบสี่ปีเข้านี้แล้ว  ประทีปแล้วแสงทองส่องรังษี
      ชาวลังกาศึกษาพระคัมภีร์  ทั้งบาลีอรรถกถาว่าลำนำ
      ด้วยมุขบาฐปราชญ์เปรื่องจำเรื่องได้  พระทรงชัยช่วยชุบอุปถัมภ์
      แต่พระองค์ทรงครรลัยไปตามกรรม  ลังกาขาดอุปภัมภ์แต่นั้นมา

      พระลังกาจึงมาได้ความคิด  ศาสน์สถิตต่อไปในภายหน้า
      มุขบาฐคงจะขาดผู้นำพา  จำต้องจารึกไว้ให้แน่นอน
      นำขึ้นทูลนเรศูรย์มหาราช  ผู้เป็นปราชญ์มีทีฆทัสสา
      วัฏฏคามณีผู้ปรีชา  จึงไปหาภิกษุสงฆ์ลงประชุม

      ว่าต่อไปใครจะจำคำพระได้  เพราะเรื่องใหญ่มากถ้วนล้วนสุขุม
      ควรจะจารในใบลานช่วยชุมนุม  แล้วจับกลุ่มช่วยกันทานขานบาลี
      เอาบาลีอรรถกถามาทั้งหมด  แล้วจารจดทุกตอนอักษรศรี
      รับสั่งว่าข้านี้ทำไฉนดี  ขอเดชะบารมีพระทรงธรรม

      สร้างมฆปใหญ่ได้ก่อน  องค์บวรช่วยชุบอุปถัมภ์
      พระแสนองค์ลงสู่ธรรมะกรรม  จารึกธรรมในใบลานจารวินัย
      ทั้งพระสูตรอภิธรรมก็จารสิ้น  ทั่วแผ่นดินได้พากันเกิดหวั่นไหว
      การจารึกพระธรรมคำพระไตร  สำเร็จในหนึ่งปีบริบูรณ์

      ..............................

      หลายร้อยปีพุทธกาลได้ผ่านไป  ราชผู้ใหญ่มหานามธรรมสีห์
      เสวยราชย์ล่วงมาสิบหกปี  เกิดที่ใกล้โพธิ์มณฑลบนเคหา
      ประเพณีศิลปศาสตร์วาดวิชา  เพียรเที่ยวหาเรียนรู้เป็นครูคน
      จนออกโอษฐ์พุทธโฆสโรจน์ปัญญา  บวชในศาสนาแต่ต้น

      รจนาญาโณทัยอันใหญ่พ้น  ได้ตั้งต้นแต่งพรรณวัณณนา
      แก้อภิธรรมเจ็ดพระคัมภีร์  ชื่ออัฏฐสาลินีปมุขา
      สัมโมหวิโนทนีมีตามมา  ปริตตัฏฐกถาอันโอฬาร

      ยังมีพระเรวัตเถระ  บอกพุทธโฆสะผู้แตกฉาน
      ว่าชมพูมีแต่บาลีการ  คำไพศาลอรรถกถายังไม่มี


      @@@@@@@

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺส มกฺขรํ
      อุปทฺทเวนาปิ น มิยฺยเร ว เต
      วิเสน วาถพฺพนมนฺติกาทินา
      อมิตฺตราหูหิ อหึสนีตา

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      สุเสฏฺฐรูเป วรพฺราหฺมเณ กุเล
      ภวนฺติ เสฏฺฐมฺหิ จ ขตฺติเย กุเล
      หีเน กุเล หินุจฺจกุเล น ชายเร

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      โลกนฺตเร เปตภวเน น ชายเร
      น มุคฺคกา น จ อนฺธพธิรา
      จตุหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺตกา

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      ทุกฺเขน วาโส น จ โหนฺติ คพฺเภ
      ทุกฺขํ น โหนฺเตว วิชาตกาเล
      ทุกฺขํ น โหนฺเต น วิชาตมาตุ

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      สุเขน มิจฺจอภิวฑฺฒเตว
      ทาเนน โภเคน ยสาทินา ปิ
      สพฺเพน เตสํ อภิวฑฺฒเต ว

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      คพฺภมฺหิ ชาเตน มูเลน ลิตา
      เสมฺหาทิปาเน ว ภวนฺติ สุทฺธา
      สุทฺธมุหิ วตฺเถ มณิโชติภาว

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      สุเขน คพฺเภ อภิวฑฺฒเตว
      เต มาตุ คพฺภา อภินิกฺขมนฺตา
      ธมฺมาสนา โอตฺตรกาว โหนฺติ

      ลิกฺขาปยนฺตา ปิฏกสฺสมกฺขรํ
      สหสฺสเนตฺโตว สุธาภิปูชิโต

      @@@@@@@

      แม้เถรวาทก็ยังขาดไม่สมบูรณ์  ควรเพิ่มพูนตามกระบวนให้ถ้วนถี่
      ไปแปลจากลังกาบรรดามี  นำมาที่ชมพูได้ดูกัน
      พุทธโฆสรับโอษฐ์พระเรวัต  โสมนัสอุปัชฌาย์ให้ผายผัน
      แล้วกราบลาภิกษุสงฆ์ลงเรือพลัน  เพื่อให้ทันเรือออกทะเลไป

      พบพระพุทธะทัตต์สวนทางมา  ได้ทำการสนทนาและปราศรัย
      รู้ว่ามหานามครองกรุงไกร  จึงรีบไปอนุราธบุรี
      พบรัฐบาลผ่านสังฆราช  สังฆบาลจอมปราชญ์มุนีศรี
      ขอสิงหลอรรถกถาบรรดามี  เถรวาทดีดีในลังกา

      เป็นภาษาสิงหลสกลหมด  นักปราชญ์จดพระธรรมคำคาถา
      และร้อยแก้วล้วนแล้วด้วยวิชา  เป็นภาษาชาวมคธกำหนดมี
      สังฆบาลประทานคาถามาคู่หนึ่ง  พุทธโฆสจึงอธิบายให้เต็มที่
      เพื่อทดลองว่ารู้หนังสือดี  ตัวบาลีเจนจบรู้ครบครัน

      พุทธโฆสอธิบายขยายความ  ถูกต้องพระคำธรรมขันธ์
      แต่งวิสุทธิมรรคเรื่องสำคัญ  คนทุกชั้นได้เห็นเป็นพยาน
      จึงมอบอรรถกถาตำราให้  เพื่อให้ให้แปลกลับเป็นภาสันดร์
      เป็นภาษามคธกำหนดพลัน  คนทั่วกันจะได้อ่านผ่านฤทัย

      มหาอรรถกถา ปัจจรีย์  กุรุนทีสงฆ์ลังกายกมาให้
      พุทธโฆสได้แปลพระวินัย  และพระสูตรต่อไปอภิธรรม
      แล้วนำจากลังกามาชมพู  ได้เรียนรู้ชูชุบอุปถัมภ์
      จำเนียรกาลนานมาไปตามกรรม  แต่ได้ทำคัมภีร์ที่ลือชา

      เวลาแปลอรรถกถาล่วงมานี้  หกร้อยแปดสิบสามปีสังขยา
      ท้าวปรักกรมพาหุองค์ราชา  สมภพมาเป็นใหญ่ในสุรวงศ์
      ทรงปราบปรามราชาปัจจามิตร  ทรงพิชิตด้วยพระเกียรติอันสูงส่ง
      แล้วราชาภิเศกเป็นเอกองค์  ดำรงในปุลัฏฐินครา

      ทรงเห็นว่าศาสนานี้เสื่อมโทรม  พระได้โหมหากินจนออกหน้า
      เดียรถีย์ปะปนหมู่สังฆา  ทำศาสนาให้วอดวายสลายตัว


      @@@@@@@

      นรินฺทเสฏฺเฐหิ ตเถว ปูชิโต
      ภวนฺติ ราชา วรจกฺกวตฺติโน
      เย ลิกฺขาเปนฺติ ธมฺมรกฺขนฺเต
      มนุสฺสตฺตภาวํ ชหิตฺวูปสนฺโต

      สเจ เอนฺติ เทวตฺตภาวํ
      มนุโช วิมาเน ลภนฺเต วเร จารุรเป
      ปิฏกตฺตยมกฺขรํ เลกฺขิตา วา
      ตมฺหา จุตา เต วรเทวโลกา

      โอสาน จ ภูปติ อตฺตภาเว
      เสฏฺฐตฺตภาวํ อภิปตฺถยนฺตา
      สมฺพุทฺธภาวํ ติภเวกสารํ
      ปจฺเจกโพธิมฺปีธ สาวกตฺตํ

      สมฺปาปุณิตฺวาน มหานุภาวํ
      ปปฺโปนฺติ นิพฺพานสุขํ วตฺเตติ
      ททนฺติ เย โปฏฺฐกํ พนฺธนํ วา
      นิวาสนภาชนเลกฺนิญฺจ

      มอารธารํ ปิฏฺฐลิกํ มสิ วา
      ภวนฺติ เต อุตฺตมปญฺญวนฺโต
      สยญฺจ เลกฺขนฺติ ปเร จ เลกฺขา
      ปิยนฺติ เย วา อนุโมทนา เต

      เตปิ เมตฺเตยฺยชินสฺส สิสฺสา
      ปญฺญา ภวนฺติ อาคโตสฺมิ
      ยํ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ วาถ ปุญฺญํ
      เย เย วิเลกฺขนฺติ ปเร ภตฺติมา

      ททนฺติ ตํ ตํ สุขเมว สพฺพํ
      เต เต ลภิสฺสนฺติ อนาคตสฺมึ

      @@@@@@@

      จึงนิมนต์พระมหากัสสป  ผู้เลิศจบสากลคนรู้ทั่ว
      ชาวอุทุมพรคิรีมีดอกบัว  สัญญลักษณ์ผลักมัวให้สูญไป
      ให้ผ้าขาวแก่ชาวเดียรถีย์  สึกโดยดีไม่ทำระส่ำระสาย
      ทรงอุปถัมภ์พระสงฆ์ให้บรรยาย  แต่งขยายอรรถกถาเป็นฎีกา

      อุทุมพรคิรีเป็นศรีเมือง  พระธรรมเฟื่องมีนักปราชญ์ศาสนา
      ต่อแต่นี้จะวากย์ธรรมคำพรรณนา  อักษราตัวหนึ่งผลเท่าใด
      เสมอพุทธรูปองค์หนึ่งๆ  มีผลถึงให้ได้สมบัติใหญ่
      ไม่มีเหตุเภทพาลประการใด  ไม่เคราะห์ร้ายศัตรูไม่ย่ำยี

      จะเกิดในตระกูลอันสูงศักดิ์  ผู้คนรักเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
      ไม่บ้าใบ้ ไม่บอด หูก็ดี  อบายสิ่ไม่ถึงอย่างพึงกลัว
      จะไม่เข้าสู่ครรภ์ที่คลอดยาก  ไม่ลำบากไม่เกิดในที่ชั่ว
      มีทรัพย์สินเงินทองไม่หมองมัว  ทั้งเนื้อตัวก็สะอาดละออตา








อานิสงส์การเขียนหรือจารพระไตรปิฎก

เบื้องหน้าแต่นั้นควรจะกล่าวการพรรณนาอานิสงส์ของการเขียนพระไตรปิฎก แท้จริงพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับบรรทมที่เตียงเป็นที่ปรินิพพาน ตรัสเรียกพระอานนท์มารับสั่งว่า

    “ดูก่อนอานนท์ ธรรมวินัยที่เราแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่พวกเธออันใด ธรรมและวินัย อันนั้นแล เป็นศาสดาโดยล่วงไปแห่งเรา ดังนี้ ธรรมขันธ์ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ที่ตถาคตกล่าวแล้ว ๔๕ ปี ตั้งแต่ตรัสรู้ใหม่ๆ มาจนบัดนี้ยังคงอยู่ เรานิพพานไปแต่ผู้เดียวเท่านั้น แต่บัดนี้ เราคนเดียวจักโอวาท จักอนุสาสน์สั่งสอนในบัดนี้ เมื่อเรานิพพานไปแล้ว เป็นอันตั้งธรรมขันธ์ ๘๔,๐๐๐ เหล่านี้ไว้เป็นพระพุทธองค์ประเสริฐ”

แม้คํานี้พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า
     “อักษรตัวหนึ่งและหรือวรรณยุกต์อันหนึ่งเท่ากับพระพุทธรูปองค์หนึ่ง”

เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงจารึกพระไตรปิฎกไว้ จํานวน ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์ เป็นประมาณของพุทธพจน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เมื่อพระพุทธเจ้าหาไม่แล้ว พระธรรมวินัย ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็คงอยู่ ฉะนั้น เมื่อพระไตรปิฎกยังคงอยู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ชื่อว่าตั้ง อยู่แล้ว

@@@@@@@

อักษรตัวหนึ่ง ๆ เป็นพระปริยัติศาสน์ของพระศาสดาแท้ มีผลเท่ากันกับพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ๆ เพราะฉะนั้น คนฉลาดปรารถนาสมบัติทั้งสาม จึงเขียนไว้ในใบลานให้เป็นธรรมเจดีย์ หรือให้เขียนไว้ก็ได้ ซึ่งศาสนาของพระพุทธเจ้า อย่างน้อยก็บรรยายบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ไว้ หรือสุจริตทั้งตาม อย่างใดอย่างหนึ่งไว้ก็ได้

ผู้ที่เขียนพระธรรมที่ระบุข้อความในพระไตรปิฎกก็ดี แสดงซึ่งคําสั่งสอนอันพระปริยัติก็ดี ชี้ปฏิบัติดี ปฏิเวธก็ดี ให้บริบูรณ์ ถูกต้องอยู่ เป็นอันได้ยังพระสัทธรรมทั้งสามอย่างให้ถูกต้องบริบูรณ์ด้วยดี

เพราะฉะนั้น อักษรตัวหนึ่ง ๆ ที่ทําได้บริบูรณ์ดังกล่าว ก็มีผลเท่ากับสร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้เป็นนาถะแห่งโลก

เพราะฉะนั้น บุรุษผู้เป็นบัณฑิต ปรารถนาสมบัติ ๓ พึ่งจารึกอักษรในพระไตรปิฎกไว้ซึ่งตัวอักษรบรรดามีในพระไตรปิฎกนั้น ๔๗๒ โกฏิ โดยประมาณ เมื่อเขียนอักษร แห่งคัมภีร์พระไตรปิฎก ก็เท่ากับการสร้างพระพุทธรูป มีผลเท่ากัน เพราะยังโลกทั้งหมดให้ปลื้มใจเท่ากัน อักษรเหล่านั้นมีเดชเหมือนพระอาทิตย์

@@@@@@@

  • คนที่รับจ้างเขียนพระไตรปิฎกให้ถูกแม้เพียงอักษรเดียว ก็ไม่ถึงซึ่งความเป็นหญิง ข้อความที่จารึกไว้ด้วยพยัญชนะกลมกลืนกันกับข้อความนั้นด้วย

  • เมื่อคนทั้งหลายมาทําให้สมบูรณ์ด้วยประการทั้งปวง แล้วจารึกไว้เป็นตัวอักษรของคัมภีร์นั้น ๆ คนเหล่านั้นจะไม่ตายด้วยอุปัทวเหตุเลย และจะไม่ถูกอํานาจยาพิษ อาถรรพณ์และมนต์ใด ๆ เลย และเคราะห์ร้าย เช่นราหูให้โทษ เป็นศัตรูมาย่ำยีที่ทําการเบียดเบียนอะไรไม่ได้ ถึงแล้วซึ่งการไม่เบียดเบียนด้วย

   • บรรดาผู้ที่จารึกคัมภีร์พระไตรปิฎกเป็นตัวอักษรที่ถูกต้องจะได้เกิดในตระกูลเศรษฐี ชั้นผู้ดี หรือเกิดในตระกูลพราหมณ์ผู้ประเสริฐ หรือเกิดในตระกูลกษัตริย์ ผู้ประเสริฐ ไม่เกิดในสกลเลวหรือในสกุลสูงแต่ตกต่ําภายหลัง

   • บรรดาผู้ที่จารึก อักษรในพระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ จะไม่เกิดในภพเปรตในโลกอื่น จะไม่เป็น คนใบ้ จะไม่เป็นคนตาบอด และจะไม่เป็นคนหูหนวก และจะพ้นจากอบาย 4 ทั้งหมด

   • บรรดาคนที่จารึกอักษรในพระไตรปิฎกให้สมบูรณ์จะไม่ตกยาก จะไม่ต้องอยู่ในที่ลําบากคับแคบ และจะไม่เข้าสู่ครรภ์ที่จะคลอดยาก และเวลาคลอด ก็สะดวก และมารดาที่คลอดก็ไม่ลําบาก ไม่มีทุกข์

   • บรรดาผู้ที่จารึกอักษรใน พระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ ย่อมจะเจริญจํารูญด้วยความสุข ต้องการสิ่งใดก็มีคนให้ โภคสมบัติที่เป็นหลักทรัพย์ก็มี ยศก็มี ย่อมเจริญด้วยสิ่งปลื้มใจดังกล่าวเป็นต้นนี้ ทั้งหมด

   • บรรดาผู้ที่จารึกอักษรในพระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ ถ้าปรารถนาจะเกิด ในคัพโภทรเดิมก็ได้เกิด เมื่อเกิดก็บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนด้วยมูลมีเสมหะเป็นต้น เหมือนแก้วมณีโชติในผ้าขาวอันบริสุทธิ์

   • บรรดาผู้ที่จารึกอักษรในพระไตรปิฎก ให้สมบูรณ์ ย่อมเจริญในครรภ์โดยความสุข เขาออกจากท้องแม่สะดวก เหมือนกับพระธรรมกถูกลงจากธรรมาสน์

   • บรรดาผู้ที่จารึกอักษรในพระไตรปิฎก ให้สมบูรณ์ ย่อมเหมือนอย่างท้าวสหัสเนตร คนย่อมบูชาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เจ้าแผ่นดินทั้งหลายผู้ประเสริฐก็บูชาเหมือนอย่างนั้น เป็นพระราชาของพระเจ้า จักรพรรดิองค์ประเสริฐก็เป็นได้

   • ผู้ใดให้เขียนซึ่งอักษรจารึกพระธรรม รักษาพระธรรมไว้ ผู้นั้นละอัตตภาพมนุษย์แล้วก็สงบ ตัวเข้าถึงซึ่งอัตตภาพเป็น เทวดาไซร้ก็ย่อมได้วิมานอันเป็นที่ฟูใจ ล้วนแต่ประเสริฐ มีรูปารมณ์งามยิ่ง หรือมีรูปเป็นทองคํา

   • ผู้ที่ขีดเขียนอักษรพระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ จุติจากโลก อันประเสริฐนั้น ๆ ก็ไปเกิดในอัตตภาพที่เป็นเจ้าแผ่นดินในที่สุด เมื่อปรารถนาสิ่งใด ก็จะได้แต่ภาวะอันประเสริฐ เช่น ภาวะเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้มีแต่แก่นสาร เป็นเอกในไตรภพ หรือเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้ หรือเป็นอัครสาวกองค์ ประเสริฐก็ได้ หรือถึงพร้อมด้วยนิพพานสุขอันมีอานุภาพใหญ่

   • คนเหล่าใดให้ ใบลานก็ดี ให้กายพันธ์แก่ผู้จารหนังสือก็ดี หรือที่รองสําหรับเขียนก็ดี กระเบื้อง รองหมึกก็ดี เขม่าไฟน้ํามันยางก็ดี คนเหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีปัญญาสูง

   • พวกที่เขียเองก็ดี หรือให้ผู้อื่นเขียนก็ดี หรือผู้ที่อนุโมทนาในการทําการจารึกพระไตรปิฎก ก็ดี คนเหล่านี้แม้ทั้งหมดเป็นศิษย์ของพระเมตไตรยพุทธชินเจ้าในภายหน้าล้วน มีปัญญา

@@@@@@@

เราจะไม่มาร่วมการเขียนพระไตรปิฎกหรือ สิ่งใดที่ท่านปรารถนาแล้ว หรือบุญใดที่ท่านแผ่ไปแล้ว หรือคนเหล่าใด ๆ ที่เขียนจารึกพระไตรปิฎก ให้สมบูรณ์ หรือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือเลี้ยงดูคนเหล่านั้น หรือผู้ที่ให้ทาน แก่ท่าน ที่ทํางานเหล่านั้น คนทําดีเหล่านั้นทั้งหมดย่อมจะได้ความสุขนั้น ๆ ดังกล่าวตาม ส่วนในอนาคต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันนี้ เวลา 07:34:07 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29464
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



อานิสงส์การฟังธรรม

เบื้องหน้าแต่นั้นควรจะกล่าวถึงการพรรณนาอานิสงส์แห่งการฟังธรรม สมกับคําที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า

๕๒. โย เม ปสฺสติ สทฺธมฺมํ  มมํ ปสฺสติ วกฺกลิ
      อปสฺสมาโน สสทฺธมฺมํ  มํ ปสฺสํปิ น ปสฺสตีติ ฯ

๕๒. “ดูก่อนวักกลิ ผู้ใดเห็นพระสัทธรรมของเรา ผู้นั้นก็เห็นเราด้วย ผู้ใด ไม่เห็นพระสัทธรรมของเรา ผู้นั้นแม้เห็นเรา ก็ไม่พบเรา”

ก็เพราะเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตั้งพระปริยัติศาสนาไว้เป็นผู้แทนพระองค์และเท่าเทียมกับพระองค์ เป็นอันว่าพระสัทธรรมนี้ก็เป็นสิ่งสําคัญที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต อนาคต และที่มีตัวอยู่ในปัจจุบันทรงสักการะแล้ว ทําความเคารพหนักแล้ว นับถือแล้ว ทรง บูชาแล้ว

เพราะฉะนั้น ชนเหล่าใดมาสักการะเคารพนับถือบูชาพระสัทธรรม คนเหล่านั้นก็ สักการะเคารพนับถือบูชาพระตถาคต สมจริงกับคําที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดังนี้ว่า

      @@@@@@@

๕๓. เย จ อตีตา สมฺพุทฺธา  เย จ พุทฺธา อนาคตา
      เย เจตรหิ สมฺพุทฺธา  พหุนฺนํ โสกนาสนา
      สพฺเพ สทฺธมฺมครุกา  วิหรึสุ วิหรนฺติ จ
      อโถปิ วิหริสฺสนฺติ  เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา

      ตสฺมา หิ อตฺตกาเมหิ  สทฺธมฺเม ครุโก ธุวํ
      สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ  สรํ พุทฺธาน สาสนํ
      สมฺพุทฺธานํ ทุเว กายา  รูปกาโย สิรินฺธโร
      โย เตหิ เทสิโต ธมฺโม  ธมฺมกาโยติ วุจฺจติ

      ติฏฺฐตฺถาตฺถ อภิญฺญาย  อกฺขรานิ ปทานิ จ
      อนามตมภิญฺญาย  โพธิวิชฺชมุปาคมิ
      คุเณ พหุมฺหิ สนฺตมฺหิ  สทฺธมฺเม วิวรนตฺถิโก
      ธีโร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา  ธมฺเม สกฺกจฺจ คารโว ฯ

      โอหาย อตฺตโน กมฺมํ  ธมฺมํ สุตฺวา อิธาคโต
      เตน สกฺกจฺจ โสตพฺพํ  ธมฺมํ สมฺพุทฺธเทสิตํ ฯ
      ธมฺมํ สชฺฌายิกํ สุตฺวา  ภิกฺขูนํ สรพฺยญฺชเน
      วคฺคุลิโย ภินนฺทิสุํ  จุตา เต ติทิวงฺคตา ฯ

      สุตฺวา ธมฺมํ วิชานนฺติ  นรา กลฺยาณปาปกํ
      อภิธมฺมํ สุณิตฺวาน  สคฺคโมกฺขํ คมิสฺสติ ฯ
      สเจปิ พุทฺโธ เทเสยฺย  ธมฺมํ อมตคามินี
      เย สุณนฺติ น สกฺกจฺจํ  นิรตฺถา ธมฺมเทสนา ฯ

      สเจปิ ปณฺฑิโต เทเสยฺย  ธมฺมํ อมตคามินี
      เย สุณนฺติ น สุสกฺกจฺจํ  สผลา ธมฺมเทสนา ฯ

      @@@@@@@

๕.๓ “พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ล่วงไปแล้วก็ดี และพระพุทธเจ้าที่ยังมาไม่ถึงก็ดี และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ก็ดี บรรดาที่บรรเทาซึ่งความโศก ของชนหมู่มากให้พินาศก็ดี ทุกท่านเคารพพระสัทธรรมอยู่แล้ว ทุกท่านจัก เคารพพระสัทธรรมแน่แท้ และทุกท่านกําลังเคารพพระสัทธรรมอยู่ ความดังกล่าวนี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย”

เพราะฉะนั้นแหละ บุรุษผู้หวังดีแก่ตนควรจะหนักแน่น ทําธุระคือสนับสนุนการเผยแผ่และจารึก พระไตรปิฎกนี้เอาเป็นธุระอยู่เป็นนิจ พระสัทธรรมนั้นพึงกระทําความเคารพอย่างมั่นคง คนดีพึงระลึกถึงพระพุทธศาสนาอยู่เป็นนิจ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหลายมีพระกายอยู่ ๒ ประเภท คือ
   รูปกายอย่างหนึ่ง คือพระศิริโฉม และ
   ที่เรียกว่าธรรมกายมีอีกอย่างหนึ่ง คือพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาไว้แล้ว

การรู้ชัดซึ่งเนื้อความจงยกไว้ก่อน การรู้ชัดซึ่งอักษรทั้งหลายก็ดี ซึ่งบททั้งหลายก็ดี ซึ่งคําสักแต่ว่าชื่อก็ดี ก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งโพธิและวิทยา ที่ทุกคนจะพึงเข้าถึง เหล่านี้เป็นคนไม่มีโทษ เมื่อคุณในพระสัทธรรมนี้มีมาก ช่องว่างแห่งบาปในพระสัทธรรมก็ไม่มี บัณฑิตยังใจให้เลื่อมใสดังกล่าวนี้จึง เคารพในพระสัทธรรมเป็นนิจ

ผู้ที่ละซึ่งการงานของตนมาชวนขวายในที่นี้ก็ดี ครั้นได้ฟังธรรมที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงแล้ว ซึ่งเป็นธรรมที่ควรฟังโดยเคารพ และได้ยินคําสวดด้วยสรภัญญ์ หรือสวดด้วยพยัญชนะก็ดี เป็นความดีทั้งสิ้น ควรเงีย หูฟังโดยเคารพ

ค้างคาวทั้งหลายได้ฟังพระสวดอภิธรรม ยินดีด้วย ตายไป แล้วยังไปเกิดในสวรรค์ เป็นตัวอย่างชัด ๆ นี่เราเป็นคนแท้ ๆ ฟังธรรมแล้ว รู้ดีรู้ชั่วด้วย พระอภิธรรมก็ได้ฟังแล้ว ไตร่ตรองรู้ตามด้วย จึงจักไปสวรรค์ และถึงพระนิพพานมั่นคง

แม้หากว่าพระพุทธเจ้าจะฟังแสดงพระธรรมที่มีส่วนจะได้ถึงอมตธรรม คนใดได้ฟัง แต่ไม่ฟังโดยเคารพ การแสดงพระธรรมนั้นแม้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไร้ประโยชน์

แม้หากเป็นเพียงบัณฑิตแสดงธรรม ซึ่งมีส่วนจะให้ถึงอมตธรรมเหมือนกัน คนใดได้ฟังแต่ว่าฟังด้วยความเคารพอย่างดียิ่ง การแสดงธรรมของบัณฑิตสามัญไม่ใช่ตัวพระพุทธเจ้า ก็มีผล


      @@@@@@@@

      คาวีวณฺณํ อปสฺสิตฺวา  ขีรํ ปสฺเสยฺย ปณฺฑิโต
      ควชาตํ หิ ยํ ขีรํ  รสานํ อุตฺตมํ วรํ ฯ
      เอวํ อยมฺปิ สทฺธมฺโม  เยน เกนจิ เทสิโต
      เตน สกฺกจฺจ โสตพฺโพ  สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิโต ฯ

      ธมฺมํ สมฺพุทฺธโต สุตฺวา  ปเรสํ เทสยนฺติ เต
      เตน สกฺกจฺจ โสตพฺโพ  สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิโต ฯ
      เย สุตฺวา ปิจ สทฺธมฺมํ  ปีติจิตฺเตน สพฺพทา
      มนาปยาว สมฺปตฺติ  ลภนฺติ ตสฺส สพฺพทา

      ปฏิสมฺภิทา วิโมกฺขา จ  ยา จ สาวกปารมี
      ปจฺเจกโพธิพุทฺธภูมิ  สพฺเพเตปิ ลภนฺติ จ
      ทุลฺลภํ หิ มนุสฺสตฺตํ  พุทฺธุปฺปาโท จ ทุลฺลโภ
      ทุลฺลโภ ชนสทฺธมฺโม  เทสิโต จาปิ ทุลฺลโภ

      อิทํ ญาโณทยปกรณํ สมตฺตํ

      @@@@@@@

โปรดดูตัวแม่โคกับวรรณะของโคเป็นตัวอย่าง บัณฑิตไม่เห็นแม่โค และรูปพรรณของโคเลย แต่ได้เห็นน้ำนม น้ำนมที่เกิดจากโคนั้นแหละประเสริฐ เพราะมีรสสูงสุดอร่อยยิ่งกว่ารสทั้งหลาย ถ้าคนใดได้ดื่มรสนมโคนั้น ยังดีกว่า ได้เห็นแม่โค หรือรูปพรรณของโคเสียอีก

แม้พระสัทธรรมก็เหมือนอย่างนั้น ผู้ใดผู้หนึ่งแสดงแล้วก็ดีแก่ผู้ฟังนั้นฟังโดยเคารพพระสัทธรรม ก็เท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงแล้วเหมือนกัน

คนทั้งหลายซึ่งแสดงพระธรรม ไม่ใช่ตัวพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดง แต่ว่าผู้แสดง ๆ ด้วยความเคารพ ผู้ฟังก์ฟังด้วย เงี่ยโสตสดับด้วยความเคารพ ธรรมนี้ก็เท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงเอง ควรเป็นธรรมที่น่าฟังอย่างยิ่ง

เพราะแม้ฟังพระสัทธรรมก็ดี ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดง หรือฟังซึ่งพระสัทธรรมด้วยจิตมีปีติเลื่อมใสทุกเมื่อ หรือ ไม่ได้ฟังพระสัทธรรม แต่มีใจเลื่อมใสใส่ใจในพระสัทธรรมนั้น ก็ย่อมได้สมบัติ ของการฟังโดยเคารพ

การแสดงโดยเคารพ การสนใจโดยเคารพ ซึ่งพระสัทธรรมนั้นตลอดกาลทั้งปวง ซึ่งเป็นเหตุให้ได้การบรรลุปฏิสัมภิทา การสําเร็จวิโมกข์ และบรรลุซึ่งสาวกบารมีญาณ

การที่สําเร็จเป็นภูมิพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด ก็ย่อมได้ด้วยการแสดงสัทธรรมโดยเคารพ ฟังธรรมโดยเคารพ สนใจพระธรรมโดยเคารพดังกล่าว

เพราะที่เราเกิดเป็น มนุษย์ก็เกิดด้วยยากอยู่แล้ว ยังยากที่จะได้พบพระพุทธศาสนาอีกเล่า ยังพระสัทธรรมที่จะเกิดมียั่งยืน เช่น ต้องทําสังคายนาดังกล่าว หรือฟังธรรมได้ผล ก็หาได้ยากขึ้นไปอีก และยังพบผู้แสดงธรรมที่สามารถก็ยิ่งเป็นการยากที่สุด


    @@@@@@@

    ผู้ใดฟังพระสัทธรรมของสัมพุทธ์  บริสุทธิหมดวิมัติกังขา
ได้เข้าถึงพุทธรูปกายา  และเข้าหาธรรมกายรูจี

    ควรเงี่ยโสตฟังธรรมโดยคำรพ  จะประสพความสุขพ้นทุกขี
พระสัมพุทธ์ไม่แสดงเองก็ดี  แต่ผู้ที่ฟังธรรมด้วยตั้งใจ

    ก็ย่อมได้ประโยชน์โสตถิผล  มีผู้คนนับถือและรักใคร่
แม้ไม่ได้ฟังธรรมแต่มีใจ  จิตเลื่อมใสก็จะทำการย่ำยี

    ซึ่งกิเลสต้นเหตุแห่งความชั่ว  ขจัดความหมองมัวเป็นสุขี
เพราะเกิดเป็นมนุษย์เขาทั้งที  เป็นผู้ดีได้ยากมากเพียงใด

    แม้การพบพุทธุบาทศาสนา  โชคประเสริฐเลิศโลกาจะหาไหน
ถ้าพบแล้วไม่ฟังธรรมอันอำไพ  เท่ากับเหยียบไผทผิดคิดจนตาย ฯ





ที่มา : คัมภีร์ ญาโณทยปกรณ์ โดย พระพุทธโฆษาจารย์ ,พระนคร : วัดสระเกศฯ, 2506
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันนี้ เวลา 09:16:31 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ