ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิด 5 เรื่องจริงของ ‘กฐิน’ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ชี้มีพระ 1 รูป ก็รับกฐินได้  (อ่าน 18 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29474
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



เปิด 5 เรื่องจริงของ ‘กฐิน’ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ชี้วัดมีพระจำพรรษา 1 รูปรับกฐินได้  

รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เรื่องจริงของ "กฐิน" ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ 5 เรื่องบางคนเข้าใจผิดมาทั้งชีวิต

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า  เรื่องจริงของ “กฐิน” ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ 5 เรื่องบางคนเข้าใจผิดมาทั้งชีวิต


@@@@@@@

1. จุดเริ่มต้นกฐิน เกิดจาก “ความเมตตา” ไม่ใช่แค่ประเพณี

อาจคิดว่ากฐิน คือ ธรรมเนียมที่วัดจัดขึ้นทุกปี แต่ต้นกำเนิดแท้จริงนั้น มาจาก “น้ำพระทัยของพระพุทธเจ้า” ต่อภิกษุ 30 รูปที่ชื่อว่า ภัททวัคคีย์ ผู้เดินทางไกลมาด้วยศรัทธาอันแรงกล้าจนจีวรเปื้อนโคลน ขาดรุ่งริ่งจากการเดินทางกลางฝน

เมื่อพระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็น ทรงปรารภเหตุนี้ และบัญญัติให้มี “กฐิน” ขึ้นมา เพื่อให้พระภิกษุเหล่านั้นได้พักต่ออีกหนึ่งเดือน จนกว่าฝนจะหมด ก่อนออกเดินทางต่อ

นี่ไม่ใช่เพียงการ “เยียวยา” แต่เป็น “การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ” เป็นพุทธานุญาตที่เกิดจากความเข้าใจในความเหนื่อยยากของพระสงฆ์อย่างแท้จริง เพราะทุกศาสนพิธีในพระศาสนา ล้วนมีหัวใจคือความเมตตานั่นเอง

2. พระ 1 รูป ก็รับกฐินได้

ความเข้าใจผิดเรื่อง “ต้องมีครบ 5 รูป” หลายคนคิดว่า วัดจะรับกฐินได้ต้องมีพระจำพรรษา 5 รูปขึ้นไป แต่ตามพระวินัยแท้จริงแล้ว มีเพียง 1 รูปที่จำพรรษาครบไตรมาส ก็รับกฐินได้แล้ว จำนวน 5 รูปนั้น เป็นองค์ประกอบของสังฆกรรม คือ ขั้นตอนภายในของคณะสงฆ์ที่ใช้ในการสวดกรรมวาจา ไม่ใช่เงื่อนไขของการรับผ้ากฐินจากญาติโยม

ดังนั้น แม้วัดจะมีพระจำพรรษาเพียงรูปเดียว ก็สามารถรับผ้ากฐินได้ เพียงนิมนต์พระจากวัดอื่นมาครบองค์สงฆ์เพื่อทำพิธีให้สมบูรณ์

พระวินัยจึงสรุปไว้อย่างแยบคายว่า “สงฆ์ไม่ได้กรานกฐิน คณะไม่ได้กรานกฐิน แต่บุคคลกรานกฐิน” นั่นคือ พระเพียงรูปเดียวก็เป็นผู้กรานกฐินได้เพราะ “สงฆ์อนุโมทนา”

3. “กฐิน” แปลว่า “มั่นคง” ไม่ใช่ “ไม้สะดึง”

ใครๆ ก็เคยได้ยินว่า “กฐิน” หมายถึง ไม้สะดึง – ไม้ที่ใช้ขึงผ้าให้ตึงตอนเย็บ ซึ่งเป็นคำแปลตามคัมภีร์นิฆัณฑุศาสตร์พจนานุกรม ความหมายของ กฐิน หากอ้างอิงตามคัมภีร์วินัยแล้ว คำว่า “กฐิน” ไม่ได้แปลว่า “ไม้สะดึง” แต่เป็นความของ “ถิร” ที่แปลว่า “มั่นคง”

ในคัมภีร์สารัตถทีปนีฎีกา ได้อธิบายคำว่า กฐิน ไว้ว่า
   "กะฐินันติ ปัญจานิสัง อันโตกรณสมัตถะตายะ ถินันติ อตฺโถ"

คำว่า กฐิน ในที่นี้หมายถึง ความสามารถทำให้ อานิสงส์ 5 ประการ ของกฐิน อยู่ภายในเขตของตัวเองได้ (เขตของกฐินคือ 5 เดือนหลังออกพรรษา หรือจนกว่ากฐินจะเดาะ)

ในคัมภีร์ฎีกาพระวินัย เราพบความหมายแท้จริงของ กฐิน ที่มีรากคำมาจาก ถิน หรือ ถิร เป็นความหมายที่งดงามและลึกซึ้งกว่า “ไม้สะดึง” นั้นมาก เพราะเมื่อวัดใดกรานกฐินสำเร็จแล้ว อานิสงส์พิเศษ 5 ประการจะดำรงอยู่มั่นคง ตลอดระยะเวลาหลังออกพรรษาไปจนถึงกลางเดือน 4 รวมราว 5 เดือน

ดังนั้น กฐินไม่ใช่เรื่องของ ไม้สะดึง ที่เป็นวัตถุ แต่คือ ระบบแห่งความมั่นคง ที่ทำให้พระภิกษุอยู่ในธรรมวินัยได้สะดวก เป็นการจัดระเบียบชีวิตสมณะให้ดำเนินต่อด้วยความมั่นคงทั้งกายและใจ





4. “คณโภชนัง” ไม่ได้ห้ามพระนั่งฉันล้อมวง

อานิสงส์ข้อหนึ่งของกฐินคือการ “ผ่อนปรนพระวินัย” ชั่วคราว แต่ข้อที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุดคือ คำว่า "คณโภชนัง" ซึ่งหลายคนคิดว่าแปลว่า “พระได้รับอนุญาตให้นั่งฉันข้าวเป็นวง” ผิดถนัด จริงๆ แล้ว พระวินัยไม่เคยห้ามพระนั่งฉันอาหารเป็นกลุ่มเลย

สิ่งที่ “คณโภชนัง” หมายถึงนั้นซับซ้อนกว่านั้นมาก คือ จะถือเป็นอาบัติได้ ก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขครบสามข้อ
    (1) ฆราวาสนิมนต์พระไปฉันนอกวัด
    (2) มีการเอ่ยชื่ออาหารใน “โภชนะ 5” (เช่น ข้าว เนื้อ ปลา ขนมสด ขนมแห้ง)
    (3) มีพระตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปรับนิมนต์พร้อมกัน เช่น นิมนต์ว่า “นิมนต์พระไปฉัน ข้าวมันไก่” (ซึ่งมีทั้ง “ข้าว” และ “เนื้อ”) และมีพระไป 4 รูปขึ้นไปนั่นแหละจึงจะเข้าข่าย คณโภชนัง

จะเห็นได้ว่า พระธรรมวินัยนั้นละเอียดและมีตรรกะลึกซึ้ง ไม่ใช่สิ่งที่ตีความจากชื่อหัวข้อได้ง่ายๆ นี่คือเสน่ห์ของพระพุทธศาสนา ที่ทุกคำล้วนผ่านการวางระบบอย่างมีเหตุผล

5. ผ้ากฐินเป็นของสงฆ์ พระต่างวัดไม่มีสิทธิรับ

อานิสงส์ข้อสุดท้ายของกฐิน คือ สิทธิในผ้าจีวรที่เกิดขึ้นในวัดนั้น ตามพระบาลีว่า
     “โย จ ตัตถะ จีวรูปปาโท โส เนสังเยวะ ภวิสสติ”

ผ้าจีวรในวัดนั้น ย่อมเป็นของภิกษุผู้จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้นหมายความว่า พระจากวัดอื่นที่มาร่วมพิธี แม้จะนั่งในงานด้วย ก็ไม่มีสิทธิรับส่วนแบ่งจากผ้ากฐิน เว้นแต่เจ้าภาพจะถวาย “ส่วนบุคคล” แยกต่างหาก เพราะผ้ากฐิน คือ ของสงฆ์ประจำวัด ไม่ใช่ของ “พระที่มาร่วมงาน” และการหยิบรับโดยไม่รู้วินัยนี้ อาจกลายเป็น “หนี้สงฆ์” โดยไม่รู้ตัว

ข้อนี้เองสะท้อนหัวใจของพิธีกฐิน คือการถวายเพื่อ “สนับสนุนพระผู้จำพรรษาและปฏิบัติจริง” ตลอดพรรษาไม่ใช่เพียงพิธีภายนอก แต่คือการมอบกำลังแก่ผู้ทรงศีลที่แท้จริง

@@@@@@@

เบื้องหลังกองผ้าไตรที่เราเห็นในงานทอดกฐิน คือเรื่องราวของพระเมตตา พระปัญญา และระบบวินัยอันลึกซึ้ง ที่ทำให้พิธีนี้ไม่ใช่แค่ประเพณีปีละครั้ง แต่เป็นบทเรียนแห่งธรรมและเหตุผลที่สืบทอดมากว่า 2,500 ปี






Thank to : https://www.dailynews.co.th/news/5206268/
ข่าว > การศึกษา-ศาสนา | 15 ต.ค.2568 • 13:55 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 17, 2025, 07:03:30 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ