ขอบคุณเจ้าของเรื่องด้วยนะครับ
สติของพระซน
เมื่อ 20 ปีก่อน มีพระรูปนึง ขอเรียกว่าพระซนก็แล้วกันนะครับ ไม่ใช่พระเซ็น
คือบวชพรรษาแรกก็ธุดงค์ตามหลวงพ่อไปอยู่บนเขาซะแล้ว
อยู่เขานี้ กว่าจะเดินขึ้นเขาบุกป่าไปถึงกุฎิที่พักก็ร่วมๆ ชั่วโมง
หอบกันแฮ่ก กุฏิที่พักก็เป็นเพิงง่ายๆ ต้องกางกลดข้างในกุฎิ
กลางคืนวังเวงมาก เงียบ... เสียงใบไม้แห้งตกกรอบแกรบ
เสียงเหมือนคนเดินเหยียบใบไม้เลย ถ้าขวัญอ่อนละเสร็จ
พระซนรูปนี้ท่านฝึกสติฝึกสมาธิมา ก็ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายเท่าไหร่ครับ
พึ่งพรรษาแรกนี่ แต่สมชื่อล่ะครับ ท่านก็ซนของท่านไปเรื่อย
แต่กลางคืนท่านก็มีสติ มีสมาธิพอข่มความกลัวได้นะ
ตอนเช้าออกบิณฑบาตร ท่านก็ไปรูปเดียว
หลวงพ่อที่มาด้วยท่านอายุมากแล้ว ขึ้นลงเขาบ่อยๆ ไม่ไหว
ทีนี้เวลาลงเขา ไม่ลงธรรมดาครับ ท่านใช้วิธี "โผ"
คือมัดจีวร บาตร ติดกับตัวให้แน่น เสร็จแล้วก็เกาะต้นไม้ไว้
จากนั้นก็ "โผ" ไปเกาะอีกต้นหนึ่ง(คือพุ่งลงเขามาอย่างเร็ว)
แล้วก็ โผไปเกาะต้นโน้นต้นนี้ แป้ปเดียวถึงตีนเขาเลยครับ
ไปบิณฑบาตรที่หมู่บ้านข้างล่าง ชาวบ้านดีใจนะครับ มีพระมาอยู่เขา
ขาขึ้นโผไม่ได้นะครับ ก็ต้องค่อยๆ เดินขึ้นไป
ตอนขึ้นชั่วโมงนึง ตอนลงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
วันนึงหลวงพ่อได้คนพาเที่ยวรอบเขา พระซนก็เลยเดินทางไปด้วย
อ้อ...ลืมบอกไป บนเขาใช้น้ำที่มาจากแอ่งน้ำฝนสูงขึ้นไป
ชาวบ้านต่อท่อลงมาที่ใกล้ๆ กฏิ ใช้อาบและก็ดื่มด้วยนะครับ
กลุ่มเดินทางรอบเขามาถึงป่าไผ่ พื้นแถวนั้นเต็มไปด้วยใบไผ่ที่ร่วงอยู่
ใครเคยเหยียบใบไผ่จะรู้ว่ามันลื่นมาก และพระซนเองก็กำลังลื่น
ช่วงนั้นเป็นพื้นเท (Slope) พระซนจึงไถลไปตามแนวเขาที่ลาดเท
ลื่นไม่หยุดครับ มือก็พยายามเกาะพื้นก็ไม่อยู่ ใบไผ่มันหนามาก
พระซนหันไปดูเบื้องล่าง อีกไม่กี่เมตร ทางจะขาด นั่นหมายถึง เหว!
ท่านยังลื่นไม่หยุด เหวก็ใกล้เข้ามา จนเริ่มเห็นแล้วว่า ลึกมองไม่เห็นพื้นล่าง
มือก็พยายามยึดดิน แต่ไม่สำเร็จ จับพื้นไม่ติดเลย
ที่กลุ่มก็ไม่มีใครเห็นนะครับ ท่านลื่นลงไปอยู่รูปเดียว
ทำไงดี ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยังไงก็ไม่หยุด
...แต่... จิตท่านนิ่งมากครับ
ขณะนั้นจิตของพระซนนิ่งมาก ไม่มีความกลัวในจิต แม้แต่นิดเดียว
ด้วยอานิสงค์การฝึกสติแบบไม่เป็นโล้เป็นพายนั่นแหละครับ
เวลาสถานการณ์คับขันจริงๆ จิตนิ่งสุดๆ ไม่มีอะไรในจิตเลย
สติมาช่วยในเวลาคับขัน ตื่นขึ้นเต็มที่ ความกลัวแทรกไม่ได้เลย
ตอนนี้พระซนพร้อมที่จะตกเหวแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวินาทีต่อไป
ท่านพร้อมแล้ว ตกก็คือตก ตายก็คือตาย
เดชะบุญพอมีอยู่ พอลื่นไปถึงขอบเหว พลันเท้าไปติดกับท่อน้ำที่ชาวบ้านทำไว้
ที่ลำเลียงน้ำไปให้ใช้ที่กุฏิน่ะครับ ติดแล้วหยุดได้พอดี
ขอบเหวพอดีเลยครับ รอดตาย มองลงไปดูที่เหว ลึกมาก ลงไปคงไม่รอด
แต่จิตใจก็ยังคงเหมือนเดิม รอดตายกับจะตกเหว ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
ไม่มีการถอนใจ โล่งอก อะไรเลย... ปกติ... เหตุการณ์ในจิตปกติมาก
ท่านก็ปืนเขากลับขึ้นไปรวมกลุ่มเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หลวงพ่อครับ เมื่อกี้พอดีลื่นใบไผ่นิดนึงน่ะครับ" พระซนบอกหลวงพ่อ
ทุกวันนี้ พระซนก็สึกไปแล้ว แต่เค้าฝากมาบอกว่า
ให้ฝึกสติกันไว้นะครับ ฝึกให้มากๆ สติจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มีอยู่
ในเวลาที่คุณอยู่ในเหตุการณ์คับขัน ในขณะที่ไม่มีอะไรมาช่วยคุณได้แล้ว
นอกจากสติแล้วไม่มีอย่างอื่นจริงๆ
ถ้าคุณจะคบเพื่อนซักคน คบกับคุณสติเถิดครับ
คุณจะมีเพื่อนแท้ และเพื่อนตาย เค้าจะมาหาคุณในยามเดือดร้อนครับ
เค้าฝากมาบอกอย่างนี้นะครับ
จากคุณ : ทางนี้