« เมื่อ: ตุลาคม 15, 2011, 08:49:15 pm »
0
จับรถใส่ถุง! ไอเดียสุดเจิด เด็กวังสะพุง

ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมของเมืองไทยยังคงวิกฤตต่อเนื่อง ภาพความเสียหายมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ยิ่งบ้านไหนมีรถยนต์แล้วขนย้ายไม่ทัน ก็จำต้องทิ้งรถไว้ให้จมน้ำตามยถากรรม แต่ตอนนี้มีทางแก้ไขใหม่สำหรับคนที่มีรถยนต์กับ "ถุงซิป กันน้ำท่วมรถ" ใครที่ยังพอมีเวลา น้ำยังมาไม่ถึงหน้าบ้าน ก็ลองนำวิธีนี้ไปใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะมาถึงกรุงเทพฯ อีกไม่นานนี้
ในหลายพื้นที่ต้องประสบกับน้ำท่วมสูงจนมิดหลังคารถยนต์ ทำให้เครื่องยนต์และห้องโดยสารรถยนต์พังเสียหาย ทำให้เจ้าของรถต้องจ่ายเงินค่าซ่อมไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ดังนั้น ถุงซิป กันน้ำท่วมรถ จึงเป็นทางเลือกที่ดีในเวลานี้ ซึ่งผลงานนี้เป็นของกลุ่มนักศึกษาจากวิทยาลัยการอาชีพวังสะพุง จังหวัดเลย พวกเขาได้ทำถุงพลาสติกนี้ขึ้นมา โดยให้ชื่อว่า "ถุงไอเดีย คอปเวอร์ คาร์" (IDEA cover car) สามารถใช้คลุมรถที่จมอยู่ใต้น้ำได้ปลอดภัย 100%
นายสันติประชา ดอนชุม อาจารย์ประจำแผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตร่วมกับนักศึกษา กล่าวว่า ถุงไอเดีย คอปเวอร์ คาร์ ทำจากวัสดุโพลิเมอร์เอสทีลิน ซึ่งเป็นพลาสติกหนาสามารถกันน้ำได้ มีการออกแบบและตัดเย็บได้ตามขนาดของรถแต่ละชนิด มีซิบกันน้ำสำหรับเปิดเป็นช่องเพื่อขับรถเข้าไปเก็บในถุง รถยนต์จะวิ่งเข้าไปจอดอยู่ด้านในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่มีความหนาและทนทาน ก่อนที่จะรูดซิปยาวครอบทั้งคันรถ เหมือนกับการสวมถุงพลาสติกสิ่งของ
"สำหรับต้นทุนในการผลิตถุงไอเดียฯ ขนาดใส่รถยนต์กระบะ 1 คัน อยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท จากการทดลองได้นำรถยนต์เข้าไปไว้ในถุงแล้วปิดให้สนิท จากนั้นนำลงไปแช่ในน้ำทั้งคันเป็นเวลานาน 1-2 วัน ปรากฏว่าไม่มีน้ำซึมเข้าไปภายในถุงได้ ทำให้รถปลอดภัยจากน้ำท่วม ทางทีมของเราและทาง สอศ.ได้มีการจดสิทธิบัตร "ถุงไอเดีย คอปเวอร์ คาร์" ไว้แล้ว พร้อมทั้งเตรียมที่จะพัฒนารูปลักษณ์ และการหาวัสดุคุณภาพดีมาใช้ผลิตถุงไอเดียฯ ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย"
อาจารย์แผนกอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวย้ำว่า มั่นใจว่าผลงานชิ้นนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในช่วงเวลาคับขันที่เกิดปัญหาน้ำท่วมได้มาก เพราะถุงพลาสติกสามารถป้องกันน้ำเข้ารถ ไม่ให้รถยนต์เสียหายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะผลิตมาจากพลาสติกอย่างหนาและยังสามารถพับเก็บไว้ใช้งานได้ในคราวต่อไปได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9540000130535