ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถอนกล้า..ดำนา..ขี่ควาย ที่สนามบินสุโขทัย  (อ่าน 3298 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ถอนกล้า..ดำนา..ขี่ควาย ที่สนามบินสุโขทัย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 11:46:12 am »
0


ถอนกล้า..ดำนา..ขี่ควาย ที่สนามบินสุโขทัย

บนเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72 กำลังค่อย ๆ ไต่ระดับลงสู่สนามบินสุโขทัยที่อยู่กลางทุ่ง นอกจากทุ่งนาทั้งที่ยังเขียวขจีเพราะเพิ่งผ่านการปักกล้าใหม่อีกครั้งหลังสถานการณ์น้ำท่วมสุโขทัยรอบที่ 5 ของปีผ่านพ้น หรือทุ่งนาสีทองที่พร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว ไม่ห่างจากรันเวย์ที่เครื่องค่อย ๆ ลงจอดเท่าไหร่นัก หากได้นั่งอยู่ริมหน้าต่างฝั่งขวาของเครื่องอาจจะได้เห็นฝูงควายที่กำลังรอเวลาเปิดคอกออกมาว่ายน้ำข้ามไปยังทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับรันเวย์
   
ฝูงควายที่มีสมาชิกเป็นควายเผือกตัวสีขาวครีมออกชมพูเป็นส่วนมากนั้น เป็นควายที่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ไถ่ชีวิตแล้วนำมาเลี้ยงไว้ในบริเวณของสนามบินสุโขทัยแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2540 ทำให้วันนี้ฝูงควายเผือกที่มีสมาชิกกว่า 150 ตัวกลายเป็นฝูงควายเผือกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
   
เหตุผลของการไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่นั้นนอกจากจะเป็นเพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ต้องการให้เกษตรกรไทยหันกลับมาให้ความสำคัญกับควายไทยที่มีจำนวนลดน้อยลงไปทุกทีหลังจากมีควายเหล็กเข้ามาแทนที่ และเมื่อเกษตรกรเห็นคุณค่าแล้วควายที่เพิ่มขึ้นจากการผสมพันธุ์ในฝูงยังมีการแจกจ่ายไปให้เพื่อเลี้ยงไว้ใช้งานด้วย โดยเริ่มที่สุโขทัยก่อนจะขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งมีกฎห้ามฆ่าห้ามขายหากมีการผสมแล้วออกลูกในระยะเวลา 3 ปีแรก

   

สำหรับควายเผือกซึ่งเป็นควายที่เกิดขึ้นจากยีนด้อยจึงทำให้มีอายุไม่ยืนและมีความแข็งแรงน้อยกว่า จะยังคงถูกเลี้ยงไว้ที่สนามบินสุโขทัยต่อไป โดยบางตัวที่แข็งแรงสมบูรณ์จะถูกสอนให้ทำหน้าที่ในการไถนากับควายดำ ณ โครงการเกษตรอินทรีย์ภายในสนามบินสุโขทัย

   
จากพื้นที่ 3 ไร่เมื่อปี 2542 ค่อย ๆ ขยายเป็นแปลงนามากกว่า 200 ไร่ในอีก 6 ปีถัดมา จนวันนี้ผืนดินที่เคยถูกทิ้งร้างกว่า 400 ไร่กลายเป็นผืนนาเขียวขจีภายใต้รูปแบบเกษตรกรรมแบบยั่งยืนเกษตรอินทรีย์ที่ไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ ตามเจตนารมณ์ของนายแพทย์ปราเสริฐและคุณวัลลีย์ ปราสาททองโอสถ เจ้าของโครงการ
   
น้ำท่วมปีนี้ทำให้นาหลายแปลงได้รับผลกระทบไปด้วยจนต้องลงกล้าปลูกใหม่ แต่ยังมีอีกหลายแปลงที่รอดพ้นมาได้และพร้อมรอการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยพันธุ์ข้าวที่ปลูกในพื้นที่ทั้งหมดนั้นเป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะและใช้ชื่อเรียกว่า “ข้าวหอมสุโข” ตามชื่อสถานที่ปลูก ได้แก่ ข้าวหอมดำสุโขทัย 2, ข้าวหอมแดงสุโขทัย 1 และข้าวขาวดอกมะลิิ 105
   
บุญโฮม หงส์คำ หรือจ่อย หนึ่งในเจ้าหน้าที่โครงการฯ เล่าว่า แต่ก่อนคนจะไม่นิยมรับประทานข้าวสีเท่าไหร่นัก แต่ความจริงแล้วข้าวสีนั้นมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าข้าวขาวทั่วไป โดยเรามีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ข้าวหุงแล้วหอมนุ่มไม่แข็งเหมือนพันธุ์อื่น ๆ และหากเป็นข้าวกล้องที่ไม่มีการขัดสีออกเลยจะยิ่งมีคุณค่าทางอาหารมากขึ้น เพราะจมูกข้าวไม่ถูกทำลาย เมื่อคนเริ่มเข้าใจและมีความนิยมมากขึ้นจึงทำให้ขณะนี้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ
   
การไม่ใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนการผลิตนั้น หลายคนอาจกังวลกับปัญหาเรื่องหอยเชอรี่หรือแมลงชนิดอื่น ๆ สำหรับที่นี่แก้ไขด้วยการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งไว้เฝ้าท้องนา โดยทุกเช้านอกจากเจ้าหน้าที่จะมาเก็บไข่เป็ดวันละรอบแล้ว ยังต้องปล่อยเป็ดให้ออกไปทำหน้าที่สร้างความสมดุลให้กับนาข้าวด้วย โดยทุกแปลงจะมีเล้าเป็ดคอยทำหน้าที่นี้แยกพื้นที่กันอย่างชัดเจน ส่วนปัญหาเรื่องอีกาหรือนกขนาดใหญ่นั้นบางครั้งก็ต้องยอมแบ่งผลผลิตให้บ้าง

   

ส่วนต้นข้าวนั้นนอกจากจะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตข้าวทั่วไปแล้ว ข้าวเปลือกส่วนหนึ่งจะถูกนำมาปลูกเป็นกล้าข้าวอายุ 15 วันเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำใบข้าวคลอโรฟิลล์ เครื่องดื่มสีเขียวเข้มจากใบข้าวสด น้ำใบข้าวสีชาที่สกัดจากใบข้าวอ่อน และไอศกรีมใบข้าวที่ผสมน้ำใบข้าวคลอโรฟิลล์ ว่ากันว่าน้ำใบข้าวนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย
   
กว่าจะได้กล้าข้าวสีเขียวสดนั้นจะต้องนำเมล็ดข้าวเปลือกไปแช่น้ำไว้หนึ่งคืน ก่อนจะนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำแล้วหมักด้วยการคลุมฟางข้าวเพื่อควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ จนข้าวเปลือกเริ่มมีรากงอกออกมาจากจมูกข้าว จึงค่อยนำมาปลูกในกระบะที่มีขี้เถ้าแกลบรองอยู่
   
“แต่ก่อนเราปลูกในดินธรรมดาแต่มีปัญหาเรื่องเชื้อราบ้าง หรือแบคทีเรียบางชนิด และยังนำมาล้างทำความสะอาดได้ยาก จึงมีการศึกษาจนพบว่าการปลูกด้วยขี้เถ้าแกลบจะช่วยตัดปัญหาเรื่องโรคข้าวต่าง ๆ ได้ และเมื่อตัดใบไปใช้แล้ว ขี้เถ้าแกลบที่มีรากข้าวอยู่เต็มนั้นยังนำไปใช้เป็นปุ๋ยได้ด้วย”
   
โดยส่วนหนึ่งนั้นถูกนำไปใช้ในแปลงผักปลอดสารพิษที่อยู่ถัดจากพื้นที่ของโรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ แปลงผักขนาดกำลังพอดีแห่งนี้มีการปลูกผักหลากหลายชนิดตามฤดูกาล เพราะการปลูกพืชเพียงชนิดเดียวในพื้นที่นั้น จะทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ ในดินลดน้อยลง ช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลงและเข้าสู่ฤดูหนาวแบบนี้จึงมีผักอย่างปวยเล้ง หน่อไม้ฝรั่ง วอเตอร์เครส รวมถึงบัตเตอร์เฮด กรีนโอ๊ค กรีนโอ๊คลีฟที่บุญโฮมบอกว่า ปลูกในดินมีคุณค่าทางอาหารดีกว่าและอร่อยกว่าปลูกแบบไฮโดรโพนิก

   

ผลผลิตจากโครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมสุโข ผักปลอดสารพิษ ผลไม้ หรือไข่เป็ด ทุกอย่างนั้นนอกจากจะถูกส่งไปใช้ปรุงอาหารเสิร์ฟบนเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สแล้ว ยังแบ่งส่วนออกจำหน่ายให้กับผู้มาเยือนด้วย
   
ขณะที่ห้องเรียนกลางแจ้งนั้นเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบสัมผัสจริง เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนชุดเป็นชาวนาเต็มขั้นกับเสื้อกางเกงม่อฮ่อม พร้อมรองเท้าบู๊ตแบบที่กำลังฮิตในพื้นที่น้ำท่วมทั่วกรุงเทพฯ ก่อนจะขึ้นรถอีแต๋นไปเยี่ยมเล้าเป็ดไล่ทุ่งพร้อมเก็บไข่เป็ด แล้วเลยไปชมฝูงควายที่ได้เวลาออกจากคอกลงน้ำว่ายข้ามไปกินหญ้าอีกฝั่ง
   
จากนั้นจะแวะดูการทอผ้า การทำเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณพร้อมลงมือปั้นเอง หรือชมเฉย ๆ แล้วไปต่อที่แปลงผักปลอดสารพิษที่สามารถเก็บผักสดลิ้มลองได้แบบไม่ต้องกลัวสารเคมี จากนั้นค่อยไปชมนาบัว บึงหงส์ ลานหมักปุ๋ยอินทรีย์ โรงสีข้าว และโรงคัดเมล็ดข้าว หลังจากนั้นตรงไปที่แปลงนาปู่ย่าตายาย รับฟังที่มาที่ไปก่อนจะลงมือถอนกล้า มาดำนา แล้วตบท้ายด้วยการขี่ควาย
   
เหน็ดเหนื่อยเต็มที่แล้วเติมพลังด้วยเมนูปลอดสารพิษอย่างสลัดผักออร์แกนิกสด ๆ ส้มตำผักน้ำทอดกรอบ น้ำพริกลงเรือไข่เค็ม ไข่เจียวผักโขม ผัดผักออร์แกนิก พร้อมดื่มน้ำใบข้าวคลอโรฟิลล์ ก่อนจะเลือกซื้อของฝากจากสนามบิน
   
สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมที่ ททท.สำนักงานสุโขทัย โทร. 0-5561-6228-9, 0-5561-6366 และ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือ www.tourismthailand.org/sukhothai โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย โทร. 08-6202-3757, 0-5564-7290



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=523&contentId=176942
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ