« เมื่อ: มกราคม 20, 2012, 02:42:35 pm »
0
โบราณเคยกล่าวไว้ ว่าเมื่อคนใกล้จะตาย จะมีความรู้ตัวว่าคราวนี้ต้องตายแน่ และขณะจิตจะดับ ก็จะบังเกิดภาพของกรรมในอดีต ผุดขึ้นมาทบทวนชีวิต ที่ผ่านมา บาป หรือบุญ สิ่งไหนจะมีกำลังมากกว่ากัน เพื่อการตัดสินการไปสู่ภพภูมิใหม่ของจิตนั้น เป็นภาพยนต์แห่งชีวิต ที่แก้ไขไม่ได้อีกแล้ว
วาดจันทร์ มีอาการป่วยหนักขึ้นทุกที การไม่รู้สึกตัวหลายๆวัน เนื่องจากร่างกาย อ่อนแรง แต่จิตใต้สำนึกนั้น ยังรับรู้ได้อยู่ ต่อเมื่อมีอะไรมากระทบใจรุนแรง เธอก็จะลืมตา มารับรู้และแสดงฤทธิ์เดชเสียสักครั้งหนึ่ง แต่ในขณะที่วาดจันทร์มีอาการดังกล่าว พงศ์พญา ไม่ได้ละจากความมีหัวใจ แห่งกัลยาณมิตรเลย จะคอยนั่งปลอบอยู่ข้างๆ ด้วยความห่วงใย และให้ธรรมะตลอด ครั้งหนึ่งวาดจันทร์แอบได้ยินพงศ์พญา พูดโทรศัพท์กับแม่ และกล่าวอย่างตัดสินใจว่า จะต้องบวชตลอดชีวิตให้ได้ และถ้าหากวาดจันทร์ได้มีจิต อนุโมทนาเมื่อไหร่ เธอก็จะได้รับบุญ เพื่อถ่ายบาป ที่ทำต่อพระศาสนาได้บ้าง วาดจันทร์ได้ยิน ก็บังเกิดความโกรธมาก แต่ด้วยสังขารที่ไม่เอื้ออำนวย จึงไม่สามารถจะเอ่ยคำต่อว่าพงศ์พญาได้ และขณะหนึ่ง จิตสำนึก แห่งการหมดหวังที่จะเหนี่ยวรั้งต่อพงศ์พญาเกิดขึ้น ก็มีภาพในอดีตชาติ เข้ามาฉายในห้วงสำนึกให้ดู คือ นับครั้งไม่ถ้วนที่วาดจันทร์ต่อต้าน ห้ามไม่ให้พงศ์พญา ไปปฎิบัติธรรม อ้างแม้กระทั่งการเป็นเดรัจฉาน ไม่มีทางเป็นพระได้ แต่พงศ์พญา กลับไม่เคยเชื่อฟัง และไปจากวาดจันทร์จนได้ทุกครั้ง ในขณะที่ใจ ที่หมดหวัง ก็จะเกิดอาการปลงตก สภาวะอาจคล้ายเกิดสมาธิขั้นอ่อน ทำให้ใจของวาดจันทร์ มองเห็นตามจริง ไม่มีใครที่จะบงการชีวิตของใครได้ สุดแท้แต่ว่า ใครมีความมุ่งหมายอันใด ก็ต้องไปตามทางของตนตามนั้น จิตของวาดจันทร์เริ่มยอมรับ และเมื่อได้นอนนิ่งก็ได้ทบทวนถึงความตั้งใจของพงศ์พญา ที่มีความต้องการ บวช ซึ่งเป็นสิ่งดีงามประการใด เขาก็จะพูดให้เธอได้ฟังตลอดมา มิหนำซ้ำ ยังชักชวนให้เธอเข้ามาปฎิบัติร่วมกัน สุดท้ายที่ได้ยินว่า เขาต้องบวชแน่นอน เพื่อไถ่บาปให้เธอ ความซาบซึ้งนี้ สร้างความปิติใจให้เกิดแก่เธออย่างมหาศาล ความรักของคนเรามีหลายรูปแบบ รักแบบปลดปล่อย ปล่อยวาง ให้อิสระ เป็นรักที่มีความสุข ที่ควรทำให้แก่กัน ส่วนความรักที่วาดจันทร์ยึดถือมาตลอด มันคับแคบ อึดอัด มืดมน มองไม่เห็นว่าอะไรถูกผิด เป็นการทำร้ายตัวเองโดยเฉพาะ
ในคืนวันหนึ่ง แม่ของเธอได้มาเข้าฝันว่า ได้เก็บผ้าหอม สีขาว ผืนหนึ่งไว้ให้วาดจันทร์ ซึ่งเมื่อเธอตั้งท้องวาดจันทร์ ได้มีคนมาเข้าฝันและฝากไว้ให้ สั่งไว้ว่า ให้วาดจันทร์ มอบผ้าผืนนี้ แก่คนที่วาดจันทร์รัก ในวันที่เขาบวช วาดจันทร์ฝีนสังขาร ไปเอาผ้า จากตู้ที่แม่เก็บไว้ให้ เป็นผ้าสีขาวผีนใหญ่ มีกลิ่นหอม วาดจันทร์นำผ้ากาษากลับมา ยกขึ้นสาธุเหนือหัว และบอกแก่พงศ์พญาว่า ได้สาธุแล้ว วันใดที่พงศ์พญาบวช ขอให้ห่มผ้าผืนนี้ของเธอด้วย เธอขออนุโมทนาในการบวชของเขา จากนั้น วาดจันทร์ก็หมดสติ แต่ในส่วนลึก เธอกำลังจะตาย ภาพสุดท้ายเป็นมรณานุสติของวาดจันทร์ คือได้เห็น พงศ์พญาปลงผม ห่มผ้ากาษาของเธอ ในขณะเป็นเป็นนาค ก่อนเข้าโบถส์ และบวชเป็นพระภิกษุ เธอมองภาพสุดท้ายด้วยจิตอนุโมทนา และจิตดับไป
พงศ์พญาได้บวชเป็นภิกษุตลอดชีวิต และค้นคว้าปฎิบัติธรรม เป็นพระธุดงค์ในป่า และทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบเอ็ด ของทุกปี ท่านจะมานั่งที่ริมฝั่งโขง เพื่อแผ่เมตตา และอุทิศส่วนกุศลให้แก่วาดจันทร์ และจะภาวนา สอนธรรมะแก่เธอ เมื่อเห็นดวงไฟพญานาค( กล่าวกันว่า เมื่อพญานาคเกิดความปิติต่อบุญก็จะปล่อยดวงไฟอนุโมทนาต่อผู้ปฎิบัติดี) ภิกษุพงศ์พญาก็จะร่วมสาธุกับเธอ
กาษา นาคา คือผ้าที่พญานาคเป็นผู้ทักทอ ในเมืองบาดาล มีสีขาวกลิ่นหอม ซึ่งก่อนบวชเป็นพระ ทุกท่านต้องเป็นนาคก่อน ผ้านี้ใช้ได้ ในการห่มแต่งเป็นนาคค่ะ
อวสาน ของกาษา นาคา ผู้บันทึก ก็ต้องขออนุโมทนา กับผู้ประพันธ์ และทุกตัวละคร ที่สามารถแสดง ให้ผู้บันทึก ได้ข้อคิด และปรับปรุงชีวิต สู่ทางไม่ประมาทสืบไป สาธุ ขอขอบคุณที่มา
www.gotoknow.org/blogs/posts/121674