ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนาน..มหาปุริสลักษณะ..ของพระพุทธเจ้า  (อ่าน 3827 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28938
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ตำนาน..มหาปุริสลักษณะ..ของพระพุทธเจ้า

    เหตุการณ์ก่อนเกิดพุทธศาสนานับจากนี้ย้อนหลังไปประมาณ  ๓,๐๐๐ ปี แผ่นดินใหญ่ในอดีตสมัยนั้นเรียกว่าชมพูทวีป ในปัจจุบันประกอบด้วยประเทศ ๗ ประเทศอันได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ ภูถาน และ  ศรีลังกา
 
    ชมพูทวีปสมัยนั้นมีประชากรมาก เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลกในยุคนั้น แบ่งการปกครองเป็นแคว้น มีพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแคว้นนั้นๆ รวม ๑๗ แคว้น คือ อังคะ มคช กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาระ มัฌชะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันทาระ กำโพชะ สักกะ  แบ่งกันปกครองอยู่บนพื้นแผ่นดินใหญ่ ส่วนเกาะลังกาในสมัยนั้นเป็นที่อยู่ของมนุษย์กินคนรวมอยู่ในชมพูทวีปเช่นเดียวกัน
 
    สมัยนั้นชมพูทวีปปกครองด้วยระบบกษัตริย์ทรงอำนาจเด็ดขาด ถือศาสนาพราหมณ์อินดูเป็นส่วนมาก แบ่งชนชั้นออกเป็นวรรณะ ๔ เหยียดหยามกันมาก นับจากวรรณะที่สูงคือ ๑.กษัตริย์ ๒.พราหมณ์ ๓.แพทย์ ๔.ศูทร
และยังมีวรรณะที่ถูกเหยียดหยามต่ำสุดคือ พวกจัณฑาล ได้แก่ บุคคลชั้นต่ำศูทรและแพทย์แต่งงานกัน เกิดลูกออกมาเป็นคนจัณฑาลไม่มีชั้นวรรณะ

 
    ศีลธรรมไม่มีในยุคนั้น ไม่มีการให้ทานรักษศีล ไม่มีพระธรรม ไม่รู้จักพระธรรม การทำบุญใช้การบูชายันต์ จับสัตว์มาฆ่า จับคนบูชายันต์เผาทั้งเป็น ถือเป็นการทำบุญ ไม่มีการให้ทาน ไม่มีศีลธรรม นายลงโทษฆ่าคนใช้ฆ่าเมียได้ คนซื้อขายกันได้เหมือนสัตว์
 
    ก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ประชาชนได้ถามกันว่า อะไรชื่อว่าเป็นความดี เป็นมงคล แสวงหามงคลต่างๆ มีความเห็นไม่ตรงกัน บางพวกไหว้ พระอาทิตย์ บางพวกไหว้พระจันทร์  ไหว้ภูเขา ไหว้ต้นไม้ใหญ่ ไหว้ทิศ ทั้งหลายว่าเป็นความดี เป็นมงคล หรือบางพวกบางหมู่ถือว่าตื่นเช้าให้ เอาขี้วัวเจิมหน้า เพราะวัวเป็นพาหนะของพระผู้เป็นเจ้า

    บางพวกถือการอาบน้ำล้างบาป บางพวกถือการไม่นุ่งห่มชีเปลือยนอนพื้นดินกินเลียๆ มือเลียกินเหมือนสุนัขเรียกว่าสุนัขวัตร บางพวกทรมานตนด้วยวิธีต่างๆ เอาตัวไปย่างไฟบ้าง นั่งนอนกลางแจ้งบ้าง บางพวกถือว่าสามีตายให้ เอาภรรยาไปเผาตายตามไปด้วย

   หาข้อสรุปไม่ได้ว่าอะไรเป็นมงคล มีความเห็นต่างๆกัน หาข้อสรุปไม่ได้ เถียงเอาชนะกันก็ตกลงไม่ได้ว่า ใครถูกกว่าดีกว่า พวกพราหมณ์ซึ่งเป็นเจ้าลัทธิศาสนาใหญ่สั่งสอนประชาชนอยู่ทั่วไป พยายามค้นหาคำตอบข้อสรุปที่ดีที่สุดว่า อะไรกัน แน่ที่เป็นมงคลของชีวิตแสวงหากันไปทั่ว

    ด้วยเหตุนี้ ก่อนพระพุทธเจ้าประสูติประมาณ ๒๐๐ ปี คณะพราหมณ์ อาจารย์ เจ้าลัทธิ ได้เข้าไปหาฤาษีใหญ่ในป่าหิมพานเชิงเขาหิมาลัย ถามฤาษีใหญ่ทั้งหลายว่าอะไรเป็นมงคลของชีวิตมนุษย์ที่ควรปฏิบัติที่สุด ฤาษีทั้งหลายก็ตอบไม่ได้ มีความเห็นไม่ตรงกัน โต้เถียงกันไม่ชนะ

 

    ขณะนั้นได้มีฤาษีตนหนึ่งมีฤทธิ์มาก ชื่อว่า กัณหะฤาษี บวชมาแต่เด็กจน เป็นหนุ่ม กล่าวกับที่ประชุมครั้งนั้นว่า เรื่องนี้ควรลองถามพวกเทวดาทั้งหลายดู เพื่อว่าจะได้สิ่งที่เป็นมงคลที่ดีที่สุด ที่ประชุมตกลงให้กัณหะฤาษีไปถามเทวดาแล้วมาบอก

    กัณหะฤาษี ชื่อกัณหะเพราะผิวดำ พวกฤาษีแก่ไปหาผลไม้เก็บมาจากป่า ขณะยังนอนเบาะ แม่ชื่อพระสนมทิศา พ่อชื่อเจ้าโอกากราช พวกศากยะรังเกียจผิวดำ ถือว่าเป็นปีศาจมาเกิด เจ้าโอกากราชเห็นเป็นตัวดำรังเกียจ
จะฆ่าทิ้ง พวกอำมาตย์ขอไว้ว่าเด็กไม่มีความผิด จึงให้เอาไปทิ้งในป่าลึก เชิงเขาหิมาลัย หวังจะให้เสือกิน ฤาษีแก่มาพบเข้าจึงเก็บไปเลี้ยง ฝึกสอนฌานสมาบัติตั้งแต่เด็กจึงเก่ง มีฤทธิมากกว่าฤาษีทุกองค์ในที่ประชุมนั้น

    กัฌหะฤาษีบรรดาลฤทธิ์หายตัวไปถามเทวดาทั้งหลายบนภูเขาหิมาลัย เทวดาทั้งหลายก็ไม่รู้ บอกให้ไปถามพระอิศวรเจ้าแห่งเทวดาชั้นดาวดึงห์ ชื่อว่า ท้าวสักกะเทวราชก็จะรู้ได้ เพราะท้าวสักกะเป็นผู้ฉลาด เป็นผู้สอน
เทวดาทั้งหลาย


    กัณหะฤาษีจึงเหาะขึ้นไปชั้นดาวดึงห์ เข้าไปเฝ้าท้าวสักกะถามปัญหาว่า พวกมนุษย์ทั้งหลายต้องการทราบอยากรู้ว่า อะไรเป็นมงคลแก่ชีวิต ยังหา คำตอบกันไม่ได้ ได้มาถามฤาษี ฤาษีทั้งหลายก็ตอบไม่ได้ ข้าพระองค์จึงได้มาเฝ้าขอทราบว่าอะไรเป็นมงคลแก่ชีวิตที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรนำมาปฏิบัติ

    ท้าวสักกะพนมมือนมัสการฤาษีกล่าวว่า
   “ข้าพระองค์ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มีผู้รู้อยู่ท่านหนึ่งชื่อว่า สันตดุสิตเทพบุตร เป็นเจ้าแห่งเทวดาชั้นดุสิต เทพองค์นี้บำเพ็ญบารมีมานานหลายชาติ ชาติสุท้ายเป็นมนุษย์ชื่อพระเวสสันดร บารมีเต็มแล้วตายมาเกิดเป็นเจ้าแห่งเทพอยุ่ชั้นดุสิตอยู่ขณะนี้


    ในไม่ช้าอีกประมาณ ๑๐๐ ปีกว่าๆ ก็จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในชมพูทวีป ขอให้มนุษย์ทั้งหลายรอคอยสักนิดหน่อยแล้วถามพระองค์ เมื่อพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็จะทราบจะตอบได้ข้อสรุปที่ดีและแน่นอน ไม่ต้องโต้เถียงกัน มนุษย์ทั้งหลายควรอดทนรออีกสักนิดหน่อย”



    กัณหะฤาษี “ถ้าเช่นนั้นก็ดีจะได้ข้อสรุปที่แน่นอน ที่เป็นประโยชน์ที่แท้จริง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระพุทธเจ้า มีรูปร่างอย่างไร กลับลงไปเกิดเป็นมนุษย์ที่เมืองใด”
    ท้าวสักกะ “ท้าวสันตดุสิตจะจุติไปเกิดเป็นมนุษย์ที่แคว้นสักกะ ในอริยวงศ์ของเจ้าโอกากราชอีกไม่นานนัก”
กัณหะฤาษี “เมื่อไปเกิดเป็นมนุษย์แล้วมีรูปร่างอย่างไร”


    ท้าวสักกะ "เมื่อไปเกิดเป็นมนุษย์จะมีลักษณะ ๓๒ ประการ เรียกว่า มหาปุริสลักษณะ คือ”

    ๑.มีฝ่าเท้าและฝ่ามือเสมอกัน
    ๒.ฝ่าเท้าทั้งสองมีลายรูปกงจักร มีซี่ตั้งพัน พร้อมทั้งกงและดุม
    ๓.มีส้นเท้ายื่นยาวออกมาข้างหลัง ข้อเท้าตั้งอยู่ตรงกลาง
    ๔.มีนิ้วองคุลีเรียวกลมยาวไม่มีข้อ
    ๕.ฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนุ่มเต็ม ข้อมือข้อเท้าเข่าไหล่เรียบไม่มีข้อปูดโปนเวลางอมืองอเท้าจะอ่อนเหมือนงวงช้าง
    ๖.ทุกข้อเท้าข้อมือมีเส้นรอบจรดกันข้อละหนึ่งเส้น
    ๗.ข้อพระบาทสูงไม่มีตาตุ่ม
    ๘.แข้งเรียวอ่อนเหมือนเนื้อทรายกำลังยืน
    ๙.มือยาวถึงเข่า วายาวเท่าศรีษะจรดเท้า
    ๑๐.มีอวัยวะเพศจมอยู่ในหัวเหน่า อกนูนเหมือนสาวรุ่น
    ๑๑.มีผิวสีทองเป็นเงามีรัศมี
    ๑๒.มีผิวละเอียดมัน ไม่เปื้อน ไม่เปียก ผัสสะเลิศ
    ๑๓.มีขนเส้นเล็กขุมละหนึ่งเส้น
    ๑๔.เส้นขนทวนขึ้นบน
    ๑๕.เวลายืนกายตรงสง่างาม
    ๑๖.มีเนื้ออูมเจ็ดแห่ง ที่หลังมือ ๒ หลังเท้า ๒ ไหล่ ๒ ข้าง และหนอกหลังคอ ๑
    ๑๗.มีรูสะดือโบ้เท่าผลสมอ
    ๑๘.รูปร่างยืนตรงเสลา เหมือนรากไทรใหญ่จากกิ่งสูงยันพื้นดิน
    ๑๙.คอกลมเหมือนกระบอกไม้ไผ่ มองไม่เห็นลูกกระเดือก
    ๒๐.พระพักต์กลม เนื้ออิ่มไม่มีร่องแก้ม ไม่มีร่องปาก ร่องตา
    ๒๑.ติ่งหูยาวลงมาทั้งสองข้างๆละ ๑ นิ้วเท่ากัน
    ๒๒.คางยื่นนิดหน่อยเหมือนคางสิงโต
    ๒๓.มีเขี้ยวแก้ว ๔ เขี้ยว
    ๒๔.ฟันเรียบแน่นมีฟัน ๔๐ ซี
    ๒๕.มีลิ้นปกติ เมื่อแลบออกมาแผ่ให้ปิดหน้าผากได้ ห่อเล็กไซหูได้
    ๒๖.ไหปลาร้าและหลุมคอเต็ม
    ๒๗.มีผัสสะเลิศ
    ๒๘.มีเสียงเพราะ
    ๒๙.ตาดำประกายสีนิลขัด
    ๓๐.ตากลมโตเหมือนลูกวัว
    ๓๑.กลางหน้าผากมีขนสีขาวเป็นอุนาโลมขึ้นไป มีเงาประกายเหมือนเพชร
    ๓๒.มีผมสีครามเข้มเหมือนดอกอัญชัน เป็นมันเงาประกายเหมือนหัวเป็ดหรือแววหางนกยูง ผมทวนขึ้นบนไปรวมกันอยู่กลางศรีษะแหลมอยู่เหมือนสวมมงกุฎหรือชฎา

    กัณหะฤาษี “ลักษณะแปลกมาก ข้าพระองค์ขอจำเพื่อนำมาบอกมนุษย์ทั้งหลายให้รอคอยวันนั้น”
    แล้วได้ลาท้าวสักกะกลับลงมายังที่ประชุมของฤาษีและพราหมณ์ทั้งหลาย นำข้อความมาแจ้งให้ฤาษีและพราหมณ์ทราบทั่วกัน พวกฤาษีและพราหมณ์ทั้งหลายได้จดไว้เป็นตำราเล่มหนึ่งในไตรเทพ เรียกชื่อว่า ตำรามนต์พราหมณ์ ท่องจำกันตั้งแต่นั้นมา



ที่มา http://narathipo.exteen.com/20110318/entry-3
ขอบคุณภาพจาก http://www.84000.org/,http://www.bloggang.com/,http://i1045.photobucket.com/,http://kaawrowkaw.files.wordpress.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28938
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ตำนาน..มหาปุริสลักษณะ..ของพระพุทธเจ้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 26, 2012, 11:46:57 am »
0
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
๗. ลักขณสูตร (คัดลอกมาบางส่วน)
     
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการนั้น เป็นไฉน ซึ่งพระมหาบุรุษประกอบแล้วย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ ถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ
     อนึ่ง ถ้าพระมหาบุรุษนั้น เสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก



     ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระมหาบุรุษในโลกนี้
     ๑. มีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี ภิกษุทั้งหลาย การที่พระมหาบุรุษมีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี นี้เป็นมหาปุริสลักษณะของมหาบุรุษ ฯ
     ๒. ณ พื้นภายใต้ฝ่าพระบาท ๒ ของพระมหาบุรุษ มีจักรเกิดขึ้น มีซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง ภิกษุทั้งหลาย แม้การที่พื้นภายใต้ฝ่าพระบาททั้ง ๒ ของพระมหาบุรุษ มีจักรเกิดขึ้น มีซี่กำข้างละพัน มีกงมีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง นี้ก็มหาปุริสลักษณะของพระมหาบุรุษ ฯ
     ๓. มีส้นพระบาทยาว ฯ
     ๔. มีพระองคุลียาว ฯ
     ๕. มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม ฯ
     ๖. มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย ฯ
     ๗. มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ ฯ
     ๘. มีพระชงฆ์รีเรียวดุจแข้งเนื้อทราย ฯ
     ๙. เสด็จสถิตยืนอยู่มิได้น้อมลง เอาฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองลูบคลำได้ถึงพระชาณุทั้งสอง ฯ
     ๑๐. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก ฯ
     ๑๑. มีพระฉวีวรรณดุจวรรณะแห่งทองคำ คือ มีพระตจะ ประดุจหุ้มด้วยทอง ฯ
     ๑๒. มีพระฉวีละเอียด เพราะพระฉวีละเอียด ธุลีละอองจึงมิติดอยู่ในพระกายได้ ฯ
     ๑๓. มีพระโลมชาติเส้นหนึ่งๆ เกิดในขุมละเส้นๆ ฯ
     ๑๔. มีพระโลมชาติมีปลายขึ้นช้อยขึ้นข้างบน มีสีเขียว มีสีเหมือนดอกอัญชัญ ขดเป็นกุณฑลทักษิณาวัฏฯ
     ๑๕. มีพระกายตรงเหมือนกายพรหม ฯ
     ๑๖. มีพระมังสะเต็มในที่ ๗ สถาน ฯ
     ๑๗. มีกึ่งพระกายท่อนบนเหมือนกึ่งกายท่อนหน้าของสีหะ ฯ
     ๑๘. มีระหว่างพระอังสะเต็ม ฯ
     ๑๙. มีปริมณฑลดุจไม้นิโครธ วาของพระองค์เท่ากับพระกายของพระองค์ พระกายของพระองค์ก็เท่ากับวาของพระองค์ ฯ
     ๒๐. มีลำพระศอกลมเท่ากัน ฯ
     ๒๑. มีปลายเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารอันดี ฯ
     ๒๒. มีพระหนุดุจคางราชสีห์ ฯ
     ๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ ฯ
     ๒๔. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน ฯ
     ๒๕. มีพระทนต์ไม่ห่าง ฯ
     ๒๖. มีพระทาฐะขาวงาม ฯ
     ๒๗. มีพระชิวหาใหญ่ ฯ
     ๒๘. มีพระสุรเสียงดุจเสียงแห่งพรหม ตรัสมีสำเนียงดังนกกรวิก ฯ
     ๒๙. มีพระเนตรดำสนิท [ดำคม] ฯ
     ๓๐. มีดวงพระเนตรดุจตาแห่งโค ฯ
     ๓๑. มีพระอุณาโลมบังเกิด ณ ระหว่างพระขนง มีสีขาวอ่อน ควรเปรียบด้วยนุ่น ฯ
     ๓๒. มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ ฯ


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  บรรทัดที่ ๓๑๘๒ - ๓๙๒๒.  หน้าที่  ๑๓๒ - ๑๖๑.
http://84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=11&A=3182&Z=3922&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=130
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhamma5minutes.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 26, 2012, 12:57:11 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เพียงเ็พ็ญ ก่ำสุข

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตำนาน..มหาปุริสลักษณะ..ของพระพุทธเจ้า
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 26, 2012, 12:27:40 pm »
0
อนุโมทนา คะ ยังมีสาระให้ติดตามเสมอ ๆ นะคะ

 :c017: :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ประเทศชาติมีได้ เพราะมีสถาบัน ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์
หยุดทำร้ายซึ่งกันและกัน เสียเถิด เพราะเราเป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตำนาน..มหาปุริสลักษณะ..ของพระพุทธเจ้า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 26, 2012, 01:07:22 pm »
0
ดีมากเลยคะ บางทีอยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา ก็ไม่รู้ว่าจะอ่านตรงไหนดี
ขอบคุณมากคะ

 :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน