เรื่องการโปรดพุทธมารดาที่ดาวดึงส์เป็นความจริงมากน้อยเพียงไรนั้น ผมไปอ่านเจอในเว็บ
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001719.htm
มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ บางเรื่องในชั้นพระไตรปิฎกไม่มี แต่จะไปปรากฏในชั้นคัมภีร์อรรถกถา
ผมจะนำมาแสดงโดยลำดับดังนี้ครับพุทธมารดาเสด็จสวรรคต หลังจากการประสูติของสิทธัตถะกุมาร ๗ วัน จริงหรือ..??
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๑. มหาปทานสูตร (๑๔)
[๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กุฎี ใกล้ไม้กุ่มน้ำ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
ครั้งนั้น ภิกษุมากรูป ในเวลาปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว นั่งประชุมกันในโรงกลมใกล้ไม้กุ่มน้ำ เกิดสนทนาธรรมกันขึ้นเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาสว่า บุพเพนิวาส บุพเพนิวาส ดังนี้ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ทรงสดับถ้อยคำเจรจาอันนี้ของภิกษุเหล่านั้น ด้วยพระทิพยโสตธาตุอันบริสุทธิ์ ล่วงโสตของมนุษย์ ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกจากอาสนะ เสด็จเข้าไปยังโรงกลมใกล้ไม้กุ่มน้ำ ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ พระผู้มีพระภาคครั้นประทับนั่ง แล้ว
ถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมสนทนาอะไรกัน เรื่องอะไรที่พวกเธอพูดค้างไว้ เมื่อตรัสอย่างนี้แล้ว
ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ ในเวลาปัจฉาภัต
กลับจากบิณฑบาตแล้ว ได้นั่งประชุมกันในโรงกลมใกล้ไม้กุ่มน้ำ แล้วเกิดสนทนาธรรมกันขึ้นเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาสว่า บุพเพนิวาส บุพเพนิวาส ดังนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องนี้แลที่พวกข้าพระองค์พูดค้างไว้ พอดีพระองค์เสด็จมาถึง ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอปรารถนาหรือไม่ที่จะฟังธรรมีกถาซึ่งเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาส
ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นการสมควรแล้วที่ พระผู้มีพระภาคจะพึงทรงกระทำธรรมีกถาซึ่งเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาส
ข้าแต่พระสุคต เป็นการสมควรแล้วที่พระผู้มีพระภาคจะพึงทรงกระทำธรรมีกถาซึ่งเกี่ยวด้วยบุพเพนิวาส ภิกษุทั้งหลายได้ฟังพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว จักได้ทรงจำไว้
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ
พระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพุทธพจน์นี้ว่า...ฯลฯ
[๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมดามีอยู่ดังนี้
ในเมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติแล้วได้ ๗ วัน
พระมารดาของพระโพธิสัตว์ย่อมทิวงคต
เสด็จเข้าถึงชั้นดุสิต ข้อนี้เป็นธรรมดาในเรื่องนี้ ฯ.....ฯลฯอ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ บรรทัดที่ ๑ - ๑๔๕๔. หน้าที่ ๑ - ๕๙.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=0&Z=1454&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=1ขอบคุณภาพจาก
http://buddha-thushaveiheard.com/
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย
ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๒. อัปปายุกาสูตร
[๑๑๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เวลาเย็น ท่านพระอานนท์ออกจากที่หลีกเร้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เคยมีมาแล้ว
พระมารดาของพระผู้มีพระภาคทรงมีพระชนมายุน้อยเหลือเกิน เมื่อพระผู้มีพระภาคประสูติได้ ๗ วัน
พระมารดาของพระผู้มีพระภาคก็เสด็จสวรรคต เข้าถึงเทพนิกายชั้นดุสิต
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรอานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น
ดูกรอานนท์ มารดาของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายมีอายุน้อยเหลือเกิน
เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติได้ ๗ วัน มารดาของพระโพธิสัตว์ย่อมทำกาละ เข้าถึงเทพนิกายชั้นดุสิต ฯ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่ง อุทานนี้ในเวลานั้นว่า
สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่งผู้เกิดแล้ว และแม้จักเกิด สัตว์ทั้งหมดนั้นจักละร่างกายไป
ท่านผู้ฉลาดทราบความเสื่อมแห่งสัตว์ทั้งปวงนั้นแล้ว พึงเป็นผู้มีความเพียรประพฤติพรหมจรรย์ ฯ
จบสูตรที่ ๒อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๒๘๘๑ - ๒๘๙๙. หน้าที่ ๑๒๖.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=2881&Z=2899&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=111ขอบคุณภาพจาก
http://www.84000.org/
พระพุทธเจ้าเสด็จดาวดึงส์ จริงหรือ..??
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๑
ขุททกนิกาย มหานิทเทส
สาริปุตตสุตตนิทเทสที่ ๑๖
ว่าด้วยกระแสเสียงของพระพุทธเจ้าประกอบด้วยองค์ ๘
[๘๘๑] (ท่านพระสารีบุตรกล่าวดังนี้ว่า) พระศาสดาผู้มีพระกระแสเสียงอันไพเราะ เสด็จจากภพดุสิต มาสู่ความเป็นพระคณาจารย์อย่างนี้ ก่อนแต่นี้ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเลย ทั้งไม่เคยได้ยินต่อใครๆ เลย.
[๘๘๒] คำว่า ก่อนแต่นี้ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเลย ความว่า ในกาลก่อนแต่นี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นด้วยจักษุนี้ ด้วยอัตภาพนี้เลย. คือ
พระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษาที่บัณฑุกัมพลสิลาอาสน์
ณ ควงไม้ปาริจฉัตตกะ (ต้นทองหลาง)
ในภพดาวดึงส์ อันหมู่เทวดาห้อมล้อม
เสด็จลงสู่ "สังกัสสนคร" โดยบันไดอันสำเร็จด้วยแก้วมณีในท่ามกลาง
ในกาลนั้น ข้าพเจ้าเว้นความเห็นครั้งนี้ ไม่เคยเห็นในกาลก่อนเลย
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าก่อนแต่นี้ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเลย...ฯลฯอ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๑๐๑๓๗ - ๑๑๗๗๗. หน้าที่ ๔๒๖ - ๔๙๔.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=29&A=10137&Z=11777&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=29&i=881ขอบคุณภาพจาก
http://4.bp.blogspot.com/
พระพุทธเจ้าแสดงพระอภิธรรมบนดาวดึงส์ จริงหรือ..??
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
ว่าด้วยพระประวัติพระโกนาคมนพุทธเจ้า
[๒๔] สมัยต่อมาจากพระกุกกุสันธพุทธเจ้า พระสัมพุทธนราสภชินเจ้าผู้อุดมกว่าสัตว์ เชษฐบุรุษของโลก พระนามว่าโกนาคมนะ ทรงบำเพ็ญธรรม ๑๐ ประการบริบูรณ์ ข้ามทางกันดารได้แล้ว ทรงลอยมลทินทั้งปวงแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม
เมื่อพระองค์ผู้เป็นนายกชั้นพิเศษของโลก ทรงประกาศพระธรรมจักร
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่ สัตว์สามหมื่นโกฏิ และในคราวเมื่อพระองค์ทรงทำปฏิหาริย์ย่ำยีวาทะของผู้อื่น
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่ สัตว์สองหมื่นโกฏิ
ต่อแต่นั้น พระมุนีสัมพุทธชินเจ้าทรงแผลงฤทธิ์ต่างๆ
เสด็จไปยังดาวดึงส์เทวโลก
ประทับเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์
ทรงจำพรรษาอยู่ ณ ดาวดึงส์นั้น
ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่ทวยเทพหมื่นโกฏิ แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ก็ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบระงับ คงที่ ครั้งเดียว ในกาลนั้น พระภิกษุขีณาสพผู้ล่วงโอฆะทั้งหลายและทำลายมัจจุราชแล้ว มาประชุมกันสามหมื่น
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์พระนามว่า บรรพต ถึงพร้อมด้วยมิตรและอำมาตย์ มีพลนิกายและพาหนะมากมาย เราไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้าได้ฟังธรรมอันยอดเยี่ยมแล้ว นิมนต์พระสงฆ์พร้อมด้วยพระชินเจ้า ได้ถวายทานตามปรารถนา เราได้ถวายผ้าปัตตุณณะ ผ้าเมืองจีน ผ้าไหม ผ้ากัมพล และรองเท้าทอง แก่พระศาสดาและพระสาวก
แม้พระมุนีพระองค์นั้น ก็ประทับนั่งท่ามกลางสงฆ์ ตรัสพยากรณ์เราว่า
ในภัทรกัปนี้ ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก .... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์ แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป..ฯลฯอ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๘๓๙๕ - ๘๔๔๕. หน้าที่ ๓๕๙ - ๓๖๑.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=8395&Z=8445&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=204ขอบคุณภาพจาก
http://www.dhammajak.net/
ในชั้นของพระไตรปิฎกมีหลักฐานแสดงอยู่เท่านี้ครับ
เพื่อนๆลองคิดดูว่า ยังขาดรายละเอียดอะไร ตามที่เพื่อนๆได้รู้มาจากสื่อต่างๆ
สิ่งที่ขาดไปนั้น ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎก แล้วปรากฏอยู่ที่ไหนล่ะ
หิวข้าวครับ ขอพักก่อน