เปิดปูมขบวนการ"ตัดเศียรพระ"

คมชัดลึก : ในขณะที่หลายคนเกรงกลัวต่อบาป ละเว้นการทำผิดศีลธรรม แต่คนอีกกลุ่มกลับเมินเฉย ก้มหน้าเดินทางสู่หุบเหวแห่งนรก เฉกเช่นแก๊งตัดเศียรพระที่กำลังสร้างปัญหาอยู่ในขณะนี้ !?!
คมชัดลึก
มีวัดอย่างน้อย 5 แห่งใน 5 อำเภอของ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกมารศาสนาลักลอบเข้าไปตัดเศียรพระในเวลาติดต่อกัน ได้แก่ วัดแดง ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ, วัดดงหวาย ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง, วัดธรรมสินธุ์โสภา ต.หนองน้ำใส อ.ภาชี และวัดใน อ.บางบาล กับ อ.บางปะหัน ขณะนี้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รักษาการ ผบช.ภ.1 และชุดสืบสวน ได้ประชุมหารือวางแนวทางการสืบสวนจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ รวมถึงติดตามเศียรพระที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมา
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนได้รื้อแฟ้มสำนวนคดีตัดเศียรพระและโจรกรรมพระพุทธรูปที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีทั้งสิ้น 12 คดี เน้นไปที่คดีที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงต่างๆ เนื่องจากเป็นอาชญากรรมเฉพาะกลุ่ม อาจจะพบความเคลื่อนไหวในกลุ่มที่ชวนสงสัย โดยชุดสืบสวนวางแนวทางแยกคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำงานตามใบสั่งซื้อ จะตรวจสอบว่ากลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวกลับมาก่อเหตุอีกหรือไม่ กับกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการเงิน ซึ่งจะเน้นโจรกรรมเฉพาะเศียรพระใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ได้พูดคุยกับ "เอก" วัย 42 ปี อดีตผู้ต้องขังคดีลักทรัพย์และบุกรุกในเวลากลางคืน หนึ่งในแก๊งตัดเศียรพระที่ถูกจับกุมคุมขังชดใช้หนี้กรรมไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน บอกว่า เท่าที่ทราบแก๊งลักลอบตัดเศียรพระมีอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.ชัยนาท และ จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันก็ยังลักลอบโจรกรรมตัดเศียรพระและลักพระพุทธรูปตามวัดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหลายพื้นที่
เอก เล่าถึงพฤติกรรมของแก๊งนี้ว่า จะตระเวนไปตามวัดเก่าแก่ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน หรือวัดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีพอ หรือไม่มีเลย หลังจากนั้นจะเข้าไปสำรวจว่ามีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่ที่ไหนบ้าง จากนั้นก็จะมาวางแผนดำเนินการแยกตามประเภทของพระพุทธรูป ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ พระพุทธรูปที่หล่อด้วยปูนกับหล่อด้วยทองเหลืองหรือสัมฤทธิ์
"ถ้าเป็นพระปูนตัดง่าย แต่ถ้าเป็นทองเหลืองกับสัมฤทธิ์จะตัดยาก" เอกให้เหตุผลของการจำแนก
มารศาสนาแก๊งนี้จะประกอบด้วยวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก แค่สิ่วที่ใช้สกัดปูนกับเลื่อยตัดเหล็กแค่นั้น เอกเล่าว่า แก๊งเหล่านี้ไม่นิยมใช้เครื่องตัดเหล็กที่ใหญ่และมีน้ำหนักมาก ต้องเสียเวลาแบกและยุ่งยากกับการหาปลั๊กไฟต่อ ที่สำคัญเวลาลงมือจะมีเสียงดัง
"พวกนี้จะใช้วิธีสกัดปูนรอบๆ คอพระ ซึ่งจะหล่อปูนบางๆ ข้างในกลวง พอปูนหลุดแล้วจะเจอโครงเหล็ก จะใช้เลื่อยตัดเหล็กค่อยๆ เลื่อยขนเศียรพระขาด ระหว่างนี้จะแบ่งงานกันทำ มีคนสกัด คนตัดเหล็ก และคนดูต้นทาง"
นั่นคือวิธีตัดเศียรพระปูน ส่วนพระที่หล่อจากทองเหลืองหรือสัมฤทธิ์นั้น เอกบอกว่า ขั้นตอนจะยุ่งยากมากกว่า ดังนั้นขบวนการตัดเศียรพระมักจะไม่ทำภายในวัด แต่จะลักลอบโจรกรรมออกไปทั้งองค์พระ แล้วค่อยไปตัดเศียรเอาทีหลัง เมื่อได้มาแล้วก็จะนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่าจำพวกโบราณวัตถุและเครื่องลายคราม ทั้งตลาดนัดจตุจักรและแหล่งขึ้นชื่อใจกลางกรุงเทพฯ ในราคา 5,000 บาท ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับคุณค่าทางจิตใจและศิลปกรรมยุคโบราณ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเป็น "ของร้อน" หรือ "สิ่งของผิดกฎหมาย" นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการอัพราคาให้สูงขึ้นไปอีก แก๊งนี้ยังมีวิธีต้มตุ๋นบรรดานักสะสมชาวต่างชาติ ที่พวกเขาเรียกด้วยถ้อยคำประชดประชันว่า "หลอกตาน้ำข้าว" ด้วยการนำไปแช่ในดินทรายแล้วนำไปแช่น้ำอีกที เพื่อให้เก่า มีเศษรากไม้เศษดินติดอยู่ตามเศียรพระ จนดูเหมือนเป็นของเก่าแก่ควรแก่การสะสม จากราคา 5,000 บาทในเมืองไทย อาจจะสูงขึ้นไปหลักหมื่นถึงแสนบาท ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถหลอกขายได้ราคาเท่าไร
สุดท้ายเอกออกตัวว่า เขาเข้าไปอยู่ในแก๊งตัดเศียรพระก็จริง แต่ไม่เคยทำหน้าที่ตัดเศียรพระเลยแม้แต่ครั้งเดียว รู้สึกกลัว เพราะรู้ตัวว่าบาป ทำได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกจับติดคุก
"คนในแก๊งบอกว่า ถ้ามึงริเป็นโจรก็อย่ากลัวบาป แต่ผมขอย้ำนะครับว่า ไม่ได้ตัดเศียรพระจริงๆ" เอก กล่าว
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=530024