อันที่จริง ผมก้เคยเห็นพระเดินเลือกตักอย่างนี้ บ่อยครับ ถามความรู้สึกผมคือ แล้วมันแตกต่างจากวิธิวางสำหรับตั้งวงให้ตรงไหน เพราะท่านก้เลือกใส่บาตรเหมือนกัน และ ก็เลือกตักเหมือนกัน แถมยังเหลือทิ้งกันครึ่งบาตรด้วครับ ผมไปดูที่ิงเศษอาหารในงานปฏิบัติธรรม มากเลยนะครับ จากบาตรพระสงฆ์
คือไม่ทราบว่าวิธีเดินตักนี้ ลดกิเลสอย่างไร ? ครับ

อันนี้เป้นเรื่องในใจแล้ว แต่ถามว่า การฉันเป็นวง กับ ฉันในบาตร แตกต่างกันตรงไหน
ก็ตอบว่า ตรงที่รูปแบบ เท่านั้น
แต่การภาวนา เป็นเรื่องในใจ เป็นเรื่องการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย
ยกตัวอย่าง หลวงพ่อโต ท่านก็จะปฏิบัติทำในใจ ถ้าคำไหนท่านฉันด้วยความรู้สึกว่าอร่อย ท่านจะคายออก นั่นเป็นวิธีการที่จะกำราบกิเลสในแบบของท่าน แต่ละรูป แต่ละองค์ ก็จะต้องมีการฝึกฝนจิตในภายในกันไปด้วย ส่วนการฉันในบาตรจะทำให้เกิดความสะดวกในเรื่องการจัดการหลายอย่าง และการแจกจ่ายจักทั่วถึง ซึ่งโดยปกติแล้ว ภัตรที่มีความปราณีต จักไม่ถึงพระผู้น้อยที่มีพรรษาน้อยหรือบวชใหม่ เพราะคนส่วนใหญ่จะนำภัตรที่มีความปราณีตไปถวายแก่พระเถระ ซึ่งหลายครั้งที่สังเกต พระเถระก็ไม่ค่อยฉัน คุณค่าอาหารนั้นจึงไม่สมประสงค์ของผู้ถวายจริง แม้มีจริงศรัทธาแล้ว แต่พระคุณเจ้ามิได้แจกจ่ายต่อไป ดังนั้น ภัตรจะเสมอภาคเพราะได้รับการสละให้พอเพียงแก่สงฆ์ ในเรื่องการจัดการยังมีประโยขน์อีกหลายเรื่อง
สำหรับอาหารที่เหลือแล้วนำไปทิ้งนั้น ก็ถึงส่วนแห่งบุญตามทานหากผู้ฉันในบาตรได้ฉันเป็นประจำก้จะประมาณในการ ตักอาหารได้เอง ก็ต้องใช้เวลาหน่อย เพราะใหม่ความหิวอาจจะทำให้ตักมากเกินไปก็เป็นได้
ดังนั้นส่วนของการพิจารณานั้น ต้องอาศัย สติ และ ปัญญา ควบคู่กันไป
เจริญธรรม / เจริญพร
