พิมพ์

[raponsan]

ชัยชนะของ′อีบุ๊ก′ที่อังกฤษ

มีรายงานข่าวที่น่าสนใจจากบีบีซี เวิร์ลด์นิวส์ เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เปิดเผยผลการสำรวจของ สมาคมผู้จัดพิมพ์ (พีเอ) ของอังกฤษ ถึงยอดขายของ "นวนิยาย" ที่จำหน่ายในรูปแบบไฟล์ดิจิตอลในช่วงครึ่งแรกของปี 2012 นี้ที่เพิ่มขึ้นถึง 188 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ถ้าแยกออกไปเฉพาะหนังสือเด็ก ในรูปแบบที่เป็นดิจิตอลจะเพิ่มขึ้น 171 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนที่ไม่ใช่นิยายสำหรับเด็กนั้นเพิ่มขึ้น 128 เปอร์เซ็นต์

ฟิลิป โจนส์ บรรณาธิการนิตยสาร "เดอะ บุ๊กเซลเลอร์"  ซึ่งเป็นนิตยสารของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ในอังกฤษ ระบุว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาดังกล่าวนี้ถือเป็นข่าวดี เพราะอย่างน้อยที่สุดก็แสดงให้เห็นว่าตลาดหนังสือที่นั่นกำลังเปลี่ยนแปลง และผู้อ่านเริ่มตอบรับกับการเปลี่ยนผ่านจากยุคหนังสือที่เป็นเล่มๆ ไปเป็นรูปแบบของไฟล์อิเล็กทรอนิกส์

แต่ในขณะเดียวกันตลาดหนังสือโดยรวมก็กลายเป็นตลาดที่ยังกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา เพราะแม้ว่าจำนวนยอดขายหนังสือเล่มในอังกฤษจะลดลงเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาเดียวกันดังกล่าว แต่ที่หายไปมากอย่างเห็นได้ชัดก็คือร้านขายหนังสือ

การที่ยอดขายหนังสือเป็นเล่มก็ลดลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ยอดดาวน์โหลดหนังสือในรูปแบบดิจิตอลเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด ทำให้ยอดขายรวมของหนังสือทั้งสองรูปแบบเพิ่มขึ้นถึง 6.1 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ คิดเป็นรายได้สูงถึง 1,100 ล้านปอนด์ หรือราว 55,000 ล้านบาท

ริชาร์ด มอลเลท ซีอีโอของพีเอให้ความเห็นว่า การที่ยอดขายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพิ่มพรวดแสดงให้เห็นว่าทั้งผู้อ่านและผู้ผลิตงานเริ่มยอมรับในรูปแบบใหม่นี้กันมากขึ้น เมื่อมีผู้อ่านมากขึ้น ไม่ว่าจะในรูปแบบใด ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือผู้ผลิตและผู้พิมพ์ก็จะลงทุนมากยิ่งขึ้นทั้งในทุกๆ แง่มุมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการควานหานักเขียนและเรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจมานำเสนอ

     วงการหนังสือในอังกฤษคาดหมายว่า ครึ่งปีหลังยอดขายน่าจะคึกคักมากกว่านี้   
     สาเหตุสำคัญเป็นเพราะ อีบุ๊กรีดเดอร์ใหม่ๆ ราคาถูก จะมีมาเพิ่มอีกมากมาย
     และกลายเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปลายปี
     ก็จะช่วยกระพือยอดขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ขึ้นอีกครั้ง

เหตุผลประการหนึ่งที่ยอดขายหนังสือในรูปแบบดิจิตอลในอังกฤษประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ผู้คนในแวดวงให้ความเห็นตรงกันว่าเกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน แรกสุดก็คือ อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรืออีบุ๊กรีดเดอร์ ทุกวันนี้ราคาถูกลงและแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ถัดมาก็คือ การที่นักเขียนที่ผลิตผลงานออกมาในรูปแบบดิจิตอลประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมจนกลายเป็นข่าวโด่งดังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดยเฉพาะ "ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์" เบสต์เซลเลอร์ของนิวยอร์ก ไทม์ส ที่ทำยอดขายในรูปแบบดิจิตอลสูงมาก

สุดท้ายที่เป็นประเด็นสำคัญก็คือ กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องลิขสิทธิ์ในอังกฤษ เอื้อต่อการกำหนดกรอบที่แม้จะแข็งแรง แต่ก็ยืดหยุ่นได้อยู่ในตัว ผู้สร้างสรรค์ผลงานแล้วนำเสนอออนไลน์ไม่เพียงได้รับความคุ้มครอง ยังได้รับการสนับสนุนในทางอ้อมอีกด้วย

นอกเหนือจากสาเหตุทั้ง 3 อย่างประกอบกันแล้ว ประเด็นที่สำคัญน่าจะเป็นเพราะว่า สังคมอังกฤษเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับหนังสือและการอ่านมากมายอย่างแท้จริงอีกด้วย

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348038633&grpid=&catid=95&subcatid=9500
http://1.bp.blogspot.com/

[kobyamkala]

อาจจะเข้าสู่ยุค ดิจิตอล แล้ว แต่หนังสือที่เป็นเล่ม ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า นั้นก็ยังมีความสำคัญ ดังนั้นจุดอ่อนของ Ebook นั้นยังอยู่ที่ การใช้พลังงานไฟฟ้า ถ้าสามารถพัฒนา อุปกรณ์ที่ให้พลังงานไฟฟ้าได้นาน หรือ สามารถใช้พลังงานสำรองส่วนอื่นได้ ebook จะน่าใช้มาก

    ที่สำคัญ ebook ต้องมีอุปกรณ์ แอพพลิเคชั่น ด้วย ซึ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เป็น ที่โตยาก สมมุติ ว่าเราจะอ่านหนังสือ นิยายสักเล่ม แต่ต้องลงทุนออกไปซื้อ เครื่อง และ โปรแกรม แล้วและยังต้องหาอุปกรณ์ไฟฟ้า อีก ก็คงจะให้ความหมายกับ หนังสือเป็นเล่มก่อน

   ที่นี้ จะเกิดอะไรขึ้นใน สิ่งแวดล้อม อุตาสาหกรรมกระดาษ สิ่งพิมพ์ คนงาน กระเทือน แน่ ๆ ดังนั้นสำหรับเมืองไทยนั้น คงอีกนาน ที่จะทำให้ระบบนี้แพร่หลาย ดังนั้่นรัฐ จึงวางแผนเครื่อง Ipad เป็นเครื่องล่อ สำหรับชน รากหญ้า ในอนาคต ซึ่งแน่นอนจะมีผลกับยอดขายเครื่อง ในอนาคต เพราะพี่แจกเครื่อง ป1 และ ม1 

    ป2 - ป6 ไม่ได้แจก  จำนวนสัดส่วนที่เป็นกำไร
    ม2 - ม6 ไม่ได้แจก  จำนวนสัดส่วนที่เป็นกำไร
    ปตรี - เอก ไม่ได้แจก จำนวนสัดส่วนที่เป็นกำไร

   ทุกอย่างเป็นไป ตาม กฏแห่งกรรม