« เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 07:21:50 pm »
0
วิธีรับมือ..เวลาขาดสมาธิ
บรรยากาศรอบตัวที่สับสนวุ่นวาย ชีวิตที่เร่งรีบแข่งกับเวลา รวมทั้งปัญหารอบด้านที่เกิดจากการเรียนหรือจากการทำงาน ทำให้บางคนสติแตกขึ้นมาได้ไม่ยาก ดูง่ายๆ จากตัวอย่างของพวกที่อยู่ดีๆ ก็เอามีดหรือปืนไปจี้คนบริสุทธิ์มาเป็นตัวประกันก็แล้วกัน เห็นข่าวทำนองนี้อยู่บ่อยๆแล้วใจหายใจคว่ำ
นอกจาก คนเราจะสติแตกเพราะปัญหาเศรษฐกิจ เป็นประเด็นหลักแล้ว ยังมีคนจำนวนมากขาดสมาธิในการเรียนและการทำงานด้วย จึงทำให้ไม่มีกะจิตกะใจอยากเรียนหนังสือหนังหา หากยิ่งใครขี้เกียจเป็นทุนอยู่แล้ว คงโดดเรียนเป็นว่าเล่น
ส่วนผู้ที่ทำงานแล้วหากขาดสมาธิ เมื่อใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็มักเริ่มงานได้ช้า แถมพอสมาธิสั้นจะส่งผลไปถึงความจำด้วย แม้ไม่ถึงกับทำให้ความจำเสื่อม แต่มักลืมง่าย ตรงนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ใครที่เป็นแบบนี้ ต้องรีบปรับตัวปรับใจแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้แล้ว
ไม่งั้น ขืนทำงานผิดพลาดขึ้นมา หรือลืมสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ก็ซวยละสิ!
ก่อนหน้านี้มีเพื่อนคุยให้ฟังว่าสมาธิในการทำงานมีล้นเหลือ แต่มักจำไม่ได้ว่ามีแฟนแล้ว...อ้าว! ยิ่งอยู่ลับหลังแฟนนี่ยิ่งเป็นบ่อย มิน่าพอไม่ได้อยู่กับแฟนจึงเริงร่าทำเป็นโสดไร้พันธะทุกที อย่างนี้ไม่น่าจะแก้ให้หายได้นะ เพราะอาจซึมลึกเกินเยียวยาแล้วก็ได้...เชอะ ปัญหานี้ไม่ใช่เป็นที่ความจำซะหน่อยแต่เพราะเจ้าชู้ต่างหาก คนละเรื่องเดียวกันจับมามั่วได้ไงเนี่ย
ว่าแล้ว จึงอยากชวนมาสร้างสมาธิและความจำในทางที่ถูกที่ควรกันดีกว่า จะได้สร้างประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น เวลาเจอคำถามง่ายๆจะได้ไม่มึนงง โดยเริ่มจาก...
1.พยายามคิดทีละอย่าง อย่าไปคิดหลายเรื่องให้มาผสมปนเปในเวลาเดียวกัน เพราะจะยิ่งทำให้จิตใจวอกแวก กระจัดกระจาย เผลอๆจะยิ่งทำให้คิดฟุ้งซ่าน เตลิดไปไกล ถ้าฉุดกลับมาไม่ได้ก็แย่สิ
2.หลีกเลี่ยงบรรยากาศที่รบกวนการเรียนหรือการทำงาน เช่น ถ้าตั้งใจจะอ่านหนังสือ ก็ไม่ควรเปิดเพลงฟัง, เปิดดูโทรทัศน์ หรือวุ่นวายกับมือถือและเปิดเน็ตมากเกินไป เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะเบนความสนใจของเราให้ไปใจจดใจจ่อกับสิ่งอื่นแทนที่จะอ่านหนังสือตามที่ตั้งใจไว้ เหตุนี้บางบ้านถึงกับมีการกั้นห้องทำงานขึ้นมาเฉพาะเลย จะได้ไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจให้เฉไฉไปทางอื่นอย่างไรล่ะ
3.บางทีการสร้างสมาธิก็ขึ้นอยู่ที่ใจของตัวเองด้วยนะ เพราะถ้าใจเราไม่สงบ ยังคิดนู่น คิดนี่ หรือยังมีกังวลในเรื่องบางอย่างอยู่ ก็ยากที่จะทำให้ตัวเองมีสมาธิได้ พอจิตใจกระเจิดกระเจิงก็ส่งผลต่อความจำ ดังนั้นจึงควรฝึกใจให้สงบ จะใช้วิธีสวดมนต์ ไหว้พระ หรือนั่งสมาธิก็ได้ แถมดีซะด้วย
4.พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุทำให้ขาดสมาธิได้ สังเกตว่าถ้าวันไหนนอนน้อย อดหลับอดนอน จะเกิดอาการงัวเงีย ขาดพลังและอยากไปหลับไปงีบ ไปสัปหงกสักพักมากกว่า ซึ่งถ้าแก้สถานการณ์ได้ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองนอนน้อยและอ่อนเพลีย เพราะจะส่งผลไปถึงสุขภาพด้านอื่นด้วย.
คนสมถะขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/column/life/prateep/301732