« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2012, 07:06:06 am »
0
ศิลปะแห่งชีวิต(จบ)..นิพพานได้ในชาตินี้ : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี
เคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุขประการสุดท้ายคือ เราทุกคนสามารถบรรลุนิพพานได้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ในชาตินี้
เราคนไทยมักเชื่อกันว่า การจะบรรลุนิพพานได้ ต้องสั่งสมกันหลายแสนล้านชาติภพ ต้องมีบุญมีกุศลมหาศาล พอเชื่ออย่างนี้ก็เลยดูถูกตัวเองว่า
“อย่างเราเนี่ย เลิกหวังนิพพานนะ เอาตัวรอดวันๆ ให้มันได้ก่อนเถอะ
ทำเช้าหาเที่ยง กินเที่ยง หาค่ำกินค่ำ อย่าไปหวังนิพพานเลย”
พอเข้าใจผิดอย่างนี้ ก็ไม่คิดฝึกหัดพัฒนาตัวเอง เพื่อไปให้ถึงจุดหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นคน เหมือนกบเฒ่านั่งเฝ้ากอบัว ไม่รู้จักว่าเกสรบัวมีรสโอชา ปล่อยให้ภู่ผึ้งภมรบินฉวัดเฉวียนมา แล้วก็มาลิ้มชิมรสเกสรบัวไป เพราะถือว่าตัวไม่มีบุญ เลยนอนกอดความทุกข์อยู่ทุกคืนทุกวัน นั่งก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ ยืนก็ทุกข์ อยู่ที่ไหนก็ทุกข์ ไปวัดก็ไปบ่นให้พระฟัง พระก็ทุกข์อีก
ฉะนั้นเรามีศักยภาพที่จะบรรลุภาวะพระนิพพานได้ แต่ถ้าเราไม่ฝึกหัดพัฒนา มันก็ไม่ปรากฏหรอก เหมือนไฟที่มันมีอยู่ตรงนั้น เมื่อเอาหินมาต่อยกันเข้า ก็มีประกายไฟ ใต้ดินก็มีน้ำ เมื่อขุดไปให้ลึกที่สุด ยังไงก็ต้องเจอน้ำ
ในจิตในใจเรานั้นมีโพธิภาวะอยู่ เมื่อปฏิบัติไป ถ้าถูกทาง เดี๋ยวมันก็ถูกธรรม บรรลุภาวะพระนิพพาน หมดทุกข์กันได้ ครูบาอาจารย์ของเราตั้งแต่หลวงปู่มั่นเป็นต้นมา พิสูจน์ให้ดูแล้วว่า มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ลูกชาวบ้านหลานชาวไร่ชาวนา เป็นอริยบุคคลกันได้
ฉะนั้นอย่าไปหมดหวัง ถ้าชีวิตนี้มีความทุกข์ ขอให้รู้ว่า ทุกข์นี้ เราดับมันได้ ความเข้าใจอย่างนี้ จะทำให้เราปฏิบัติธรรมอย่างมีความหวัง ไม่ใช่ปฏิบัติชาตินี้แล้ว ขอไปนิพพานเอาชาติโน้น ในเมื่อปฏิบัติชาตินี้ก็เอามันชาตินี้เลย
เวลาอยากรวย ทำไมขอให้มันรวยชาตินี้ทันทีทันควัน เวลาซื้อหวยขอให้ถูกงวดนี้
แต่พอปฏิบัติธรรม ขอให้ไปนิพพานชาติโน้น
เคยมีโยมที่เป็นนักธุรกิจมาปฏิบัติกับอาตมา พอกลางคืนก็มากราบอาตมาแล้วถามว่า
“พระอาจารย์ครับ สมมติว่าถ้าผมปฏิบัติแล้ว เกิดมันบรรลุขึ้นมา ผมจะทำยังไงกับธุรกิจของผม ลูกของผม เมียของผม หุ้นของผม”
อาตมาก็บอกว่า
“โยมจงวางใจ อย่างโยม อีกนานกว่าจะบรรลุ ไม่ต้องกลัว ถึงแม้จะบรรลุขึ้นมา โยมก็ไม่ต้องห่วง สิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ดีกว่าทรัพย์สินที่โยมถือครองทั้งหมด มิเช่นนั้น พระพุทธเจ้าจะทิ้งความเป็นพระมหากษัตริย์ออกมาอยู่เป็นนักบวชได้ยังไง”
เขากล่าวว่า “โอ้ งั้นหรือครับ งั้นผมสบายแล้ว”
แกก็เลยกลับไปปฏิบัติต่อ เพราะแกรู้ว่าแกยังไม่บรรลุง่ายๆ
ถ้าเหตุปัจจัยพอเหมาะพอควร เดี๋ยวก็จะสว่างโพลงขึ้นมาเอง
เหมือนโยมจะต้มน้ำ ก่อไฟยกหม้อขึ้นตั้ง โยมไม่ต้องอ้อนวอนให้มันเดือดหรอก
ถ้าไฟมันร้อนพอ น้ำก็จะเดือดเอง โยมปฏิบัติไป สร้างสมเหตุปัจจัย
ถ้ามันมีเหตุมีผลอันเหมาะอันควร มันก็จะบรรลุธรรมขึ้นมาเอง
ฉะนั้น ศิลปะประการสุดท้าย
เราทุกคนมีศักยภาพที่จะบรรลุนิพพานได้ในชีวิตนี้ เมื่อตระหนักรู้แล้ว เร่งลงมือปฏิบัติ
ทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือ ธรรมะที่จะทำให้เราเอาไปปรับแต่งให้ชีวิตของเราเป็นชีวิตที่งดงามล้ำเลิศ
ถ้าเราทำชีวิตของเราให้งดงามล้ำเลิศได้ ชีวิตของเราก็เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งเหมือนกันขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20121206/146487/ศิลปะแห่งชีวิต(จบ)นิพพานได้ในชาตินี้.html#.UMJ_uKzjrRd
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 08, 2012, 07:09:20 am โดย nathaponson »

บันทึกการเข้า

ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ