ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไนท์มิวเซียมโชว์...'พระพุทธรูปคันธารราฐ'  (อ่าน 2196 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29312
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ไนท์มิวเซียมโชว์ 'พระพุทธรูปคันธารราฐ'

กรมศิลปากรนำพระพุทธรูปคันธารราฐสมัยรัตนโกสินทร์ จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในงาน 'รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี' แบบไนท์มิวเซียมครั้งแรก

     เมื่อวันที่ 10  ธ.ค. นางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เนื่องในปี 2555 เป็นปีแห่ง การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ 230 ปี กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ได้ร่วมกับ กรมศิลปากร  สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพมหานคร และประชาคมชาวบางลำพู จัดงาน “รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี”

    ปิดถนนท่าพระอาทิตย์ย้อนรอยวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมชาวกรุงเก่าและจัดกิจกรรมรอบเกาะรัตนโกสินทร์
     ในวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 8-10 , 15-16,  22-23 ธ.ค. และวันที่ 12-13 ม.ค. 2556 
     โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย  ได้แก่ การเปิดอาคารที่ทำการของกรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ หอประติมากรรมต้นแบบ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ซึ่งเป็นบริเวณของวังเก่าในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ให้ประชาชนเข้าชมโบราณวัตถุ และสิ่งของอันล้ำค่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

                 
     รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า กรมศิลปากรยังได้จัดกิจกรรมพิเศษด้วยการเปิด พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และ  หมู่พระที่นั่งต่างๆ ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืนจนถึงเวลา 20.00 น. หรือ ไนท์มิวเซียมเป็นครั้งแรก  อาทิ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ กราบไหว้พระพุทธสิหิงค์ พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พระตำหนักแดง พร้อมทั้งมีการสาธิตและการจัดแสดงผลงานฝีมือช่าง จากสำนักช่างสิบหมู่ สินค้าต้นแบบจากโครงการ Creative Finearts
      ตลอดจนการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีสำหรับประชาชนจากสำนักการสังคีต ณ สังคีตศาลา บริเวณสนามหญ้า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร



      นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการรำลึกรัตนโกสินทร์  บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  รวมทั้งจะปิดถนนพระอาทิตย์  ตั้งแต่โรงพิมพ์คุรุสภา ป้อมพระสุเมรุ  ไปจนถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ให้เป็นถนนคนเดิน มีการออกร้าน และการแสดงจากชุมชนบางลำพู และการจัดกิจกรรมการแสดงที่บริเวณสวนสันติชัยปราการ
   
     “กรมศิลปากร ขอเชิญชวนให้ประชาชนได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติ และยังทำให้เกิดความรักและความภาคภูมิใจ ในการที่เราได้เกิดมาเป็นคนไทย ตลอดจน ได้ตระหนักในการร่วมกันอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ” นางสุรีย์รัตน์ กล่าว
 
       ด้านนายอนันต์ ชูโชติ ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เปิดเผยว่า สำหรับโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่จัดแสดงในโอกาสพิเศษเปิดไนท์มิวเซียมครั้งแรกนี้ คือ
       พระพุทธรูปคันธารราฐ สมัยรัตนโกสินทร์ แบบศิลปะคันธารราฐ สร้างจากสำริด กะไหล่ทอง
       สูงพร้อมฐาน 73.5 ซ.ม. ฐานกว้าง 23.5x23.5 ซ.ม.
       พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดให้นายอัลฟอนโซ ทอร์นาเรลลี ช่างชาวอิตาเลียนปั้น โดยอนุโลมตามพระพุทธรูปคันธารราฐในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2453



      พระพุทธรูปคันธารราฐ เป็นพระพุทธรูปอำนวยความอุดมสมบูรณ์ สร้างขึ้นเป็นพระขอฝน
       สำหรับใช้ในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ และงานพระราชพิธีพืชมงคล เพื่อความเป็นมงคลในการพระราชพิธีอำนวยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พื้นดินอุดม พืชพันธุ์ธัญญาหารบริบูรณ์


       "นอกจากนี้ในไนท์มิวเซียมยังมีการจัดแสดงศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ 1 เป็นของจริง เครื่องทองจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ศิลปะสมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 22-24  พระแท่นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กลองวินิฉัยเภรี เป็นกลองสำหรับราษฎรตีร้องทุกข์ถวายฎีกาโดยไม่ต้องรอเวลาเสด็จออกนอกพระบรมมหาราชวัง มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาล 1 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3   หัวหุ่นหลวงพระราม พระลักษณ์ เป็นต้น" ผอ.สำนักพิพธภัณฑ์ฯ กล่าว

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
      ศิลปะคันธารราฐนับเป็นต้นกำเนิดในการสร้างพระพุทธรูปมาจนถึงทุกวันนี้
      โดยช่างกรีกในแคว้นคันธารราฐตอนเหนือของอินเดีย หรือในพื้นที่ประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถานปัจจุบัน
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ก็อยู่ในพื้นที่คอบครองของตาลิบันก็เป็นศิลปะคันธารราฐ


   
     ขณะเดียวกันพระพุทธรูปและพุทธสถานที่เมืองเมืองเมส อาแน็ค ประเทศอัฟกานิสถาน 
     ซึ่งมีอายุถึงกว่า 2,000 ปี  ที่เป็นมรดกล้ำค่าของชาวพุทธและมนุษยชาติ รวมถึงเป็นสถานที่เก็บรักษาสิ่งมีค่าทางพระพุทธศาสนาอย่างประเมินค่ามิได้ กำลังจะถูกทำลายลง


     ส่งผลให้องค์กรชาวพุทธทั่วโลก ร่วมกับนางสาวนาเดีย ทาร์ซี (Nadia Tarzi) ประธานสมาคมคุ้มครองโบราณสถานของอัฟกานิสถาน ลูกสาวนักโบราณคดีเอกของโลก ศ.ดร.ทาร์ซี (Prof.Zermayalai Tarzi) ได้ระดมรายชื่อชาวพุทธจากทั่วโลก ที่สนับสนุนและลงชื่อคัดค้านการปรับเปลี่ยนโบราณสถานอันเก่าแก่ดั้งเดิมของชาวพุทธที่มีชื่อเรียกว่า เมส อาแน็ค ในประเทศอัฟกานิสถาน ให้เป็นเหมืองทองแดงภายในเดือนธันวาคมนี้ตามที่รัฐบาลอัฟกานิสถานให้สัมปทานแก่บริษัทเหมืองแร่ประเทศจีนเข้ามาดำเนินการ
             
      "ขั้นต้นนางสาวนาเดีย ทาร์ซี  ได้ตั้งเป้าการลงชื่อคัดค้านทั้ง 2 เว็บไซต์ที่ 100,000 รายชื่อ แต่จำนวนการลงชื่อคัดค้านเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว จึงได้ขยายเป็น 200,000 รายชื่อภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2555       
      โดยเว็บไซต์แรกสามารถลงชื่อคัดค้านได้ที่
      http://chn.ge/TstjEm เพื่อเสนอต่อองค์การยูเนสโก ให้คุ้มครองโบราณสถาน “เมส อาแน็ค” ส่วนเว็บไซต์ที่ 2 สามารถลงชื่อคัดค้านได้ที่ http://chn.ge/Pux8Nr เพื่อเสนอต่อประธานาธิบดีของประเทศอัฟกานิสถาน ให้ชะลอแผนการทำเหมืองทองแดง"  นายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ ประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก กล่าวก่อนหน้านี้

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้นว่าล่าสุดทางรัฐบาลอัฟกานิสถานจะรับปากจะกันพื้นที่ดังกล่าวไว้ แต่องค์กรชาวพุทธทั่วโลกก็ยังไม่นิ่งนอนใจ หากต้องการติดตามเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพุทธสถานที่เมส อาแน็ค สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่เฟซบุ๊กกลุ่มMes Aynak awareness working group 
     (http://www.facebook.com/groups/mes.aynak
     หรือหากต้องการศึกษาเกี่ยวกับศิลปะคันธารราฐที่อัฟกานิสถานและปากีสถานสามารถติดตามเฟซบุ๊กของ Rangsi Suthon 
     (http://www.facebook.com/arjarn.rangsi )
     ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20121210/146854/ไนท์มิวเซียมโชว์พุทธรูปคันธารราฐ.html#.UMgDJ6xyW9x
http://www.oknation.net/,http://board.postjung.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2012, 11:27:49 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ