ขออนุโมทนาสาธุ
ข้าพเจ้าเคยสนทนาธรรมกับท่านพระอาจารย์ที่นี่
ท่านสอนสติปัฏฐานสี่ให้แก่ข้าพเจ้า
ให้โอวาทธรรม ว่า
รู้ว่าปลาอยู่ตรงไหน เมื่อเอาสุ่มครอบ ก็ต้องจับตัวปลา อย่าไปควานเล่น รอบสุ่ม ไอ้ที่ไม่มีปลา ปลาอยู่ตรงนั้น ก็จับตรงนั้น
เห็นนาฬิกาที่ผนังนั้นใหม
เหมือ นาฬิกาเดินได้ โดยไม่มีเข็ม แต่รู้ว่าเดินไปถึงไหน
พอได้มาเรียนกรรมฐานนี้ ก็ถึงบางอ้อ
เคล็ดวิชชา พระคาถา บริกรรมจักร สุกิตติมา
เรื่องแบบนี้ไม่มีตํารา เพราะต้องอาศัย อภิญญาของของครูบาอาจารย์ล้วนๆ ที่ท่านจะแต่งแต้มพรําสอนเราได้เนื้อๆ และไม่หรอกลวง เพราะท่านเห็น บางทีเรายังไม่เห็น แต่ท่านเห็นล่วงหน้า และสอนเลย
ต่อมาเราก็ คลับคล้ายคลับครา เหมือนได้เห็น บ้าง ไม่เห็นบ้าง
เพราะมีสองนิมิต นิมิตไม่เปลี่ยนแปลงก็เห็น นิมิตที่ปลียนแปลงหาย
คือรูปนามสมาบัติ คือธาตุ สิบแปดกาย
โดยมีแผนที่ของครูอาจารย์ตั้งไว้ดังนี้
เห็นธรรมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ในธรรม
เห็นเกิดบ้างดับบ้าง ที่สุดตามแผนที่ก็คือเกิดขึ้นพร้อมดับ กายพุทธะ
เรายังไม่ได้เห็น
เรื่อ สติปัฏฐานสี่ ไม่ใช่เรื่องเล่า หรือเรื่อง ปัจเวก
แต่เป็นเรื่องที่ต้อง รู้ต้องเห็น
เข้าให้ถึง กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ
สอนตามลําดับ
ไม่พิมพ์ตํารา เน้นธรรมสภาวะ ของจริง เรียนรู้เองตามญาณ
ไม่มีคําอธิบาย ใครได้ ใครรู้