ก็ไม่อยากแสดงความคิดเห็นหรอกนะเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง แต่ตอนนี้เริ่มได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ขนาดเป็นพระยังได้รับผลกระทบชาวบ้านหรือจะไม่โดนผลกระทบ
=======================
#การเรียกร้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่เหมาะสมในขณะนี้
#ค่าแรง400บาทไม่ใช่การแก้ปัญหาสินค้าแพง
#สินค้าแพงไม่ใช่เพราะค่าแรงปัจจุบันถูก
#สินค้าแพงไม่ใช่เกิดจากโควิด
นายกยิ่งลักษณ์ แก้ปัญหาของแพง โดยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท
ครั้งนั้นหายนะของแพงก็เกิดขึ้นทันที จนคนตกงาน โรงงานปิด บริษัทเจ๊งเป็นแถบๆ คนไทยต้องจ่ายค่าของแพงขึ้นทุกอย่างตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไม้ บ้านเมืองเข้าวิกฤต น้ำท่วมใหญ่ ทั้งประเทศ กทม น้ำท่วมเป็นเวลา 30 วัน
ตอนนี้เห็นข่าวประชาชนไปประท้วงเรื่องขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 - 450 บาทอีก เหตุการณ์อย่างนี้กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง กว่าแผลเป็นเดิมจะหายคัน แผลใหม่ก็เริ่มปริขึ้น คนที่ตกทุกข์ได้ยากหาเงินไม่ค่อยได้ ก็จะต้องถูกเคราะห์กรรมชุดนี้เพิ่มเข้าไปอีก ผีซ้ำกรรมเคราะห์กิจการกระเทือนเพราะสถานการณ์โควิด มาแล้วยังต้องมาบอบช้ำด้วยกลไกกลโก่งราคาของพ่อค้า เข้าไปอีก คนผลิดมีรายได้เท่าเดิม แต่คนกลางที่เรียกว่า พ่อค้าแม่ค้า นี่แหละกำลังมาซ้ำเติมประเทศ
ในสภาวะที่พ่อค้าปั่นราคา ให้ของมันแพงขึ้น
เนื้อหมูแพง เมื่อสืบสวนจริง ๆ กลับไม่ใช่เรื่องโรคระบาด แต่เป็นเพราะพ่อค้าปั่นราคาขึ้นกันเอง
เนื้อหมูซื้อจากโรงเลี้ยงหมู กก ละ 60 - 80 บาท
พ่อค้าโรงเชือด ขายต่อ 100 - 150 บาท
พ่อค้าเขียงหมู ขายต่อ 180 - 250 บาท
กลไกตอนนี้เป็นอย่างนี้ ยิ่งช่วงตรุษจีน พ่อค้าโรงเชือด หยุดการซื้อเพราะว่าเก็งกำไร มากกว่า 120 บาท คนเลี้ยงหมูต้องยอมแบกภาระค่าอาหารหมูเพิ่ม ดังนั้น จะมองให้ดีว่า คนที่ปั่นราคาหมูตอนนี้ คือ โรงเชือด เป็นหลัก และ เขียงหมู ซึ่งแน่ละจะทำอย่างนี้ได้ต้องเป็นเจ้าใหญ่ในประเทศซึ่งมีไม่กี่ราย เมื่อสอบสวนลงไป หมูที่ตายเพราะโรค มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
นั้นจึงเป็นเหตุบอกของรัฐว่า ราคาหมูแพงไม่ใช่เกิดจากโรคระบาด แต่เกิดจากการปั่นราคา
ตอนนี้ของบริโภค ถูกปั่นราคา โดยอ้างราคาหมู และอ้างภาวะวิกฤตโควิด-19 แต่พ่อค้ารวยขึ้นในความวุ่นวายของคนยากจน
บัดนี้มองเห็นคนไปเรียกร้องรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นั่นก็จะส่งผลหนักเลวร้ายเหมือนคราวที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท กระเทือนทุกหย่อมหญ้า เพราะพอค่าแรงขึ้น สินค้าทุกชนิดก็ขึ้นราคาตาม นั่้นคือสภาวะสนับสนุนเงินเฟ้อ ซึ่งมองความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่การแก้ปัญหา
คราวยุคก่อนค่าแรงขั้นต่ำเรามีข้าวจานละ 20 - 30 บาท พอค่าแรงขั้นต่ำขึ้น ข้าวจานละ 40 - 60 บาท เงินที่ขึ้นกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นสุดท้ายเงินที่ขึ้นเหมือนไม่ได้ขึ้น และทำให้คนตกงานเพราะนายจ้างต้องเลิกจ้างเพราะค่าแรงสูงขึ้น นายจ้างก็หันไปใช้เครื่องจักรกันมากขึ้น สภาวะคนตกงานตั้งแต่ตอนนั้นพร้อมกับ บริษัทโรงงานต่าง ๆ ที่ต้องปิดลง
สภาวะอสังหาริมทรัพย์ ชะลอตัวหยุดนิ่งกว่าประชาชนปรับตัวมาได้ใช้เวลา ถึง 9 ปีด้วยกันพอมาตอนนี้คนเห็นแก่ตัว พ่อค้าเห็นแก่ได้ ก็ปั่นราคากันใช้กลไกความยากจน เพื่อกดดันรัฐบาลให้รัฐบาลยุติการบริหาร ( เป้าประสงค์เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ) ใช้สภาวะที่คนเดือดร้อนทั้งประเทศเป็นสภาวะต่อรอง แต่อย่าลืมว่า ความเดือดร้อนนี้มันไม่ได้คลี่คลายได้เพราะว่าเปลี่ยนรัฐบาลคนไทยจะต้องตระหนักในความจริงตรงนี้ ดังนั้นต้องไปกดดันพวกพ่อค้าที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ให้มีคุณธรรมมากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่สมควรเลยในขณะนี้
แต่อย่างไร ธัมมะวังโส ก็เป็นเพียงพระที่มองเห็นเหตุการณ์ซ้ำซากอันนี้มาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง จึงเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นวิธีการที่แก้ปัญหาจริงในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ยิ่งขึ้นค่าแรงของก็ยิ่งแพงมากขึ้น คนที่เดือดร้อนคือคนยากจนที่จะไม่มีปัญญาจ่ายค่าของที่มากขึ้น ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก็ส ค่าจิปาถะ มันจะขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำ หลายคนเชื่อว่ามีค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้วจะรับมือกับของแพงได้ แต่ที่เห็นมา 2 ครั้ง มันเลวร้ายไปทุกครั้ง
มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ก็ต้องคิดเอา
น้ำมันอยู่ประเทศไทย คนไทยผลิต แต่คนไทยซื้อน้ำมันราคาแพง ในขณะที่คนไทยขายคนต่างชาติราคาถูกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ กลไกนี้มันคืออะไร มันหมายถึงอะไร ถึงคนไทยต้องจ่ายแพง ของแพง ทั้งหมดนี้มันคือกลไกของพ่อค้าที่ถูกวางลงไปในกลยุทธการค้า ซึ่งพ่อค้าที่ฉลาดอาศัยช่องว่างกฏหมาย ต่าง ๆ และให้คนของรัฐเขียนกฏหมายใหม่ ให้พ่อค้ามีสิทธิควบคุมกลไกเศรษฐกิจ
การบีบของพ่อค้า ก็เพื่อต้องการเปลี่ยนรัฐบาล โดยใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน และเรียกร้อง ใครที่ได้ประโยชน์ ใครที่อยู่เบื้องหลัง มันก็คือระบบการเมืองที่ไร้จริยธรรม
เจริญธรรม / เจริญพร