ธรรมะในวัด ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง แต่ไม่ใช่ที่เป็น สถานที่ นะ เจริญพร
อาทิตย์ ที่ 8 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2556
|
|

เรื่องยสกุลบุตร
[๒๕] สมัยนั้น ในกรุงพาราณสี มีกุลบุตรชื่อยสะเป็นลูกเศรษฐีเป็น ผู้สุขุมาลชาติ ยสกุลบุตรนั้นมีปราสาท ๓ หลัง คือ หลังหนึ่งสำหรับฤดูหนาวหลังหนึ่งสำหรับฤดูร้อน หลังหนึ่งสำหรับฤดูฝน ยสกุลบุตรได้รับการบำเรอด้วยดนตรี ไม่มีบุรุษเจือปน ตลอด ๔ เดือน อยู่บนปราสาทฤดูฝน ไม่ลงมายังปราสาทชั้นล่าง คืนวันหนึ่ง เมื่อยสกุลบุตรได้รับการบำเรออิ่มเอมเพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕ ได้หลับไปก่อน ฝ่ายบริวารชนได้หลับภายหลัง ตะเกียงน้ำมันถูกจุดสว่างทั้งคืนคืนนั้นยสกุลบุตรตื่นขึ้นก่อน เห็นบริวารชนของตนกำลังหลับ บางนางมีพิณอยู่ใกล้รักแร้ บางนางมีตะโพนอยู่ข้างคอ บางนางมีโปงมางอยู่ที่อก บางนางสยายผมบางนางน้ำลายไหล บางนางละเมอเพ้อไปต่าง ๆ ปรากฏดุจป่าช้าผีดิบ เพราะได้เห็นโทษจึงปรากฏแก่ยสกุลบุตร จิตตั้งอยู่ในความเบื่อหน่าย ยสกุลบุตรจึงเปล่งอุทานขึ้นในขณะนั้นว่า
“ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ท่านผู้เจริญ ที่นี่ขัดข้องหนอ”
ครั้งนั้น ยสกุลบุตรจึงสวมรองเท้าทองเดินตรงไปยังประตูนิเวศน์ พวกอมนุษย์เปิดประตูให้ด้วยคิดว่า “ใคร ๆ อย่าได้ทำอันตรายต่อการออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตของยสกุลบุตร”
ลำดับนั้น ยสกุลบุตรได้เดินต่อไปยังประตูเมือง พวกอมนุษย์ก็เปิดประตูให้ด้วยคิดว่า
“ใคร ๆ อย่าได้ทำอันตรายต่อการออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตของยสกุลบุตร”
หลังจากนั้น ยสกุลบุตรจึงเดินต่อไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
[๒๖] ครั้นราตรีย่ำรุ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นจงกรมอยู่ ณ ที่แจ้งได้ทอดพระเนตรเห็นยสกุลบุตรเดินมาแต่ไกล ครั้นเห็นแล้ว จึงเสด็จลงจากที่จงกรมประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ ขณะนั้น ยสกุลบุตรได้เปล่งอุทานขึ้น ณ ที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคว่า “ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ท่านผู้เจริญ ที่นี่ขัดข้องหนอ”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับยสกุลบุตรนั้นดังนี้ว่า
“ยสะ ที่นี่ ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิด ยสะ จงนั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ”
ลำดับนั้น ยสกุลบุตรร่าเริงเบิกบานใจว่า “ได้ยินว่า ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง”จึงถอดรองเท้าทองเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอนุปุพพิกถา คือทรงประกาศ
๑. ทานกถา (เรื่องทาน)
๒. สีลกถา (เรื่องศีล)
๓. สัคคกถา (เรื่องสวรรค์)
๔. กามาทีนวกถา (เรื่องโทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมองแห่งกาม)๒
๕. เนกขัมมานิสังสกถา (เรื่องอานิสงส์แห่งการออกจากกาม)
แก่ยสกุลบุตรผู้นั่งอยู่ ณ ที่สมควร
เมื่อทรงทราบว่า ยสกุลบุตรมีจิตควร อ่อน ปราศจากนิวรณ์ เบิกบานผ่องใส จึงทรงประกาศสามุกกังสิกธรรมเทศนา๑ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ธรรมจักษุอันปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ได้เกิดแก่ยสกุลบุตร ณ อาสนะนั้นแลว่า
“สิ่ง ใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา” เปรียบเหมือนผ้าขาวสะอาดปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมได้เป็นอย่างดี
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [๑.มหาขันธกะ]
๗.ปัพพัชชากถา หน้าที่ ๓๑- ๓๓
เข้าชม : 775
|
|
ธรรมะในวัด 5 อันดับล่าสุด
เฉลยบทธรรมคำย่อที่ให้ไว้ ประจำ ปี พ.ศ. 2555 29 / ม.ค. / 2557
คติธรรม บทที่ 1 ปี 2557 แด่ท่านทั้งหลาย 29 / ม.ค. / 2557
โปรดตั้งศรัทธา ในพระพุทธคุณ แม้ผู้ตั้งใน พุทธคุณ เพียงชั่วขณะหนึ่ง ก็เป็นบุญ 29 / ม.ค. / 2557
ทำเนียบ ศิษย์กรรมฐาน ยุคครูปัญญาวุธคุณ (สำอางค์) 29 / ม.ค. / 2557
เกี่ยวกับ หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน 29 / ม.ค. / 2557
บวชด้วยศรัทธา ปฏิบัติตน ถึง ฌาน 4 แม้ไม่เคยพบพระพุทธเจ้า 17 / ธ.ค. / 2556
ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง แต่ไม่ใช่ที่เป็น สถานที่ นะ เจริญพร 8 / ธ.ค. / 2556
อภัยทาน กับ ธรรมทาน ทานใดมีอานิสงค์มากกว่า 7 / ต.ค. / 2556
ชีวิตของเรา ไม่เป็นของยั่งยืน เป็นของที่จะต้องตายลงโดยแน่นอน 7 / ต.ค. / 2556
กายกับใจเป็นที่เกิดของความสุขและความทุกข์ ความดีและความชั่วเกิดที่กายกับใจ 7 / ต.ค. / 2556
|