ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'เชื่อ' อัศจรรย์บนบาน จุดธูปปลุก 'พญานาค' กั้น 'นครปากเกร็ด' รอดน้ำท่วมใหญ่!  (อ่าน 7095 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


'เชื่อ' อัศจรรย์บนบาน จุดธูปปลุก 'พญานาค' กั้น 'นครปากเกร็ด' รอดน้ำท่วมใหญ่! 

     คนสื่อสารกับพญานาคได้! เลขาฯ นายกเทศมนตรีร่างทรงพญานาค ยอมรับปากเกร็ดรอดน้ำท่วมใหญ่ เพราะอิทธิฤทธิ์สัตว์ในตำนาน ชี้อัศจรรย์อื้อ หลังจุดธูปกลางแจ้งบน ฝนตั้งเค้ามืดตึบแต่ไม่ตก มวลน้ำก้อนใหญ่ที่พุ่งเข้ามามากมาย ก็ไซด์โค้งหลบไปอัศจรรย์ เตรียมนำประชาชนแก้บนใหญ่ด้วย “ไข่” เดือนธันวาคมนี้...

    เป็นเรื่องเล่าลึกลับสุดฮือฮาอีกครั้ง ภายหลังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ผู้ใหญ่ในเทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี ออกมาป้องกันให้อำเภอรอดด้วยการบนบานศาลกล่าวกับ “พญานาค” ให้ปากเกร็ดรอดจากภัยน้ำท่วมใหญ่ไปได้อย่างอัศจรรย์

     ทั้งๆที่ดูตามแผนที่ตั้ง ชัยภูมิของอำเภอแห่งนี้อยู่ติดกับทิศตะวันตกฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่น่าจะรอดจากเงื้อมมือโหดของน้องน้ำได้เลย ทว่าพื้นที่เกือบ 40 ตารางกิโลเมตร 99% แห่งนี้ แห้งราวปาฏิหาริย์
จนกลายเป็นเรื่องที่คนในอำเภอแห่งนี้เล่าขานถึงความมหัศจรรย์ของพญานาค โอบอุ้มไม่ให้ปากเกร็ดน้ำท่วมกันปากต่อปาก



     ไทยรัฐออนไลน์ลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฏว่า ได้รับยืนยันเรื่องเล่าว่า ปากเกร็ดรอดน้ำท่วมเพราะอิทธิฤทธิ์ของพญานาคจริง โดยผู้ใหญ่ที่ถูกอ้างอิงว่าได้บนบานศาลกล่าวไม่ให้นครปากเกร็ดน้ำท่วมนั้นคือ นายวิรัช ปานปิ่นศิลป์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี

     เมื่อลองสอบถามไปยัง นายวิรัช ปานปิ่นศิลป์ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี ยอมรับว่า เรื่องการเล่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แต่อยากให้มองว่าเป็นความเชื่อแต่ละบุคคล


“ก่อนเกิดเหตุน้ำท่วมลงมาเรื่อยๆ ผมก็จุดธูปบนและบอกกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่หน้าเทศบาล คือท่านท้ามหาพรหม
และบนกับท้าวพญานาคที่นับถือ ระหว่างที่มวลน้ำก้อนใหญ่ไล่ถล่มอยุธยา และ จ.ปทุมธานีว่า “อย่าให้ปากเกร็ดท่วมเลย” สรุปพอฝนตั้งเค้ามาก็ไม่ตก น้ำที่จะวิ่งใส่เราตรงๆ ก็อ้อมไปที่อื่น เรารอดเพราะปาฏิหาริย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์”

     นายวิรัชบอกว่า รอด ทั้งที่ดูจากชัยภูมิที่ตั้งและทิศทางมวลน้ำที่วิ่งเทลงมาแล้วไม่น่าจะรอด พื้นที่ปากเกร็ดเนื้อที่ราว 36.5 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นเส้นทางผ่าน อยู่ติดกับทิศตะวันตกฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สำคัญพื้นที่นี้ ถ้ามาจะโดนหนักมาก บ้านเรือนประชาชนหลายแสนคนเดือดร้อนแน่นอน ตอนที่เห็นเส้นทางน้ำท่วมลงมาปทุมฯมากมาย"ใจหนึ่งก็กลัวจะเอาไม่อยู่



    นอกจากงบประมาณเกือบร้อยล้านทุ่มลงไปเพื่อรักษาปากเกร็ด แล้วผมก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองปากเกร็ดอยู่ตัวเองอยู่ด้วย บริเวณหน้าที่ทำการจะมีศาลท่านท้าวมหาพรหมที่พวกเรากราบไหว้ทุกวัน พอดีผมนับถือพญานาคและก็มีร่างทรงด้วย จึงบนขอท่านว่าให้ช่วยให้ปากเกร็ดน้ำไม่ท่วม เพราะถ้าท่วมมากเหมือนที่อื่น ด้วยจำนวนประชากรที่มากขนาดนี้ พวกเขาไม่รู้จะอพยพไปที่ไหนกัน”

     อีกทั้งบ้านเรือน แหล่งธุรกิจต่างๆ จะเสียหายมาก ถ้าเกิดเหตุ ดูแลอย่างไรก็ไม่ทั่วถึง จึงเข้ามาปรึกษามากมาย เพราะรู้ว่าตนปฏิบัติ มีองค์สื่อสารกับพญานาค สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานได้

“พอวันนี้น้ำไม่เข้าปากเกร็ด 99% เดือนหน้า ผมจะนำชาวปากเกร็ด ก็ต้องแก้บนศาลท่านท้าวมหาพรหม ด้วยนางรำ หัวหมู ไก่ เนื้อสัตว์ ผลไม้ 9 อย่าง และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ไข่ดิบ ไข่สุก ของสักการะท้าวพญานาค เคล็ดลับบนตรงนี้ ท่านชอบมากๆ”



สุดท้าย เลขานุการนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด ยังย้ำด้วยว่า ทั้งหมดที่เล่ามาเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

“อย่างที่ผมบอก ในมิติของการป้องกัน เราก็ทุ่มเทสุดกำลังแล้ว ส่วนเรื่องการบนบานศาลกล่าวมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่สำหรับตน มีร่างทรงพญานาคคุ้มครอง พอพวกเราเดือดร้อนท่านก็มาช่วยเหลือคนปากเกร็ด”
ร่างทรงพญานาคกล่าวสรุป


     สำหรับประวัติ นายวิรัช ปานปิ่นศิลป์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกเทศมนตรี เกิด  10 มิถุนายน 2499 ประวัติการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย ประวัติการทำงาน พ.ศ. 2522 - 2551 พนักงานเทศบาลการดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2551 เลขานุการนายกเทศมนตรี

     นายวิรัช หรือที่ประชาชนเรียกกันว่า พี่หมู หรือพี่วิรัชนั้น อุปนิสัยดี เป็นที่นับถือของประชาชน ทั้งยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมที่สามารถสื่อสารกับพญานาคสิ่งลี้ลับได้ “ผมมีองค์พญานาค” เขายอมรับกับไทยรัฐออนไลน์ คนใกล้ชิดบอกว่า ใจบุญ ไม่กินเนื้อสัตว์ ชอบนั่งสมาธิ

     และขึ้นชื่อเรื่องให้หวยแม่นยำ เรื่องหวยนั้นมีหลายเรื่องเล่า แต่เรื่องที่คนปากเกร็ดแทบทุกคนจดจำได้ดี เล่ากันปากต่อปากว่า ครั้งหนึ่งมีเรื่องเล่าว่า คนในประชาชนในนครปากเกร็ดไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก แล้วก็ไปขอเงินพี่วิรัชในบ้าน แต่กลับได้เลขเด็ดกลับไปบ้าน ไม่น่าเชื่อว่างวดนั้นจะถูกรางวัลใหญ่ แล้วก็ได้เงินไปใช้จ่ายค่าเทอมลูก หลังจากข่าวให้เลขเด็ดแม่นแพร่ขจรขจายออกไป ปรากฏว่าประชาชนแห่มาขอเลขเด็ดพี่วิรัชกันมากมาย แต่พี่วิรัชก็ปฏิเสธไปเสียทุกราย.


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/content/life/219801
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2011, 12:16:24 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


   ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศุนย์รังสิต ก็มีพญานาคเหมือนกัน แต่น้ำท่วม....เป็นเพราะอะไรกัน ลองคลิกไปอ่านได้ที่
     "ส.กรีฑาอ่วมน้ำท่วมพินาศยับเสียหายเต็มร้อย"
     http://www.thairath.co.th/content/sport/220195
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
านาคกับคนไทย

          เรามักจะเห็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับนาคได้เสมอ ในงาน จิตรกรรม ประติมากรรม และหัตถกรรม นาคเป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะตามอาคารวัดต่างๆ หลังคาอาคารที่สร้างขึ้นสำหรับสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถานบันศาสนสถาน ตามคตินิยมที่ว่า นาคยิ่งใหญ่คู่ควรกับสถาบันอันสูงส่ง เช่น นาคสะดุ้ง ที่ทอดลำตัวยาวตามบันได นาคลำยอง ที่ทำเป็นป้านลมหลังคาโบสถ์ ที่ต่อเชื่อมกับนาคสะดุ้ง นาคเบือน นาคจำลอง และนาคทันต์ คันทวยรูปพญานาค

          ตามคำบอกเล่าของ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม กล่าวว่า ทางฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมี กษัตริย์แห่งนาคราช หรือ นาคาธิบดี แยกปกครองดูแล

    - ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาคเจ็ดเศียร

    - ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาคหนึ่งเศียร

          พญาศรีสุทโธ  ท่านชอบจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม โดยมอบหมายให้เหล่าพญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา 


หลวงปู่ เอ่ยชื่อ 6 อำมาตย์แห่งพญานาคไว้เพียง 3 คือ

1. พญาจิตรนาคราช เป็นพญานาคที่รักสวยรักงาม มีเขตแดนปกครองของตน  ตั้งแต่ตาลีฟู ถึงจังหวัดหนองคาย ตามแนวแม่น้ำโขง โดยมีที่สุดแดนอยู่วัดหินหมากเป้ง

2. พญาโสมนาคราช มีเขตแดนปกครอง ตั้งแต่วัดหินหมากเป้ง มาจนถึงวัดพระธาตุพนม สุดเขตแดนที่แก่งกะเบา พญาโสมนาคราช มีอุปนิสัยคล้ายพญาศรีสุทโธนาคราช คือชอบปฏิบัติธรรม จึงเป็นที่ไว้วางใจ และโปรดปรานแก่พญาศรี
สุทโธนาคราชมากกว่าพญานาคอื่น ๆ

3. พญาชัยยะนาคราช มีเขตแดนจากแก่งกะเบา เรื่อยไปจนสุดแดนที่ปากแม่น้ำโขงลงทะเลในเขมร พญานาคตนนี้มีฤทธิ์เดชมาก ชอบการรณรงค์ทำสงคราม คือชอบการต่อสู้เป็นนิสัย

          พญาศรีสัตตนาคราช เป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกันหลวงปู่คำพันธ์ ยังได้กล่าวอีกว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมี พิธีกรรมอันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

เกี่ยวกับพญานาคที่วัดธาตุพนม มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า ในคืนขึ้น 15 ค่ำ

          เดือน 11 ปี 2500 (วันออกพรรษา) คืนนั้นมีฝนตกหนัก นายไกฮวดและภรรยา ได้ลุกขึ้นมารองน้ำฝนไว้ดื่มกินตอนกลางดึก บังเอิญเห็นลำแสงแปลกประหลาดสว่างเป็นลำโต ขนาดต้นตาล  7 ลำแสง และมีสีสันแตกต่างกัน 7 สี สวยงามมาก โดยที่ลำแสงทั้ง 7  พุ่งมาจากฟากฟ้าทิศเหนือ ด้วยลักษณะแข่งกัน คือแซงกันไปแซงกันมา จนพุ่งเข้าซุ้มประตูวัดธาตุพนมแล้วก็หายไป  มีสามเณรรูปหนึ่งในขณะนั้นประทับทรงบอกนายไกฮวดและภรรยาว่าลำแสงทั้ง 7 คือ พญานาค มาจากเทือกเขาหิมาลัย มาเพื่อปกปักรักษาพระธาตุพนม และช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก  แต่หลวงปู่คำพันธ์บอกว่า นั่นเป็นพญาศรีสุทโธนาคราช และอำมาตย์ทั้ง 6  แสดงฤทธิ์ ในโอกาสที่ท่านได้บอกกล่าวเรื่องพญานาคนี้ ท่านจึงได้กล่าวพยากรณ์ว่า

" พญานาคจะช่วยผู้ที่บูชา ศรัทธาในพญานาคให้ผ่านพ้นอันตรายจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นหลังจาก ท่านมรณภาพไปแล้ว 3 ปี ... หลังหลวงปู่ตาย 3 ปี "



http://www.watkaokrailas.com/index.php?mo=3&art=642946
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2011, 07:16:24 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ไปเชียงคานทำไม
                         
          พญานาค เป็นสัญลักษณ์อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ และคุ้มรักษาให้แคล้วภัยทางน้ำ ด้วยเหตุเภทภัยที่เรา

ท่านประสบกันอยู่ ณ ปัจจุบัน ยังมิได้หมดสิ้นไปทั้งหมด นี้เป็นเพียงเริ่มเท่านั้น ความหายนะยากเข็ญจากอุทกภัยครั้งนี้

ผมนั้นทราบมาก่อนแล้วด้วยนิมิตรกล่าวบอกของครูบาอาจารย์ ดังนั้น ผมกับเพื่อนจึงปรารภขวนขวายหลีกรี้ัภัยด้วยการ

เสนอนำจัดทำกองผ้าป่าสามัคคีไปเชียงคาน จ.เลย รวบรวมทุนปัจจัยบูรณะจัดสร้างพญานาค ๙๓ ตัว ตามดำริของ

พระครูสุขุมบุญโสภณ เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ (ท่านาจันทร์เดิม) ซึ่งผมและเพื่อนๆยากลำบากในการรวมบุญรวมทุนมาก

ในช่วงวิกฤตน้ำหลากท้วมครานี้ แต่ก็ต้องขวนขวายหาสิ่งพึ่งพิงอิงเอาความเชื่อไว้สู้กับสิ่งที่ไม่รู้จะเกิดดีหรือร้ายในปีหน้า

ซึ่งนิมิตรย้ำกล่าวคำเตือนของครูบาอาจารย์นั้นสำคัญมันประจักษ์แก่ผมแล้วอย่างเหลือเชื่อ



http://www.thai-toku.com/cgi-bin/board/YaBB.pl?num=1186327594
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2011, 05:42:13 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
"ตามรอยนาค"



ตำนานพญานาค

          นาค หรือ พญานาค งูใหญ่มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และ

นาคยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล นาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งก็ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้า

ตำนานความเชื่อเรื่องพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย สืบค้นได้ว่ามีต้นกำเนิดมา

จากอินเดียใต้ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะ

ทางกายภาพคือมีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองูเป็นสัตว์เทวะ

ชนิดหนึ่งในเทพนิยายและตำนานพื้นบ้าน บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีความเชื่อเรื่องพญานาคแพร่หลายใน

ภูมิภาคต่างๆทั่วทวีปเอเชีย โดยเรียกชื่อต่างๆกันต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะอยู่ที่อินเดีย ด้วยมีนิยาย

หลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะซึ่งถือเป็นปรปักษ์ของพญาครุฑส่วนในตำนาน

พุทธประวัติเล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนาน เรื่องพญานาคอย่างแพร่

หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงหรือเมืองบาดาลและเชื่อกันว่าเคยมีคนเคย

พบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่และเมื่อไปเล่นน้ำในแม่น้ำ

โขงควรยกมือไหว้ เพื่อเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตก

ต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดงเกล็ดเหมือนปลามี

หลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดา

จะมีเศียรเดียวแต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียร และเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสาย

มาจากพญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันต

นาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะพญานาคนั้นมีทั้งเกิดในน้ำ และบนบก

เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูป

ร่างสวยงาม



พญานาคกับตำนานเมืองหนองคาย

          เหตุที่พระสุกจมน้ำ ที่เวินสุก บ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มีการเล่าขานถึงความ

ศรัทธาของพญานาคว่า เหล่าพญานาค นั้นเป็นผู้ที่มีความเคารพ และศรัทธาในพระพุทธเจ้ามาก หลังจากที่มีการ

สร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้าง ประเทศลาว ความทราบถึงเหล่าพญานาค ที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้แปลงกาย

ขึ้นไปขอพระพุทธรูปกับเจ้าเมืองล้านช้าง โดยเจาะจงขอเอาพระสุก เพื่อไปไหว้สักการะบูชา ที่เมืองบาดาล ปกติ

เหล่าพญานาคเป็นผู้ที่ถือศีลแปดเคร่งครัดมาก พญานาค จะไม่ทำร้ายใคร ส่วนมนุษย์ตายในน้ำที่ว่าเงือกกินนั้น

เงือกก็คือ พญานาค ชั้นเลว ประพฤติตนเกเร จึงชอบทำร้ายมนุษย์ตามน้ำ เดี๋ยวนี้พระสุกก็ยังจมอยู่ในแม่น้ำโขง

ที่ที่เป็นที่อยู่ของเหล่า พญานาค ในเมืองบาดาล เวินสุกอยู่ตรงข้าม กับบ้านหนองกุ้งอำเภอโพนพิสัย จังหวัด

หนองคาย ตรงนั้นเป็นบริเวณปากน้ำงึมไหลลงมาออกแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสองสี เมืองพญานาคหรือเมืองบาดาล

ในเมื่อมีเมืองมนุษย์หรือโลกมนุษย์โลกสวรรค์หรือเมืองสวรรค์ก็ต้องมีเมืองบาดาล (เมืองพญานาค) สองเมือง

นอกจากเมืองมนุษย์ แล้วหลายคนก็คงต้องอยากไปเห็นแน่ วิสัยของมนุษย์ชอบในสิ่งที่ท้าทาย ยิ่งห้ามก็ยิ่งอยาก

พบ อยากเห็นเมืองบาดาลอยู่ใต้เมืองมนุษย์ลงไปในใต้ดิน 16 กิโลเมตร (ตามความเชื่อ) มีคำเล่าลือเกี่ยวกับ

เมืองบาดาลในเขต อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย



ใต้เมืองโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

          ลักษณะของอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด้านหัวเมืองจะมี

ลำห้วยหลวงไหลออกมา เรียกว่า ปากห้วยหลวง ตรงข้ามกับอำเภอโพนพิสัยคือ บ้านโดน ที่ขึ้นกับเมืองปากงึม

ทุกวันนี้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเมืองบาดาลที่เชื่อว่าอยู่ใต้อำเภอโพนพิสัย ว่า ในหน้าแล้งจะมีหาดทรายขึ้นกลาง

แม่น้ำโขง แต่บริเวณอำเภอโพนพิสัยหาดทรายนี้จะขึ้นอยู่ฝั่งลาว บริเวณบ้านโดน วันหนึ่งในหน้าแล้งตอนเที่ยง

วัน ได้มีหญิงสาวชาวบ้านโดนคนหนึ่ง ได้ลงมาตักน้ำเพื่อไปดื่ม โดยมีถังน้ำ (หาบครุน้ำ) ลงมาที่หาดทราย

เพราะบริเวณนั้นมีน้ำออกบ่อสะอาด (น้ำริน) เมื่อลงมาแล้วได้หายไปชาวบ้านลงมาเห็นแต่ถังน้ำ (หาบครุน้ำ) พ่อ

แม่ต่างก็ตามหากันแต่ไม่พบจนครบ 7 วัน เมื่อไม่เห็นลูกสาวและคิดว่าลูกสาวคงจมน้ำตายแล้วจึงได้พร้อมกับ

ญาติพี่น้องชาวบ้าน จัดทำบุญอุทิศให้ในตอนกลางคืนก็มีหมอลำสมโภชจนเวลาต่อมาเวลาประมาณเที่ยงคืนลูก

สาวคนที่เข้าใจว่าจมน้ำตายก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านขณะที่ชาวบ้านกำลังฟังหมอลำกันอยู่ทำให้ญาติพี่น้องแตกตื่นกัน

เป็นอย่างมากบางคนก็วิ่งหนี เพราะคิดว่าเจอผีหลอกเข้าสุดท้ายลูกสาวจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังหลังจากที่

ตั้งสติได้ และแล้วญาติพี่น้องก็เข้ามาร่วมวงนั่งฟังหญิงสาวเล่าให้ทุกคนฟังว่าวันนั้นอากาศร้อนมากน้ำดื่มหมดโอ่ง

เมื่อลงไปเพื่อจะตักน้ำ เมื่อวางกระป๋องน้ำ (หาบครุ) ปรากฏว่าเห็นมีหมูเหมือนกับว่าได้ยกเท้าหน้าเรียกให้เข้าไป

หาตนได้เดินเข้าไปหา แล้วหมูตัวนั้นก็บอกว่าให้หลับตาจะพาลงไปเมืองบาดาล พอหลับตาได้สักครู่ หมูตัวนั้นก็

บอกให้ลืมตา เมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่าตนมาอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับเมืองมนุษย์มีดินมีบ้านเรือน

เรียงรายกันอยู่แต่จะมีแปลกก็ตรงที่ทุกคนจะนุ่งผ้าแดงและมีผ้าพันศีรษะเป็นสีแดงเหมือนกันโดยด้านหน้าจะ

ปล่อยให้ผ้าแดงห้อยลง เหมือนกับหัวงู เมื่อเดินตามชายคนนั้น (กลับร่างหมู กลายเป็นคน) ก็มีชาวบ้านถามกัน

ว่า นำมนุษย์ลงมาทำไม (เพราะกลิ่นมนุษย์ต่างกับเมืองบาดาล) ชายคนนั้นก็บอกว่าพามาเที่ยวดูเมือง ได้เดินไป

เรื่อยๆ เมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้ากลับปรากฏว่าเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ เหมือนสีขุ่นๆ ของน้ำ ชายคนนั้นได้บอกว่านี่

เป็นเมืองบาดาลและเป็นเมืองหน้าด่านส่วนตัวเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกไกลและชาวเมืองจะมีงาน สมโภชเมื่อถึงวัน

ออกพรรษาของเมืองมนุษย์ซึ่งถือว่าตลอด 3 เดือนที่เข้าพรรษานั้นเหล่าชาวเมืองที่นี่ก็จะจำศีลปฏิบัติธรรม เพื่อ

เป็นการบูชาพระพุทธเจ้า หลังจากที่เดินชมเมืองอยู่ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้นำขึ้นมาส่ง โดยการเดินมาทางเดิม ก็

เป็นการเดินมาเรื่อยๆ แต่ได้ขึ้นมายืนอยู่บริเวณหาดทรายเหมือนเดิม แล้วก็ได้ขึ้นมาหาพ่อแม่นี้ "จากการเล่าของ

ลูกสาว พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง จึงได้จัดงานทำบุญทำพิธีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับขวัญให้กับลูกสาว ต่อมาอีก 7

วัน ลูกสาวก็ได้เจ็บป่วยและเสียชีวิตในที่สุด (เหตุการณ์นี้สอบถามได้จากผู้เฒ่า ผู้แก่ชาวโพนพิสัย คุ้มวัดศรีเกิด

ได้)




http://www.t-pageant.com/2011/index.php?/topic/3820-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1-%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B3/
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=22425.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2011, 07:13:23 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา