ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฆ่า พยาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ ?  (อ่าน 6526 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sompong

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 218
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ฆ่า พยาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ ?
« เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 08:58:35 pm »
0
คำถามนี้ผมไปออกหน่วย แล้ว เคยโดนคำถามนี้มา ผมว่าเอามาถามเพื่อน ๆ สมาชิกธรรมให้ตอบด้วย
ผมจะได้มีแนวตอบ ให้สมาชิก ตอนผมออกหน่วยครั้งต่อไปเวลาโดนถามอีก

มีเด็กมาให้ผมและทีมแพทย์อาสา มาให้ผมตรวจกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรคพยาธิ กัน
พวกเราจึงแจกยา ขับ ซั่งเป็นทั้งยาฆ่า พยาธิ ด้วย

คำถามครับ การฆ่าพยาธิ นี้เป็นบาปหรือป่าวครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2010, 09:05:01 pm โดย sompong »
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ฆ่า พยาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 09:45:55 pm »
0

   ครั้งหนึ่ง มีแม่ชีคนหนึ่งถามพระอาจารย์ิวิปัสสนาว่า กินยาเข้าไปแล้วไปฆ่าเชื้อโรคในร่างกาย
 
 เป็นปาณารึเปล่า  พระอาจารย์ตอบว่า ไม่เป็นปาณา เพราะเชื้อโรคไม่มีวิญญาณ(ขันธ์)

 ส่วนกรณีที่เป็นพยาธิ ผมไม่รู้ว่า มันมีวิญญาณรึเปล่า


   แต่ขอให้เปรียบเทียบกับกรณีนี้่ครับ มีผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวว่า การที่ใช้ยาพ่นยาฉีดฆ่าแมลงต่างๆ

 เช่น ยุง มดหรือแมลงต่างๆ รวมทั้งฉีดยาป้องกันวัชพืชในสวนในนาต่างๆ

 กรรมนี้มีผลทำให้เป็นภูมิแพ้ครับ


 ประเด็นก็คือ เชื้อโรคตัวเล็กมากเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

 ส่วนแมลงต่างๆก็ตัวเล็ก แต่ตาของเรามองเห็นได้
 

      ถ้าเรายึดเกณฑ์ที่ว่า สัตว์ใดถ้าตาเรามองไม่เห็น ฆ่าแล้วไม่บาป สัตว์ใดที่ตาเรามองเห็นได้

 ฆ่าแล้วจะบาป  พยาธิที่คุณสมพงษ์บอก มองเห็นด้วยตาเปล่าหรือเปล่าครับ

      อันนี้เป็นการตั้งสมมุติฐานเล่นๆนะครับ อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องอจินไตย คิดมากแล้วปวดหัว

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ฆ่า พยาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 15, 2010, 03:24:36 pm »
0
:043:พระจักขุปาลเถระ :043:  :015:ผมขอยกนิทานธรรมบทภาค ๑ เมื่อครั้งที่ผมมีโอกาสบวชเรียนแปลพระคาถาธรรมบทบาลีไวยากรณ์ เรื่อง "พระจักขุปาลเถระ" มาเล่าให้ฟังครับ
  :015:ขณะที่พระบรมศาสดาทรงประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน กรุงสาวัตถี ทรงปรารภถึงพระจักขุปาลเถระผู้มีนัยน์ตาบอด 
  :015:ครั้งหนึ่ง พระจักขุปาลเถระเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่วัดพระเชตวัน ในคืนหนึ่งขณะที่ท่านเดินจงกรมอยู่นั้น พระจักขุปาลเถระก็ได้เหยียบแมลงเม่าตายโดยไม่มีเจตนา ในตอนเช้าเหล่าพระภิกษุได้ไปเยี่ยมพระจักขุปาลเถระพบแมลงเม่าที่ตายนั้นเข้า มีวิจารณ์กันต่างๆนานาว่าพระเถระทำสัตว์ให้ตายโดยเจตนา จึงนำความขึ้นกราบทูลพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาได้ตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า เห็นพระเถระฆ่าแมลงเม่าเหล่านั้นโดยเจตนาหรือไม่ เมื่อพระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นกราบทูลว่าไม่เห็น ทรงตรัสว่า “พวกเธอไม่เห็นจักขุปาลฆ่าสัตว์ฉันใด จักขุปาลก็ไม่เห็นแมลงเม่าเหล่านั้นฉันนั้น นอกจากนั้นแล้ว พระจักขุปาลนี้ก็เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์และเป็นผู้บริสุทธิ์” เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลถามว่า พระจักขุปาลเถระนี้เป็นถึงพระอรหันต์แล้ว แต่เพราะเหตุใดจึงมีนัยน์ตาบอด พระศาสดาได้นำเรื่องในอดีตชาติของท่านมาตรัสเล่า...ดังนี้ว่า

  :015:ในอดีตชาติพระจักขุปาลเถระเป็นแพทย์ ครั้งหนึ่งได้ไปรักษาตาให้แก่คนไข้หญิงคนหนึ่ง คนไข้หญิงคนนี้ได้ให้สัญญากับนายแพทย์ผู้รักษาว่านางกับลูกๆจะยอมเป็นข้าทาสรับใช้ หากว่าดวงตาที่มืดบอดทั้งสองข้างของนางสามารถรักษาให้หายได้ แต่ต่อมานางกลัวว่านางพร้อมกับลูกๆจะต้องตกเป็นทาสของนายแพทย์จริงๆ จึงได้พูดโกหกนายแพทย์ไปว่าดวงตาทั้งสองข้างของนางมีอาการแย่ไม่ดีขึ้น ทั้งๆที่ได้รับการบำบัดให้หายขาดไปแล้ว ข้างนายแพทย์ก็รู้ว่าคนไข้นั้นกล่าวคำเท็จจึงได้แก้เผ็ดด้วยการผสมยาพิษลงในหลอดยาให้คนไข้นางนั้น พอนางหยอดเข้าไปก็มีผลให้ตาบอดสนิททั้งสองข้าง เหตุเพราะผลของอกุศลกรรมในครั้งนั้นทำให้นายแพทย์ต้องมีนัยน์ตาบอดมาหลายภพชาติ จวบจนกระทั่งชาติป้จจุบัน
                                                                                     :043: :015: :043:
  :015:พระจักขุปาลเถระ ท่านเพียรปฏิบัติข้ามวันข้ามคืนหักโหมไม่ยอมเห็นแก่นอน โรคกรรมเก่าจึงตามให้ผล ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์แบบ “สุกขวิปัสสก”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2010, 09:30:58 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา