ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การที่เราหลัง รัก ผู้หญิง อยู่และ รักอยู่ตลอด หลายสิบปี นี่ชื่อว่าหลง หรือ ไม่  (อ่าน 5328 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

 การที่เราหลัง รัก ผู้หญิง อยู่และ รักอยู่ตลอด หลายสิบปี นี่ชื่อว่าหลง หรือ ไม่
 และเราจะจัดการ กับความรัก ( ข้างเดียว ) นี้อย่างไร ดีครับ
 มีหลักธรรม อะไร ที่จะช่วยให้ใจไม่นึก ถึง คำว่า รัก ชอบ ต้องการ เธอ หรือไม่ครับ

  thk56
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
รัก โลภ โกรธ หลง คือ ตัวเดียวกัน คะ

   ความรัก เป็นเรื่อง ธรรมชาติของ คน หรือ มนุษย์ คะ

   คิดว่า หลักธรรมที่ดี คือการแผ่เมตตา คะ เพราะเมื่อเรารักสิ่งใด เราก็ต้องการให้สิ่งนั้น อยู่ไปนาน ๆ และ มีความสุข คะ

   :s_hi:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ส้ม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 184
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


http://www.madchima.net/forum/index.php?topic=79

 ลอง ได้ รัก แล้ว มัก จะลืม ยาก      ย่อม ลำบาก เพราะ รัก ไม่สมหวัง
รักเขา แล้ว จึง เฝ้า และ ตรากตรำ     ด้วยสร้าง กรรม ผูกเวร กันด้วยมา
 จึงอยากให้ ทุกท่าน มาพินิจ           เพื่อพิชิต ความรัก ที่ผูกด้วย ตัณหา
รักแล้ว รู้องค์ธรรม พระสัมมา          เพื่อบัญชา รักนี้ ได้ถูก เอย

                                      ธัมมะวังโส ภิกขุ   24  เม.ย. 56
บันทึกการเข้า
เส้นทางแสนเปรี้ยว จะมีสุขจริงบ้างหรือไม่ ?

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คววามรัก คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ของ มนุษย์ คะ
แต่เมื่อรักแล้ว ก็อย่าให้ความรักนั้นกลายเป็น ความหลง นะคะ

   การเปลี่ยนความรัก ให้เป็นทางดี ก็คือ การภาวนา เมตตา  กรุณา มุทิตา อุเบกขา

 :88: :88: :88:
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ปิยโต ชายเต โสโก ปิยโต ชายเต ภยํ ปิยโต วิปฺปมุตฺตสฺส นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ ฯ
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีโศก ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีภัย เมื่อไม่มีของรักเสียแล้ว โศกภัย ก็ไม่มี.
                                               
     พ. ดูกรนางวิสาขา
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙๐
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗๐ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗๐
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕๐ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕๐


     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓๐
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐


     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔
     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒


     ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑  ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์
     เรากล่าวว่า ผู้นั้นไม่มีความโศก ปราศจากกิเลสดุจธุลี ไม่มีอุปายาส ฯ

_________________________________________________
วิสาขาสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=4307&Z=4352&pagebreak=0




     ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ โดย คุณดังตฤณ

     คำพูดนี้เป็นคำที่พระพุทธเจ้าสอนนางวิสาขา
     ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ นะ


     คือ นางวิสาขาเสียหลานไปคนหนึ่ง นางรักหลานคนนี้มาก
     พระพุทธเจ้าก็ถามว่า ที่ร้องไห้เพราะอะไร
     นางวิสาขาบอก เพราะหลานคนนี้ตาย
     พระพุทธเจ้าถามอีกว่า หลานคนอื่นตาย ทำไมไม่เห็นร้องขนาดนี้
     นางบอกว่า หลานคนนี้รักมาก เป็นแก้วตาดวงใจ
     ท่านถามอีกว่า ถ้าสมมุติมีหลานที่นางวิสาขารักแบบนี้
     แบบเดียวกันนี้ อีก ๑๐๐ คน จะไม่อกแตกตายเหรอ
     นางวิสาขาก็คิดได้ว่า เออ... ใช่ มันเป็นไปได้ที่เราจะรักใครได้มากขนาดนี้


     บางคนรักหมายิ่งกว่าผัว คือตัวความรักมันแสดงให้เห็นว่า
     ไม่ว่าจะรักใคร จะรักอะไร มันคือความทุกข์
     มันไปยึด รักแบบไปยึด ไม่ใช่รักแบบเมตตา


     รักแบบเมตตา คือ ปรารถนาดี
     รักแบบกรุณา คือ มีความคิดอยากจะช่วย
     รักแบบพลอยยินดีไปกับเขา อนุโมทนาไปกับเขาด้วย


     รักแบบมีความเข้าใจ มีเหตุผล
     คือทุกอย่างที่มาที่ไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา
     ถ้ารักแบบนี้ จะหลุดพ้นจากความรักแบบยึด
     จะเป็นรักแบบที่มีคนอื่นเป็นที่ตั้งของความรัก
     ไม่ใช่ตัวเราเป็นที่ตั้งของความรัก


     รักแล้วต้องร้องไห้ คือมีเราเป็นที่ตั้งของความรักนะ
     มีตัวเราได้ประโยชน์จากความรัก
     มีตัวเราเป็นผู้รับผลประโยชน์จากความรัก

    แต่รักแบบมีคนอื่นเป็นที่ตั้งของความรักนี้ ผลประโยชน์ไปตกกับเขา
     เราปรารถนาดีกับเขา อยากช่วยเขา พลอยยินดีไปกับเขา
     เราเข้าใจเหตุ เข้าใจผล ที่เขาต้องเป็นไปอย่างหนึ่ง ๆ
     เขาตายไปก็เข้าใจว่าถึงเวลาที่เขาต้องไป
     ความรักแบบนั้นไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ เพราะว่ารักแบบไม่ยึด


     เป็นข้อสรุปที่พระพุทธเจ้าบอกนางวิสาขา
     วิสาขา... มีรักหนึ่งก็ทุกข์หนึ่งนะ
     มีรักสิบก็ทุกข์สิบ มีรักร้อยก็คือทุกข์ร้อย
     แล้วถ้าหากว่าไม่มีรักเลย ก็ไม่มีทุกข์เลย


     รักแบบโลก ๆ
     แต่ถ้ารักด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
     แบบนี้มีได้ไม่มีประมาณ
     และก็เป็นสุขได้ไม่มีประมาณ

________________________________________________
ที่มา http://becandlelight.exteen.com/20110117/entry
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/ , http://1.bp.blogspot.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ยอดของความรัก
ปัญหา (เทวดากล่าวเป็นเชิงแสดงทรรศนะของตน) ความรักเสมอด้วยความรักบุตรไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยโคไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยดวงอาทิตย์ย่อมไม่มี สระทั้งหลายมีทะเลเป็นยอด?
พุทธดำรัสตอบ “ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม”

________________________________________________
นันถิปุตตสมสูตร ส.สํ. (๒๘-๒๙) ตบ. ๑๕ : ๙ ตท. ๑๕ : ๙ ตอ. K.S. I : ๑๐
http://www.84000.org/true/094.html


ความรักทำให้คนตาบอด
ปัญหา มีคำพังเพยกล่าวไว้ว่า คามรักทำให้คนตาบอด ดังนี้ทางพระพุทธศาสนายอมรับคำกล่าวนี้ว่า เป็นความจริงหรือไม่เพียงใด ?
พุทธดำรัสตอบ “.....บุคคลผู้กำหนัด อันความกำหนัดครอบงำรึงรัดจิตใจไว้ ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน ตามความเป็นจริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น ตามความเป็นจริงย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น ทั้ง ๒ ฝ่ายตามความเป็นจริง.... ความกำหนัดแล ทำให้เป็นคนมืด ทำให้เป็นคนไร้จักษุ ทำให้ไม่รู้อะไร ทำให้ปัญญาดับ เป็นไปในฝ่ายความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน.....ฯ”

______________________________________________________
ฉันนสูตร ติ. อํ. (๕๑๑) ตบ. ๒๐ : ๒๗๗-๒๗๘ ตท. ๒๐ : ๒๔๓-๒๔๔ ตอ. G.S. I : ๑๙๖
http://www.84000.org/true/178.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2013, 11:32:39 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อัฏฐกวัคคิกะ
กามสุตตนิทเทสที่ ๑ ว่าด้วยกาม ๒ อย่าง

    [๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เมื่อสัตว์ปรารถนากามอยู่ ถ้ากามนั้น ย่อมสำเร็จแก่ สัตว์นั้นสัตว์นั้นได้ กามตามปรารถนาแล้ว ย่อมเป็นผู้อิ่มใจแน่นอน.
    [๒] กามในคำว่า เมื่อปรารถนากามอยู่ ได้แก่ กาม ๒ อย่าง โดยหัวข้อ คือ
             วัตถุกาม ๑
             กิเลสกาม ๑.


    วัตถุกามเป็นไฉน?
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่ชอบใจ เครื่องลาด เครื่องนุ่งห่ม ทาสี ทาส แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา นา ที่ดิน เงิน ทอง บ้าน นิคม ราชธานี แว่นแคว้น ชนบท กองพลรบ คลัง และวัตถุเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด อย่างใดอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วัตถุกาม.
    อีกอย่างหนึ่ง กามที่เป็นอดีต กามที่เป็นอนาคต กามที่เป็นปัจจุบัน
    ที่เป็นภายใน ที่เป็นภายนอก ที่เป็นทั้งภายในและภายนอก ชนิดเลว ชนิดปานกลาง ชนิดประณีต
    เป็นของสัตว์ผู้เกิดในอบาย เป็นของมนุษย์ เป็นของทิพย์ ที่ปรากฏเฉพาะหน้า ที่นิรมิตเอง ที่ผู้อื่นนิรมิต
    ที่หวงแหน ที่ไม่ได้หวงแหน ที่ยึดถือว่าของเรา ที่ไม่ยึดถือว่าของเรา
    ธรรมที่เป็นกามาวจรแม้ทั้งหมด ธรรมที่เป็นรูปาวจรแม้ทั้งหมด ธรรมที่เป็นอรูปาวจรแม้ทั้งหมด
    ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งตัณหา เป็นอารมณ์แห่งตัณหาชื่อว่ากาม
    เพราะอรรถว่า อันบุคคลพึงใคร่ เพราะอรรถว่า เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
    เพราะอรรถว่า เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา กามเหล่านี้เรียกว่า วัตถุกาม.


    กิเลสกามเป็นไฉน?
    ความพอใจ ความกำหนัด ความพอใจและความกำหนัด ความดำริ ความกำหนัดมาก ความดำริและความกำหนัด ความพอใจคือความใคร่ ความกำหนัดคือความใคร่ ความเพลิดเพลินคือความใคร่ ในกามทั้งหลาย ความปรารถนาในกาม ความเสน่หาในกาม ความเร่าร้อนในกาม ความหลงในกาม ความติดใจในกาม ห้วงคือกาม ความประกอบในกาม ความยึดถือในกาม เครื่องกั้นกางคือกามฉันทะ ชื่อว่า กาม.
    สมจริงดังคำว่า
    ดูกรกาม เราเห็นรากฐานของท่านแล้วว่า ท่านย่อมเกิดเพราะความดำริ เราจักไม่ดำริถึงท่าน ท่านจักไม่มีอย่างนี้.

    กามเหล่านี้เรียกว่า กิเลสกาม.
    คำว่า เมื่อปรารถนากามอยู่ มีความว่า เมื่อใคร่ อยากได้ ยินดี ปรารถนา มุ่งหมาย ชอบใจกามอยู่
    เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่อปรารถนากามอยู่.


__________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๑ ขุททกนิกาย มหานิทเทส
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=29&A=0&Z=486
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/



เผยแพร่เมื่อ 6 เม.ย. 2013 โดย บ้านแฟนคลับ มิตรรักแฟนคลับ


ask1

 การที่เราหลัง รัก ผู้หญิง อยู่และ รักอยู่ตลอด หลายสิบปี นี่ชื่อว่าหลง หรือ ไม่
 และเราจะจัดการ กับความรัก ( ข้างเดียว ) นี้อย่างไร ดีครับ
 มีหลักธรรม อะไร ที่จะช่วยให้ใจไม่นึก ถึง คำว่า รัก ชอบ ต้องการ เธอ หรือไม่ครับ

 thk56


      ans1 ans1 ans1
     
      รักแบบนี้เป็นกามราคะ กามเกิดจากการดำริ(คิด) หากไม่ดำริ กามก็ไม่เกิด
      กามราคะนี้ ต้องเป็น อนาคามีผล จึงจะละได้อย่างเด็ดขาด
      หากเป็นปุถุชน ต้องใช้สมาธิหรือฌานข่มเอาไว้
      หรือไม่ก็ อย่าอยู่ว่าง หางานอดิเรกทำ เพื่อไม่ให้คิดถึงเธอ

     
      ความจริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมากๆ
      หากไม่เจอกับตัวเองแล้ว ก็จะดูเหมือนว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะลืม
      "...รักเขาข้างเดียว ไม่เห็นจะดีตรงไหน...ตัดอกตัดใจไม่คิด.."
      ลองฟังเพลง "รอเป็นคนถัดไป" ของตั๊กแตนดูนะครับ เผื่อจะทำใจได้
      คุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ

       :49:

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
คูถกายกู..เสพสรรเพียงกู (รัก)



     รักยื้อพันธ์ผูกเสมือนปลูกหยั่งดิน      
พืชผลดอกได้กินกระหยิ่มของกู
ไผ่รั้วล้อมราวลวดขึงน่าอดสู         
ผลร่วงเน่าคูถถูช้ำเขลาเก็บกิน.
                               ธรรมธวัช.!      




http://news.tlcthai.com/entertainment/107864.html/attachment/420-2-35
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2013, 01:05:58 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

Tong9

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

 การที่เราหลัง รัก ผู้หญิง อยู่และ รักอยู่ตลอด หลายสิบปี นี่ชื่อว่าหลง หรือ ไม่
 และเราจะจัดการ กับความรัก ( ข้างเดียว ) นี้อย่างไร ดีครับ
 มีหลักธรรม อะไร ที่จะช่วยให้ใจไม่นึก ถึง คำว่า รัก ชอบ ต้องการ เธอ หรือไม่ครับ

  thk56
เรามักจะเข้าใจผิดกันระหว่าง  ความรักกับความใคร่  ชอบเอามาผสมปนเปกัน
ความรักกับความใคร่  มันเป็นกิเลสสังโยชน์ที่ต่างกัน  ความรักเป็นกิเลสเบี้องสูง
ส่วนความใคร่เป็นกิเลสเบื้องต่ำ 

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ  ความรักเป็นสังโยชน์เบี้องสูงที่เรียกว่า.....รูปราคะ
รูปราคะ(ความรัก) มันจะทำให้จิตมีอาการที่เรียกว่า  โมหะ(หลง)

ส่วนความใคร่เป็นสังโยชน์เบื้องต่ำเรียกว่า.....กามราคะหรือกามคุณห้า
กามราคะ(ใคร่)  มันจะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า   โมหะ โลภะ โทสะ

ที่พูดมาเป็นเรื่องของอริยชนครับ  ปุถุชนย่อมต้องไม่เข้าใจ  จะผ่านไปก็ได้ครับ

เข้าประเด็นครับ มันมีวิธีแก้แบบปุถุชนครับ  นั้นก็คือก่อนอื่นคุณต้องรู้ให้ได้ว่า
ที่คุณยังคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่  คุณคิดถึงเขาเพราะอะไร  อะไรทำให้ให้คุณคิดถึงเขาครับ

อย่างเช่น คิดถึงรูปร่างหน้าตา  คิดถึงเพราะอยากมีเพศสัมพันธ์(เคยมีมาก่อน) 
หรือเป็นเพราะว่า  คิดถึงเขากลัวว่า เขาจะลำบาก คิดถึงเพราะสงสาร

ถ้าเป็นประเด็นแรกยังพอแก้ได้  แต่ถ้าเป็นประเด็นหลังแก้อยากครับ ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น

ถ้าคุณคิดถึงเขาแม้จากกันมาเป็นสิบปีแล้ว  ยังคิดถึงใบหน้าเดิมๆ  คุณก็ลองกลับไปหาเธอดู
หรือไม่ก็ลองไปแอบดูเธอ   คุณก็จะเห็นว่ารูปหรือใบหน้าที่คุณคิดถึงมันไม่มีอยู่แล้ว  คุณจินตนาการไปเองท้งนั้น
คนมันย่อมแก่ลงไปตามวัย รูปร่างหน้าตาย่อมต้องเปลี่ยน  ต่อให้ไปทำศัลยกรรมก็ตาม
:sign0144:
บันทึกการเข้า