พิมพ์

[Namo]

เมื่อได้ภาวนาไปเรื่อย ๆ ในองค์กรรมฐาน ครั้นออกจากกรรมฐาน เพียงจับพระูสูตร หรือ บทสวดมนต์มาอ่านทุกครั้งก็จะมีน้ำตาไหลอาบแก้ม เหมือนถูกกระทบกระเทือนจิตใจ มองเห็นอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถครั้น ความที่จิตดีใจ จนสงบลงดีแล้ว ก็จะได้อาการ รู้สึกรักในพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ เป็นอย่างมาก อยากที่จะแสวงหาที่สงบ ๆ ออกไปภาวนา ไม่อยากยุ่งกับเรื่องของโลกต่อไป

 ไม่ทราบว่าอาการที่เป็น ปีติ หรือ เป็นเพียง ความอ่อนไหว ของจิต คะ

 

[ประสิทธิ์]

เท่าที่อ่านนั้นผมเองก็เป็นครับ ยืนยันไม่ใช่ความอ่อนไหวครับ

อนุโมทนาด้วยครับ

 

[fan]

คิดว่าเป็น ปีติ คะ น่าจะไม่ใช่ความอ่อนไหว นะคะ เพราะประกอบด้วยกุศลเจตนาด้วย

 

[kobyamkala]

อนุโมทนาสาธุคะ
 

[KIDSADA]

http://www.youtube.com/watch?v=6eHyKQz2l8Y

มอบเพลงนี้ให้ฟังครับ อาจจะเกิดปีติมากขึ้นอีกครับ

[samapol]

เท่าที่ผมอ่านดู แล้วเป็น ปีติ แน่นอนครับ ไม่ใช่อารมณ์อ่อนไหวแบบชาวโลก
แต่ถ้า้เป็นอารมณ์อ่อนไหว ก็แบบชาวธรรมแล้วครับ

เพราะพระธรรมปีติ ถือว่าเป็นบาทแรก เลยครับส่วนพระลักษณะ

 

[ธุลีธวัช (chai173)]

ชีวิตตื่นเช้าจรดค่ำผมมีเรื่องเครียดมากมายทำให้นิวรณ์ครอบงำไม่สามารถภาวนาได้ จึงใช้วิธีการวิจยธรรมอยู่

เนืองๆ.....เมื่อวานขณะเดินผ่านหน้าจอโทรทัศน์พบอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขา

วรรณศิลป์ พูดถึงชีวิตท่านที่ทุกข์ถึงกับต้องไปบวชที่สวนโมกข์ ก่อนลาสิกขาท่านขอหลักธรรมในการดำเนินชีวิต

กับครูบาอาจารย์ที่นั่น ซึ่งได้เพียงคำว่า “อย่า.! ยึดติดกับอะไร   อย่า.! ใส่ใจมาเป็นอารมณ์” เพียงแค่ได้สดับ

ผ่านหน้าจอโทรทัศน์แวบเดียว ประโยคเดียว เท่านั้น ใจก็แวบขึ้นมาอย่างกับพลุทันทีว่า “จิตนี้อย่าปรุงอารมณ์ สิ่ง

ยึดถือใดใดไม่มี” ความอิ่มใจลึกๆเกิดทันที สามารถหยุดทุกข์ขุ่นเคืองใจได้ขณะหนึ่ง ณ ตรงนั้น ความรู้สึก

เคารพในธรรม ปิติในธรรม ปรากฏมีได้อย่าน่าแปลก ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน พยายามคิดหาเหตุผลแต่ก็ไม่

อยากคิด...ครับ



http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-051228092901209

[pimpa]

หลังจากได้ภาวนากรรมฐาน แล้วมักจะได้ปีติในธรรม กันเป็นอารมณ์ ที่ปรุงในสภาวะธรรม ซึ่งสมเหตุ สมผลในการภาวนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะปีติ ย่อม ทำให้เกิด ศรัทธา ความเืลื่อมใส และ ความสนใจในธรรม และ ชีวิตมากขึ้น
และปีติในธรรม เป็นเหมือนธรรมะ ที่คอยหล่อเย็น หรือ หล่อเลี้่ยงความรู้สึกทางจิต ให้มีเป้าหมายในทาง ไปตามคลองแห่งธรรม เมื่อปีติ เกิด ความสงบก็จะตามมาทุกครั้ง

ดังนั้น ปีติ เป็นเหมือนเลือด ที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ให้แช่มชื่น ในเวลาที่ ชีวิตที่ต้องถูกโหมกระหน่ำด้วยความทุกข์
ปีติ ดับทุกข์ได้ในเบื้องต้น และปีติ ก็คือความรู้สึกยินดี ในกุศลทั้งมวล

ปีติ อิ่มใจ แ่น่นอน คะ

 

[saieaw]

ถูกคะ เท่าที่ฟังจากครูอาจารย์ แล้ว ปีติในสมาธิ ควรได้เป็นลำดับแรกคะ

ถ้าไล่ในองค์ ฌาน ประกอบ ด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา

  วิตก ก็คือคำภาวนา

  วิจาร ก็คือการรวมศูนย์จิต

  ปีติ ก็คือ เมื่อรวมศูนย์จิตได้แล้วคะ

[ธัมมะวังโส]

จากข้อความที่พิจารณาอ่าน แล้ว การที่มีปีติ  ( ความอิ่มใจ ) ในขณะกุศลจิต ที่ประกอบด้วยการฟังธรรม ใคร่ครวญธรรม พิจารณาธรรม และสร้างกุศล อันนี้เป็นปีติในวิปัสสนา ไม่ใช่ปีติฝ่ายสมาธิ เพราะจิตประกอบด้วยธรรม

ดังนั้นจัดเป็นปีติ ในโพชฌงค์ธรรม

พิจาณาให้มากขึ้นในธรรมนั้น  ๆ อันทำให้เกิดปีติ มีวาสนา ในการบรรลุธรรมอยู่

เจริญธรรม