ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อสิ้น ๕,๐๐๐ ปี จะมี “พุทธันดร” ขึ้นมาแทรก  (อ่าน 14403 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เมื่อสิ้น ๕,๐๐๐ ปี จะมี “พุทธันดร” ขึ้นมาแทรก

คัดลอกจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" ฉบับพิเศษเล่ม ๒
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
จาก ป้าตุ๊กตา ๑๔ ก.ค. ๒๕๔๙


ผู้ถาม
"กระผมได้ยินมาว่าเมื่อครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้ว ก็จะมีศาสนาของ พระศรีอาริยเมตไตรย สืบต่อจากศาสนานี้ใช่ไหมครับ"

หลวงพ่อ "หมายความว่า เมื่อสิ้นศาสนา ๕,๐๐๐ ปีแล้วใช่ไหม แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยจึงมาตรัส

ผู้ถาม
"ใช่ครับ"

หลวงพ่อ "ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณ ถ้าศาสนานี้ครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้ว พระศรีอาริยเมตไตรยยังไม่มาตรัส จะต้องว่างจากพระพุทธศาสนาไปหนึ่งพุทธันดรก่อน แต่ว่าในช่วงที่ว่างพระพุทธเจ้านี่ก็จะมี พระปัจเจกพุทธเจ้า ขึ้นมาแทน

สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ต่ำกว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วก็ทรงสอนคนตั้งแต่อันดับต้นให้รู้จักการให้ทาน ให้รู้จักการรักศีล ให้รู้จักการเจริญภาวนาให้รู้จักการครองเรือนให้อยู่เป็นสุข และให้รู้จักการปฏิบัติตนให้เข้าถึงกามาวจรสวรรค์ ให้เข้าพรหมโลก ให้เข้าถึงพระนิพพาน

สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เช่นนั้น ท่านตรัสแล้วท่านก็เฉยๆ หากว่าจะสงเคราะห์กันก็สงเคราะห์ในขั้นต้น คือ ทานกับศีล ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า ทีนี้เมื่อเวลากาลล่วงไปหนึ่งพุทธันดร อาตมาตอบไม่ได้นะว่ากี่ปี ถ้าจะให้รู้กันจริงๆ คุณก็จงอย่าตายนะ อยู่ไปจนกว่าพระศรีอาริย์จะมา อยู่ไหวไหมล่ะ...?

 
ผู้ถาม : "ผมอยากจะถามว่า พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่าอะไรครับ...? "

หลวงพ่อ
"พระกกุสันโธ เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสำหรับกัปนี้ แต่องค์แรกจริงๆ ไม่ใช่องค์นี้ ที่เราเรียกว่า องค์ปฐม องค์ปฐมน่ะท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก เคยถามท่านว่าใช้เวลาถอยหลังไปเท่าไร ท่านบอกว่า ให้ตั้งเลข ๕ ขึ้นมา แล้วเอาศูนย์ใส่ไป ๕๐ ตัว ได้เท่าไรบอกฉันด้วย นับเป็นอสงไขยกัปนะ ไม่ใช่นับเป็นกัปเฉยๆ อสงไขยของกัป

ถ้าจะถามว่ามากเกินไปไหม ก็ต้องตอบว่าไม่มากหรอก เราต้องดูซิว่า พระพุทธเจ้าขั้นปัญญาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยกับแสนกัป
ถ้าศรัทธาธิกะ ต้องใช้เวลา บำเพ็ญบารมีถึง ๘ อสงไขยแสนกัป
ถ้าวิริยาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ไม่เท่ากัน
ทีนี้กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้ากี่องค์

สำหรับสูญญากัป อันตรายกัปนี่ไม่มีพระพุทธเจ้า มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า อันตรายกัปนี่เป็นกัปที่มีอันตรายมาก รบราฆ่าฟันกันเป็นประจำ มันมีแต่พวกมาจากอบายภูมิมาเกิด อันนี้เป็นเรื่องจริง บางกัปก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว บางกัปมี ๒ องค์ ๕ องค์ ยังไม่เคยเจอ แต่กัปนี้มีถึง ๑๐ องค์นะ ฉะนั้นคนที่เกิดในกัปนี้เฮงที่สุด แล้วก็ซวยที่สุด"

ผู้ถาม "เป็นยังไงครับ....?"

หลวงพ่อ..."เฮงที่สุดก็คือ เกิดมาแล้วตั้งใจทำความดี ตายไปเป็นเทวดาหรือพรหม เมื่อเป็นเทวดาหรือพรหมแล้วพระพุทธเจ้าไปเทศน์ครั้งเดียวก็เป็นพระโสดาบัน
ไอ้ซวยที่สุดก็คือ เกิดมาชาตินี้ไม่ทำความดี ตายไปก็ลงนรกลงนรกแล้วพระพุทธเจ้าอีก ๖ องค์มาตรัส นึกว่าจะเกิดมาได้พบ ไม่มีทาง อีก ๓๐ องค์ก็ยังไม่ได้พบ"


ผู้ถาม (หัวเราะ) "ไม่ไหวครับ"

หลวงพ่อ.. "เป็นอันว่าเมื่อครบหนึ่งพุทธันดรแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในกัปนี้ แต่ว่าสำหรับกัปนี้ไม่ได้มีพระพุทธเจ้าเพียง ๕ พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า หลังจากพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก ๕ พระองค์ คือ ในกัปนี้ทรงพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ พระองค์

ศาสนาพระศรีอาริย์ ท่านว่าศาสนาของท่านนั้นมีผลดังนี้

๑. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณ ๒๐ ปีเศษ ของสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้นท่านว่า มีอายุถึง ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย

๒. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ที่มีจิตใจชั่วร้ายยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหารมีแต่พ่อบ้านแม่เรือน

๓. การสัญจรไปมาก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ

๔. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะพอมีญาณ หรือมีวิปัสสนาญาณบ้าง พอสมควร จะเข้าถึงธรรมาพิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยะเจ้า คนที่ได้อริยะต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพัน และปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ ที่เป็นอย่างนี้ เป็นเพราะว่าท่านบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ


ผู้ถาม "โอโฮ้....ทีนี้ผลต่างกันไหมครับ ที่ใช้เวลาบำเพ็ญบารมีไม่เท่ากัน....?"

หลวงพ่อ... "ผลมันต่างกันแน่ อย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้บำเพ็ญมีขั้น "ปัญญาธิกะ" จะเห็นว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ละ มีการรบราฆ่าฟันกัน มีคนจน มีคนรวย

ถ้า "ศรัทธาธิกะ" ละก็คนจนไม่มี มีแต่คนรวย เพราะพระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาก
ส่วน "วิริยาธิกะ" ละก็เพียบพร้อมไปทุกอย่าง สมัยโน้นจะหาคำว่าลำบากสักนิดไม่มี ความป่วยไข้ไม่สบายเกือบหาไม่ได้ ที่ท่านต้องบำเพ็ญบารมีมาก ก็เพื่อสั่งสมความดีให้มาก แล้วก็คนที่ไปเกิดในสมัยนั้นก็ต้องเป็นคนที่ต้องบำเพ็ญบารมีตามกันไป

พระพุทธเจ้าแต่ละองค์มิใช่จะโปรดคนได้หมด ต้องโปรดคนได้เฉพาะคนที่บำเพ็ญบารมีร่วมกันมาแต่ละชาติที่เกิดร่วมกันมา เป็นพวกเป็นพ้อง ทำอะไรก็ทำด้วยกัน เวลาทำบาปก็ทำด้วยกัน ไปสวรรค์ก็ไปด้วยกัน ไปนรกก็ไปด้วยกัน

หลวงพ่อลาพุทธภูมิแล้วจะไปนิพพาน ลูกหลานจะอยู่หรือจะไปด้วยล่ะ?

จาก ป้าตุ๊กตา [๑๔ ก.ค. ๒๕๔๙ 7:53:04]

--------------------------------------

หนูจะไปกับหลวงพ่อค่ะ

จาก ตั๊กแตน [๑๗ ก.ค. ๒๕๔๙ 9:53:50]


สาธุ สาธุ ขอบคุณป้าตุ๊กตาครับ ที่นำเรื่องนี้มาเล่าต่อ เป็นประโยชน์มาก
และอนุโมทนา กับคุณตั๊กแตน แต่ทว่า หลวงพ่อท่านล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
ไปพร้อมท่านคงไม่ได้ ตามท่านไปทีหลังคงจะได้นะ อวยพรให้ทำได้ครับ

จาก อธิสมัย [๑๘ ก.ค. ๒๕๔๙ 8:35:31]

-------------------------------------- 

พุทธันดร
คือ ช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระพุทธศาสนา คือช่วงเวลาที่ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งสูญสิ้นแล้ว และพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่ยังไม่อุบัติ

พระปัจเจกพุทธเจ้า คือ ท่านผู้ตรัสรู้เองจำเพาะผู้เดียว

ปัจเจกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งซึ่งตรัสรู้เฉพาะตัว มิได้สั่งสอนผู้อื่น


อ้างอิง    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ป.อ.ปยุตโต)
-------------------------------------- 
ที่มา  www.watthasung.com

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เมื่อสิ้น ๕,๐๐๐ ปี จะมี “พุทธันดร” ขึ้นมาแทรก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 19, 2010, 12:46:14 pm »
0
         พระราชพราหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านนั้นบำเพ็ญบารมีมามาก หรือท่านนั้นปรารถนาพุทธภูมิมาก่อนแต่กลับไม่ยึดถือเอาความปรารถนานั้นไว้ หรืออย่างน้อยท่านน่าจะลาพุทธภูมิปรารถนาเอาความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในช่วงพุทธันดรเสียก็ได้แต่ท่านนั้นกลับไม่ปรารถนาอย่างนั้นรีบร้อนลาไปเสียก่อนผมเองอ่านและสนใจท่านมากหลายข้อกระทู้มักทำให้ผมสับสนอย่างมากอย่างเช่นว่าในภัทรกัปป์นี้มีพระพุทธเจ้ามาโปรดถึงสิบพระองค์ฟังแล้วใจชื่นขึ้นมาทีเดียวแต่ก็รู้สึกขัดกับหลายอรรถความจากตำราอื่น  ??? ผมนั้นปรารถนาพุทธภูมิทุกครั้งที่มีโอกาสได้อ่านการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายมักเกิดปิติเกิดกำลังใจแต่ก็หวั่นกลัวภัยในวัฏฏสงสารอยู่สงสัยอยู่บ้างว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้นท่านยังตัดสินใจลาแล้วเรายังรั้งรออะไร ซึ่งพระอาจารย์ท่านก็รับรองในวาสนาของผมว่าบารมีสร้างสมมาเต็มแล้วไปนิพพานเถอะอย่างรั้งรอใครเลย ผมและสหายธรรม (สหายในทีม) จำนวนสี่คนได้มีโอกาสไปทดสอบบารมีโดยการอธิษฐานขึ้นยอดเขาวงพระจันทร์และสหายทั้งสามได้กล่าวลาพุทธภูมิ ณ.รอยบาทแห่งองค์พระศาสดาเจ้าบนยอดเขาแล้วซึ่งก็ต้องได้รับวิบากกรรมใช้หนี้ครั้งสุดท้ายให้หมดซึ่งปัจจุบันเพื่อนๆก็ทยอยใช้หนี้กันอยู่อย่างน่าเห็นใจมีเพียงผมคนเดียวรู้มากกว่าคนอื่นและยังดื้อรั้นปรารถนาตามรอยบาทแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าอยู่อย่างไม่ลดละ :25:เพื่อนๆหลายท่านท่านใดได้ลาพุทธภูมิบ้างแล้วมุ่งมั่นจะไปรถคันเดียวกับพระอาจารย์ก็ขออนุโมทนาครับส่วนผมยังลังเลอยู่มากทั้งที่ใจวางมากแล้วไม่มีบ่วงกรรมใดใดเหนี่ยวรั้งพร้อมที่สุดที่จะขึ้นรถคันนี้แต่ยังไม่ตัดสินใจ. :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2010, 06:15:49 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา