ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ  (อ่าน 9857 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2011, 08:58:38 pm »
0


อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
ไปกราบหลายหนแล้ว ยังไม่ทราบประวัติจริง เลยคะ

จริง ๆ แล้ว พระแก้วมรกต นี้เป็นสมบัติของประเทศลาว หรือ ของประเทศไทยคะ

ใครรู้ช่วยเล่าให้อ่านหน่อย นะคะ

 :25: :c017:
บันทึกการเข้า

เพียงเ็พ็ญ ก่ำสุข

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2011, 09:41:43 am »
0


รออ่านด้วยคน คะ เพราะเท่าทีี่ทราบ มา

ก็รู้แต่เพียงว่า พระแก้วมรกต นำมาจากเวียงจันทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 1 เ่ท่านี้คะ

แหม พอรู้อย่างนี้แล้วรู้สึกอายพวกเวียงจันทร์ เลยคะ เหมือนเราไปยึดสมบัติของชาติเขามา ( จริงหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ)

 รบกวนท่านผู้รู้ มาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ

 :s_hi: :c017:
บันทึกการเข้า
ประเทศชาติมีได้ เพราะมีสถาบัน ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์
หยุดทำร้ายซึ่งกันและกัน เสียเถิด เพราะเราเป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2011, 06:17:01 pm »
0
พยายาม ค้นมาให้อ่านเหมือนกัน คะแต่ ก็อ่านแล้วยังไม่ถูกใจเนื้อเรื่อง เพราะอธิบายคลุมเครือ อยู่คะ

เอาเป็นว่าศรัทธา เคารพ เป็นพระพุทธรูป คู่บ้าน คู่เมือง นะคะ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2011, 11:48:48 pm »
0
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ข้อมูลทั่วไป

ชื่อเต็ม    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
ชื่อสามัญ    พระแก้วมรกต
ประเภท    พระพุทธรูป
ศิลปะ    ศิลปะก่อนเชียงแสน


ขนาด

• ความกว้าง19 นิ้ว
• ความสูง 28 นิ้ว

วัสดุ    หยกอ่อน (Nephrite)
สถานที่ประดิษฐาน    ประธานในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ความสำคัญ    พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของ กรุงรัตนโกสินทร์


พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนสีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้ว เชียงราย [อ.เมือง เชียงราย] ในปี พ.ศ.1977 ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์

หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง

ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว)

ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางพระราชทานคืนให้แก่ลาว


ตำนานพระแก้วมรกต

    ดูบทความหลักที่ ตำนานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในปี พุทธศักราช 500 โดยพระนาคเสนเถระ วัดอโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ในแผ่นดินพระเจ้ามิลินท์ (เมนันเดอร์) สมเด็จพระอมรินทราธิราช พร้อมกับพระวิสสุกรรมเทพบุตร ได้นำแก้วโลกาทิพยรัตตนายก อันมีรัตนายกดิลกเฉลิม 1000 ดวง สีเขียวทึบ (หยกอ่อน) นำมาจำหลักเป็นพระพุทธรูปถวายให้พระนาคเสน ถวายพระนามว่า พระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต


พระนาคเสนจึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ลงไปในพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต 7 พระองค์ คือพระโมลี พระนลาฏ พระนาภี พระหัตถ์ซ้าย-ขวา และพระเพลาซ้าย-ขวา แต่เมื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานแล้วนั้น เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น พระนาคเสนได้พยากรณ์ว่า พระแก้วองค์นี้ จะเสด็จไปโปรดสรรพสัตว์ในเบญจประเทศ คือ ลังกาทวีป กัมโพชะศรีอโยธยา โยนะวิสัย ปะมะหละวิสัย และ สุวรรณภูมิ

พุทธศักราช 800 โดยประมาณในแผ่นดินพระเจ้าศิริกิตติกุมาร พระเชษฐราชโอรสในพระเจ้าตักละราช ขึ้นครองราชสมบัติเมืองปาฏลีบุตร เป็นช่วงที่เมืองปาฏลีบุตรเกิดมหากลียุค ทั้งมีการจลาจลภายในและข้าศึกภายนอก ผู้คนในปาฏลีบุตรที่เคารพนับถือพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต ลงสู่สำเภาแล้วเดินทางลี้ภัยไปยังลังกาทวีป เมื่อถึงลังกาทวีปพระเจ้าแผ่นดินลังกาทวีปในสมัยนั้น(ไม่ได้ระบุพระนาม) ทรงรับรักษาพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตเป็นอย่างดียิ่ง และทรงอุปถัมภ์ค้ำชูชาวปาฏลีบุตรเป็นอย่างดีสมควรตามความดีความชอบ

พุทธศักราช 1000 โดยประมาณในแผ่นดินศรีเกษตรพุกามประเทศ พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครขณะนั้นคือพระเจ้าอนุรุทธราชาธิราช(ภาษาบาลี) หรือ มังมหาอโนรธาช่อ(ภาษามอญ) พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระอานุภาพมาก บริบูรณ์ด้วยพลช้างพลม้าและทหารมากมาย แต่พระองค์ก็เป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง ทรงมีพระราชโองการ ให้ส่งพระราชสาส์นและเครื่องมงคลบรรณาการ ไปยังลังกาทวีป เพื่อขอคัดลอกพระไตรปิฎกและขอพระแก้วมรกตกลับมาด้วย

แต่เรือที่บรรทุกพระแก้วมรกตถูกพายุพัด พลัดเข้าไปทางอ่าวกัมพูชาแทน พระเจ้านารายณ์ราชสุริยวงศ์ เจ้ากรุงอินทปัตถ์มหานคร แคว้นกัมพูชา สั่งให้อำมาตย์คุมสำเภากลับไปถวายคืนแก่พระเจ้าอนุรุทธ แต่ส่งกลับไปเพียงพระไตรปิฎกเท่านั้น มิได้ส่งพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตไปด้วย

หลังจากที่พระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่กรุงอินทปัตถ์นานพอสมควร(ไม่ได้ระบุปี) ในแผ่นดินพระเจ้าเสน่ห์ราช เกิดพายุฝนขนาดใหญ่ตกเป็นนิจกาลยาวนานหลายเดือน(ไม่ได้ระบุ) พระเจ้าเสน่ห์ราชก็สวรรคตด้วยอุทกภัยนั้น พระมหาเถระ(ไม่ปรากฏพระนาม) ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นสำเภาหนีไปยังที่ดอน

พระเจ้าอติตะราช (อาทิตยราช) เจ้าครองนครอโยธยา(หมายถึงอโยธยาโบราณ) ทราบเรื่องจึงเสด็จกระบวนพยุหยาตรา ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ในที่ปลอดภัย โดยทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานในพระมหาเวชยันตปราสาท และได้ประดิษฐานในนครอโยธยาอีกหลายรัชสมัย

ต่อมาเจ้าเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระบรมญาติกับกษัตริย์อโยธยาสมัยนั้น จึงทูลขอนำพระแก้วมรกตขึ้นไป ประดิษฐานที่เมืองกำแพงเพชรอีกหลายรัชสมัย ซึ่งปัจจุบันก็คือวัดพระแก้วกำแพงเพชร ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

ต่อมา เจ้ามหาพรหมพระอนุชาของ [พระเจ้ากือนา]แจ้ผู้ครองหัวเมืองฝ่ายเหนือสามหัวเมือง คือเชียงราย เชียงแสน และเมืองฝางได้ลี้ภัยจากศึกสงครามกับเมืองเชียงใหม่ ไปอาศัยอยู่กับพระยาญานดิส เจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อมาเมื่อจะกลับไปเมืองเชียงราย ก็ได้ทูลขอพระแก้วมรกตต่อพระเจ้ากำแพงเพชร พระเจ้ากำแพงเพชรจึงได้ถวายให้เจ้ามหาพรหม


เมื่อเจ้ามหาพรหมชราภาพลง ด้วยความเป็นห่วงในพระแก้วมรกต จึงได้ทำการพอกปูนจนทึบและลงรักปิดทองเสมือนพระพุทธรูปสามัญทั่วไป แล้วบรรจุเก็บไว้ในเจดีย์วัดป่าญะในเมืองเชียงราย โดยไม่มีใครรู้



ประเพณี


เนื่องจากพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธูปประจำพระราชอาณาจักร ดังนั้นประเพณีที่เกี่ยวข้อง ส่วนมากจึงเป็นพระราชพิธี เช่น

    พระราชพิธีตรียัมปวาลและตรีปวาย
    พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา
    พระราชพิธีศรีสัจปานกาลถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
    พระราชพิธีตรุษสงกรานต์
    พระราชพิธีฉัตรมงคล
    พระราชพิธีพืชมงคล
    พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา
    พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชา
    พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลหล่อเทียนพรรษา
    พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุปสมบทนาคหลวง
    พระราชพิธีเฉลิมพระชนม
พรรษา

    พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มีกำหนดการดังนี้ เครื่องทรงฤดูร้อน ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 เครื่องทรงฤดูฝน ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เครื่องทรงฤดูหนาว ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12
    พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
    พระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล
    พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏดวงพระราชสมภพ
    พิธีตั้งสมณศักดิ์และสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช


ที่มา  http://th.wikipedia.org/wiki/พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 03, 2011, 11:51:19 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2011, 11:56:12 pm »
0
พระแก้วมรกต ตำนานพระแก้วมรกต


พระแก้วมรกต  เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนในภูมิภาคแหลมทองมาเป็นเวลานาน เริ่มตั้งแต่ดินแดนถิ่นนี้ยังเป็นอาณาจักรต่างๆ มิได้รวมกันเป็นประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พอรวบรวมได้ว่าองค์พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในประมาณ ปี พ.ศ. 500 โดยพระนาคเสนเถระ เมืองปาฏลีบุตร อินเดีย เข้ามาสู่ดินแดนของไทยครั้งแรกในอาณาจักรอโยธยา

จากนั้นอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเมืองชากังราวหรือกำแพงเพชร จากกำแพงเพชรได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเชียงรายเป็นเวลา 45 ปี จากนั้นก็อัญเชิญลงมาประดิษฐานที่ลำปางอีก 32 ปี จากลำปางอัญเชิญขึ้นเหนือไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ เป็นเวลา 85 ปี  จากเชียงใหม่ไปประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์ 225 ปี

แต่เก่าก่อนตอนปลายสมัยอยุธยา เมืองเวียงจันทน์ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยามีศึกหนักกับพม่าจนตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ทางเวียงจันทน์ถือโอกาศแข็งเมืองแยกตัวเป็นอิสระ จนกระทั่งพระเจ้าตากกอบกู้เอกราชได้และตั้งราชธานีใหม่จึงได้ส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปตีเมืองเวียงจันทน์ให้กลับมาเป็นเมืองขึ้นเหมือนเดิม ศึกครั้งนั้นทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาดจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับคืนสู่แผ่นดินไทย


ครั้งแรกเมื่ออัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมายังประเทศไทยในสมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ที่วิหารน้อยวัดอรุณราชวราราม  ประดิษฐานอยู่ที่วัดอรุณฯ เป็นเวลา 5 ปี

เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อชนะศึกเมืองเวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาก็เกิดความยินดี ดั่งว่าพระแก้วมรกตเป็นพระคู่บารมีคู่บ้านคู่เมือง    ครั้นเมื่อสิ้นกรุงธนบุรีเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกขึ้นเป็นมหากษัตริย์ได้สำเร็จ

และได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่มีชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์ นัยว่าเป็นชื่อที่มีที่มาจากพระแก้วมรกต   กรุง แปลว่า เมือง   รัตน  แปลว่าแก้ว  โกสินทร์  แปลว่าพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์จะมีองค์สีเขียว รวมระยะเวลาที่องค์พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2321 จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 227 ปี

พระแก้วมรกต ท่านได้ไปประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นก็จะมีแต่ความสุขเจริญรุ่งเรือง  เมื่อมีสิ่งศักดิ์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราแล้วก็ขอเชิญท่านทั้งหลายไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเอง
   
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต


รอยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต

หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต มีทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและหลักฐานทางโบราณคดี  ในส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นได้ปรากฎอยู่ในเอกสารโบราณมากมาย อาทิเช่น เรื่องรัตน์พิมพ์วงค์ ตำนานพระแก้วมรกต เรื่องพระรัตนปฏิมา ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์   พงศาวดารเหนือ ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา  ตำนานพระแก้วมรกตฉบับหลวงพระบาง และพงศาวดารโยนก เป็นต้น

จากเอกสารดังกล่าว  สามารถประมวลได้ว่า  พระแก้วมรกต สร้างขึ้นจากความดำริของพระนาคเสนเถระ  แห่งเมืองปาตลีบุตร  ในชมพูทวีป ( ประเทศอินเดียวในปัจจุบัน ) เมื่อประมาณ พ.ศ.500  จากนั้นก็ได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามเมืองสำคัญต่างๆ  ตามลำดับ  ดังนี้

    เกาะลัง   เมื่อประมาณปี  พ.ศ. ๘๐๐

    เมืองนครธม   ในอาณาจักรขอมโบราณ เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๐๐๐

    เมืองอโยชปุระ หรือเมืองอโยธยาโบราณ  ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช

    เมืองกำแพงเพชร ในสมัยพระยะาวิเชียรปราการ

    เมืองเชียงราย ในสมัยเจ้ามหาพรหม

    นครเขลางค์ หรือเมืองลำปาง  ระหว่างปี ๑๘๗๙ - พ.ศ. ๒๐๑๑

    เมืองเชียงใหม่   ระหว่างปี พ.ศ. ๒๐๑๑ - พ.ศ. ๒๐๙๖  ในสมัยพระเจ้าติโลกราช

    เมืองหลวงพระบาง  ในปี พ.ศ. ๒๐๙๖

    เมืองเวียงจันทร์  จนถึง พ.ศ. ๒๓๒๑

    กรุงธนบุรี ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๒๑ - พ.ศ. ๒๓๒๗

    กรุงเทพมหานคร  ตั้งแต่ปี  พ.ศ. ๒๓๒๗  จนถึงปัจจุบัน


ด้านหลักฐานทางโบราณคดี  ปัจจุบันในภาคเหนือของประเทศไทยยังคงปรากฏร่องรอยในโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกตอยู่อย่างชัดเจนในหลายพื้นที่ ได้แก่

    โบราณสถานวัดพระแก้ว ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

    เจดีย์โบราณ  วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม  จังหวัดลำปาง

    เจดีย์หลวง  ในวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่

    เจดีย์โบราณ  ในวัดพระแก้ว  จังหวัดเชียงราย

เรื่องตำนานพระแก้วมีหลายฉบับอาจจะผิดพลาดในเรื่องของเวลาและการกำหนดปีพุทธศักราชอยู่บ้าง แต่สิ่งเป็นจริงที่แน่แท้ไม่ผิดเพี้ยนคือปัจจุบันนี้พระแก้วมรกต ประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยของเรา ที่วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาติไทยมาช้านาน

สถานที่ต่างๆ ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตล้วนมีความสำคัญในแง่ของความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนท้องถิ่น  อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีศิลปะที่งดงามในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น หากมีเวลาจึงขอเชิญชวนทุกท่านเดินท่องเที่ยวเยือนเมืองเหนือกราบรอยพระแก้วมรกตเพื่อความเป็นสิริมงคลและยังได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ที่มีความสวยงามทั้งศิลปะวัฒนธรรมและธรรมชาติ

ที่มา  http://www.tourdoi.com/travel/happiness/prakaew1.htm
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2011, 12:00:49 am »
0
ตำนานพระแก้วมรกตต้องไปอยู่ถึง ๗ นคร

ถาม : ...(ไม่ได้ยินคำถาม)...
ตอบ : พระสุก พระใส พระเสริม พระบางใช่ไหม ?

พระสุก จมอยู่ที่เวินพระสุก กลางแม่น้ำโขง
พระใส อยู่ที่วัดโพธิ์ชัย หนองคาย
พระเสริม อยู่ที่วัดปทุมวนาราม(วัดสระปทุม) ใกล้ ๆ กรมตำรวจ
พระบาง นั้นมีอยู่ระยะหนึ่งที่ฝนฟ้าแล้งมาก ราษฎรทูลเกล้าถวายฎีการัชกาลที่ ๔ ว่า หลวงพ่อพระบางทำให้ฝนแล้ง ก็เลยเอาไปคืนให้ลาว ไม่อย่างนั้นลาวจะไม่มีพระพุทธรูปสำคัญเหลืออยู่เลย


ตอนนี้พระบางอยู่ที่หลวงพระบาง เวลาหน้าสงกรานต์นี่ เจ้ามหาชีวิตของลาวจะเป็นผู้นำอัญเชิญพระบางออกมาแห่ เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาและสรงน้ำกัน

มาตอนหลังระบบพระมหากษัตริย์ของลาวโดนคอมมิวนิสต์ล้มไป ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าประเพณีนี้ยังมีเป็นปกติอยู่หรือเปล่า ถ้าหากว่าเจ้ามหาชีวิตคือพระมหากษัตริย์ของลาวยังอยู่ ก็จะเป็นผู้อัญเชิญพระบางออกมาทุกปี

ศิลปะล้านช้างนี่จะอยู่ราว ๆ ยุคปลายอยุธยาต่อต้นรัตนโกสินทร์ ก็คือว่าจะเป็นช่วงต่ออยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์

ถาม : ก็ไม่เก่ามาก
ตอบ : ไม่เก่ามาก จริง ๆ แล้วล้านนากับล้านช้างเกี่ยวเนื่องแทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าแต่งงานข้ามกันไป ข้ามกันมา


พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผู้ที่ถือว่าเป็นมหาราชของลาว จริง ๆ แล้วครองนครเชียงใหม่อยู่ก่อนนานมากเลย หลายปีทีเดียว พอพม่าไปตีเชียงใหม่ ท่านเห็นว่าไม่สามารถจะต้านกำลังพม่าได้ ก็เลยหอบพระแก้วมรกตไปตั้งเมืองเวียงจันทน์ขึ้นมาแทน

ลาวก็บอกว่าไทยขโมยพระแก้วไป ไทยก็บอกว่าลาวขโมยไปก่อน...(หัวเราะ)....เถียงกันไป เถียงกันมาอยู่นั่นแหละ

แต่ตามประวัติพระแก้วมรกต เขาว่าต้องอยู่ถึง ๗ นคร ใช่ไหม ?

เท่าที่รู้ก็คือท่านเกิดขึ้นที่นครปาฏลีบุตร แล้วก็มาปรากฎที่นครลำปาง แล้วไปอยู่นครเชียงใหม่ จากนั้นไปอยู่นครเวียงจันทน์ แล้วก็มาอยู่เมืองหนองคาย แล้วก็มาอยู่กรุงเทพมหานคร คืออยู่เวียงจันทน์แล้วก็อัญเชิญมาพักที่หนองคายก่อน แล้วก็มาอยู่กรุงเทพฯ เท่ากับว่า ๖ เมืองเข้าไปแล้ว

ถาม : แล้วก็ย้ายข้ามฝั่งไปธนบุรี ก็ ๗ เมืองแล้วครับ
ตอบ : จริง ๆ แล้วเขานับว่า นับว่า ๖ เมือง เมืองที่ ๗ นี่เมืองใหญ่หน่อย เมืองรัสเซีย พระเจ้าซาร์นิโคลาส เสด็จมาเมืองไทย ท่านสนิทกับรัชกาลที่ ๕ มาก


รัชกาลที่ ๕ เลยออกปากว่า ในเมื่อสนิทสนมกันขนาดนี้ แทบจะถือว่าเป็นแผ่นดินเดียวกัน เป็นทองแผ่นเดียวกันก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นท่านอยากได้อะไรที่เป็นของไทย ในฐานะพระเจ้าแผ่นดินไทย ท่านยินดีมอบถวายให้ ท่านเล่นขอพระแก้วมรกต ...(หัวเราะ)...

รัชกาลที่ ๕ ไม่นึกว่าเพื่อนจะขอของสำคัญขนาดนั้น ก็คงสะอึกไปเหมือนกัน ในเมื่อตนเองเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ พระเจ้าซาร์นิโคลาสกล้าขอก็กล้าให้เหมือนกัน

พระเจ้าซาร์นิโคลาสคงซึ้งในน้ำใจ ขอของสำคัญขนาดนี้ยังให้ ก็เลยบอก เอ้า..ถ้าอย่างนั้นอะไรที่อยากได้ในรัสเซีย ถ้าท่านต้องการก็จะให้บ้าง รัชกาลที่ ๕ ขอพระแก้วมรกตคืน ...(หัวเราะ)... ตกลงว่านครที่ ๗ นี่ไปอยู่แค่ครู่เดียว

ถาม : ไม่ทันไปใช่ไหมคะ ? ไปหรือยังคะ ?
ตอบ : ถือว่าไป ถือว่าให้เขาแล้ว ถึงได้บอกว่าต้องอยู่ถึง ๗ เมือง เห็นทีจะอยู่มาครบจริง ๆ


จังหวัดหนองคายเคยประดิษฐานพระแก้วมรกตอยู่สักพักหนึ่ง เคยไปไหม วัดพระแก้วเก่า ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของหน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง อยู่ติดชายน้ำเลย วัดกับเจดีย์เขาสร้างอยู่เป็นที่ประดิษฐานชั่วคราวก่อนที่จะทำพิธีอัญเชิญเข้ามากรุงเทพฯ

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔
ที่มา  http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1883
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
อยากตามรอยประวัติ พระแก้วมรกตครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2011, 09:43:48 pm »
0
น่าจะมีจัดให้มีการไปเที่ยวดูย้อนรอยตามประวัติพระแก้วมรกต ที่เคยประดิษฐานในที่ต่างๆ ตามที่เราพอจะสามารถไปได้ ผมว่าน่าสนใจนะครับ กำลังนึกอยู่ว่า พอเราไปถึงตามสถานที่นั้นๆแล้ว ก็อาจจะมีคนที่รู้เรื่องมาเล่าให้เราฟัง และก็คงจะมีน้อยคนด้วย ที่จะมีโอกาศ ได้ไปธรรมสัญจรในทรีปแบบน  :13:ี้ 

            ถ้าจะจัดไป  ผมคนหนึ่ง ไปครับ   :08:
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2011, 10:40:56 pm »
0
พระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก

         


              หลวงปู่เณรคำ กำลังดำเนินการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองขนาดใหญ่และสวยงามมากที่สุดในโลก

ณ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ปูนปั้นหน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 18 เมตร โดยองค์พระ

แก้วมรกตจำลองที่จะสร้างขึ้นจะมี 5 ชั้น มีลิฟต์ขึ้นลง ชั้นล่างสุดจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ชั้นบนสุดคือส่วนพระ

เศียรมีบุษบก เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนหัวใจของพระแก้ว

มรกตจำลอง จะเป็นพิพิธภัณฑ์เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ส่วนยอดชฎาบนเศียรพระแก้วมรกตทำด้วย

ทองคำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม สูง 7 เมตร เครื่องทรงสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำด้วยทองเหลือง เมื่อแล้ว

เสร็จจะทำการเปลี่ยนเครื่องทรง 3 ฤดู ตามหลังพระแก้วมรกตองค์จริง 1 วัน มูลค่าการก่อสร้างจนกว่าจะแล้ว

เสร็จประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อ

น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสทรง

เจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2550 บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ได้ให้การ

ยอมรับและเคารพนับถือ หลวงปู่เณรคำ เป็นอย่างยิ่งว่า เป็นพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนบรรลุถึงความ

สิ้นไปแห่งกองทุกข์ ตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว




http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=saowbannok&group=2&month=01-2011&date=18
http://templeshenjan.blogspot.com/2008/09/blog-post_14.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 05, 2011, 10:52:20 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อยากตามรอยประวัติ พระแก้วมรกตครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2011, 10:58:56 pm »
0
น่าจะมีจัดให้มีการไปเที่ยวดูย้อนรอยตามประวัติพระแก้วมรกต ที่เคยประดิษฐานในที่ต่างๆ ตามที่เราพอจะสามารถไปได้ ผมว่าน่าสนใจนะครับ กำลังนึกอยู่ว่า พอเราไปถึงตามสถานที่นั้นๆแล้ว ก็อาจจะมีคนที่รู้เรื่องมาเล่าให้เราฟัง และก็คงจะมีน้อยคนด้วย ที่จะมีโอกาสได้ไปธรรมสัญจรในทรีปนี้ 




เพื่อนๆสหายธรรมท่านใดศรัทธาในองค์พระแก้วมรกต อย่าลืมหาโอกาสไปกราบพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ณ วัด

ป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ให้ได้นะครับ เพราะองค์พระพุทธมหารัตนปฏิมากรองค์นี้งดงามน่าไป

เห็นไปกราบมาก ผมดั้นด้นไปกราบหลายครั้งและมีโอกาสได้อยู่ปฏิบัติภาวนาร่วมสร้างพระแก้วใหญ่องค์นี้ด้วย

ประทับใจมากๆเลย...ครับ




http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=100622.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 05, 2011, 11:11:27 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา