ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามการนั่งวิปัสนากรรมฐาน (เพิ่งหัดยังไม่มีครูบาอาจารย์)  (อ่าน 13819 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กราบเรียนทุกท่าน
    ผมเป็นสมาชิกใหม่เพิ่งสมัครเข้าเวปแห่งนี้ แต่ได้อ่านและหาข้อมูลอยู่นานแล้ว
ผมมีเรื่องสอบถามเกี่ยวกับการนั่งสมาธิของผมครับ

    ก่อนอื่นผมขอท้าวความนิดหน่อยเกี่ยวกับประวัติผม
ผมเคยเข้าสถานปฎิบัติธรรมแห่งหนึ่งจุดมุ่งหมายคือความพ้นทุกข์ ซึ่งภรรยาผมศรัทธาสถานที่แห่งนี้มาก แต่ด้วยการสอนที่ผิดเพี้ยนไปจนผมยอมรับไม่ได้ หลังจากลองไปปฏิบัติอยู่ 3 ครั้งผมก็เลิกไปและเป็นสาเหตุให้ผมและภรรยาแยกทางกัน (เรื่องยาวและซับซ้อนมาก)

    หลังจากนั้นมาผมก็ไม่เคยเข้าปฏิบัติธรรมจากที่ใหนหรือวัดใหนอีกเลย ปัจจุบันผมก็ยังมีความทุกข์อยู่มากจนคิดว่าหาทางออกไม่ได้ทั้งๆ ที่สภาพในปัจจุบันผมก็ไม่เดือนร้อนอะไรมากมายแต่ใจกลับเป็นทุกข์หาความสงบไม่ได้

   จนได้อ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งเกี่ยวกับ มหาสติปัฏฐานสูตร อ่านหลายเที่ยวก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ลองนำคำแนะนำในหนังสือเล่มนั้นมาปฏฺิบัติดู เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ผมฝึกนั่งสมาธิ โดยวิธี ดูลมหายใจเข้าออก และภาวนาพุทโธ เป็นประจำเกือบทุกวัน (ก่อนนั่งสมาธิก็สวดมนต์ จากหนังสือสวดมนต์ที่ซื้อจากร้านหนังสือ) ใจก็ยังไม่สงบ และก็ยังทุกข์อย่างที่เคยเป็น

    เมื่อสองวันที่ผ่านมาผมก็นั่งสมาธิแบบที่เคยนั่ง แต่คราวนี้รู้สึกว่าใจกลับนิ่งต่างจากครั้งก่อนๆ มากไม่คิดเรื่องใดๆ นอกจากจับที่ลมหายใจเข้าออกอย่างชัดเจน ผ่านไปอยู่ๆ ก็เกิดขนลุกซุ่ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
มีความรู้สึกร่างกายไม่เหมือนเดิม แต่ก็เกิดความสงสัยว่าผมเป็นอะไรไป อาการนี้เกิดได้สักระยะเดียวก็พยายามกลับมาภาวนาพุทโธและกำหนดลมหายใจใหม่
     วันต่อมา ก็เป็นแบบเดียวกันอีก แต่คราวนี้ผิดไป คือจะมีอาการเหมือนมีตัวอะไรวิ่งใต้ผิวหนังเป็นลูกๆ วิ่งอย่างรวดเร็วมากจากที่นั่งขัตสมธิจากเข่าด้านซ้ายไปยังเข่าด้านขวาและวิ่งขึ้นลงไปมา พร้อมกับขนลุกแบบเมื่อวาน เมื่อรู้สึกอาการแบบนี้ ใจก็ยังมีความตกใจเหมือนเดิมว่าผมเป็นอะไรไปทำไมนั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้ ก็กลับมาภาวนาพุทโธและจดจ่อกับลมหายใจอีก เป็นแบบนี้อีกสักพัก อาการแบบเดิมก็เกิดขึ้นอีก คือเหมือนผิวหนังเต้นเป็นลูกๆ เหมือมีตัวอะไรอยู่ใต้ผิวหนังวิ่งจากซ้ายไปขวา และบนลงล่างพร้อมกับขนลุกซู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ครั้งสุดท้ายรู้สึกว่าตัวไม่เป็นตัวเองมีอาการเหมือนตัวหนักหรือพองหรือใหญ่ออก จนผมต้องลุกออกจากสมาธิ

    ทั้งสองวันที่ผ่านมาผมกลับนั่งสมาธิได้เกือบสองชั่วโมงซึ่งนับว่ามากกว่าที่เคยนั่งมาครั้งก่อนๆ มากมาย ไม่รู้สึกปวดหรือเหน็บชาเหมือนวันก่อน รู้เหมือนกันแต่พักเดียวก็หายไป(ก่อนหน้านั้นประมาณ 20-30 นาทีผมก็ทนแทบไม่ได้แล้ว)

     เนื่องจากผมไม่มีครูอาจารย์ผู้รู้ที่ผมจะสอบถามได้ผมจึงขอสอบถามท่านผู้รู้ในที่นี้ว่าอาการแบบนี้ผมเป็นอะไร และผมควรทำอย่างไรต่อไป ที่ผมปฏิบัติมาถูกต้องแล้วหรือไม่

     ไว้คราวหน้าผมจะพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ผมไปพบเจอสถานที่ปฏิบัติธรรม จนต้องทำให้ชีวิตผมเป็นทุกข์
(ส่วนหนึ่งมาจากตัวผมเอง) แต่ส่วนตัวแล้วผมมีความศรัทธาในพุทธศาสนา และเห็นแล้วว่าความทุกข์ที่ผมมีนั้นจะหมดไปได้ถ้าหากผมไม่ต้องเกิดมาอีก

     กราบขออภัยไว้ล่วงหน้าถ้าหากอธิบายรายละเอียดบางอย่างน้อยไป

ขอบคุณทุกท่านที่เมตตา
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุญาตท่านผู้รู้ทั้งหลาย และ พระอาจารย์ ที่ตอบก่อนซึ่งคำตอบผมไม่ใช่คำตอบที่ถูกและดีที่สุด แต่อยากจะตอบก่อนเนื่องจากเกรงว่าหากช้า คนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจในจุดเริ่มของสมาธิอาจจะตกใจจนไม่กล้าทำสมาธิอีกดังนี้ครับ

- ผมไม่ขอแยกแยะว่าแต่ละช่วงขั้นตอนคืออะไรบ้างในสมาธิ เพราะการปฏิบัติจริงๆหากเข้าไปรู้ในแต่ละระดับมากกว่าเรียนรู้เพื่อพ้นทุกข์ จิตจะไปจดจ่อเอาสมาธิในสภาพนั้นๆที่ตนเองพอใจยินดี จนหลงไป ไม่เป็นไปเพื่อรู้ในอริยสัจ๔ ไม่ทำเพื่อการหลุดพ้นจนก่อเกิดเป็นมิจฉาสมาธิไป

- โดยรวมสภาพที่คุณเป็นอยู่เรียกว่าสมาธิ เมื่อสมาธิมีการจดจ่อมากขึ้นความนิ่งสงบจะเกิดขุ้นแก่จิตคุณ เมื่อสงบมากขึ้นสภาพจิตจะทำการปรับตัวเข้าสภาพการปรุงแต่งที่เป็นระบบมากขึ้นก่อให้ความรู้สึกทางกายเป็นไปในระบบที่ดีขึ้นตาม การไหลเวียนของเลือดลมจะอยู่ในสมดุลย์ของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มีสัดส่วนที่พอดีกันมากขึ้น ทำให้คุณเกิดความรู้สึกขนลุกซู่บ้าง เหมือนมีตัวอะไรเดินอยู่ภายในกาย เส้นเลือด เหมือนลมเคลื่อนตัวบ้าง หนักตัวบ้าง พอใหญ่บ้าง ตัวลอยบ้าง ลมหายใจละเอียดขึ้นเหมือนไม่หายใจบ้าง จนเมื่อสมาธิจดจ่อมากขึ้นจนเป็นหนึ่งเดียวก็ตัดความรู้สึกทางกายบ้างอย่างนี้ นี่คือการเริ่มที่ กายานุสติปัฏฐาน เท่านั้น แค่เริ่มเท่านั้นนะครับ

- ดังนั้นให้คุณทำสมาธิไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปกลัวหรือตกใจสงสัยสภาพทางกายและใจที่เกิดขึ้นแก่ตน รับรู้แค่ว่านั่นคือสภาพของสมาธิ สมาธิจิตที่จดจ่อมากขึ้น สงบมากขึ้นเท่านั้น ให้คุณปฏิบัติไปจนกว่าจะเข้าสู่ความอิ่มเอมเกิดเป็นสุขจากความนิ่งว่าง แล้วดำเนินต่อไปจนถึงความว่าง สงบ ผ่องใส ไม่สุข ไม่ทุกข์ ตัดขาดการรับรู้ภายนอก ให้นิ่งอยู่ได้นาน ปฏิบัติเช่นนี้จนกว่าจะสามารถเข้าออกสมาธิจิตเมื่อใดก็ได้ และ สามารถเข้าสู่สภาพที่นิ่งตัดขาดสภาพรับรู้ภายนอกได้ทุกครั้งที่ต้องการ
ทีนี้ก็ลองค่อยๆถอยออกจากสมาธิจิตแต่ละขั้นๆโดยจับที่สภาพการรับรู้ถึงสภาพความรู้สึกของสมาธิแต่ละขั้นนั้นๆ ทำเช่นนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาเถิบเข้าสู่การเจริญปฏิบัติพิจารณาในสภาวะต่อไปอีกครั้งนะครับ

หากไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆก็ขออภัยท่านเจ้าของกระทู้ พระอาจารย์ และ ท่านผู้รู็ทุกท่านด้วยครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2012, 03:56:01 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ผมได้อ่านข้อกระทู้ของคุณศิวโรจน์แล้ว นับได้ว่าตรงประเด็นเหตุของชีวิต(ทุกข์)อันขับเคลื่อนไปสู่จุดเริ่มค้นหาแก่น

แท้ของหัวใจที่วางว่างด้วยวิถีภาวนา และคุณก็เพียรต่อเนื่องได้ดีน่าชม อันที่จริงภาวะความสงบนับแต่เริ่มมักจะสัมผัส

ทางกายก่อนอาจจะไม่บ่อย และจะบ่อยขึ้นเมื่อก้าวเข้าสู่ความสงบของจิตที่ชำนาญในสมาธิ นี้เพียงขั้นหยาบนะครับ

อาการของคุณนั้นในหลัก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เรียกว่า พระลักษณะ (จิตกระทบกาย) รู้กันสั้นๆง่ายๆก็ว่าเป็น

อาการของ ปิติ ก็อย่าเครียดภาวนาให้ใจนิ่งให้มากกว่านี้ให้ปิติชัดเกิดบ่อยๆอย่ากลัว อย่างน้อยอานิสงส์ก็ทำให้คุณ

สามารถระงับนิวรณ์ของตัวเองได้เป็นบุญครับ เอาเป็นว่าผมแนะแค่นี้ก่อนมันมีขั้นลึกเข้าไปอีก อย่าท้อถอดใจหนีคร้าน

เบื่อเด็ดขาด ภาวนาเอาเป็นบุญตัวให้ถึงที่สุดให้ได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2012, 09:06:34 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณทั้งสองท่านที่กรุณาชี้แนะ
ตอนนี้ผมยังนั่งสมาธิต่อเนื่อง เริ่มไม่กลัวกับสิ่งที่ปรากฏกับผมแล้วพยายามทำใจว่านี่คือสิ่งปรกติที่ต้องเกิด
ที่สำคัญตอนนี้มีความรู้สึกว่าอยากนั่งสมาธิมากๆ เช้าหลังจากถึงที่ทำงานจัดการเรื่องธุระเสร็จก็นั่งประมาณ 7.30-8.30 โดยประมาณ เที่ยงก็ 12.15-13.00 โดยประมาณ กลางคืนก็อีกรอบประมาณ 11.00-01.00

ตอนนี้ผมกลับพบว่าหลังจากนั่งสมาธิแล้วมีสิ่งดีๆ เกิดกับผมอย่างน้อยก็ทำให้รู้จักวางทุกข์ลง (ไม่ถึงกับหมดไป)
แต่น้อยลงกว่าเดิมแน่ๆ ทำให้จิตใจเยือกเย็นลง ยังไม่ถึงกับปลงได้แต่เริ่มคิดว่าอะไรสำคัญกับเราและอะไรไม่จำเป็นกับเราก็ปล่อยๆ มันไป

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ
- ผมนั่งสมาธิที่ทำงาน เป็นห้องทำงานส่วนตัว เก้าอี้นั่งเป็นพนักพิงทรงสูงเสมอหัวเอนหลังได้ (ไม่ได้นั่งกับพื้น)
ตอนเช้าและตอนเที่ยงเงียบสงบมากไม่มีใครเข้ามารบกวน
ผมสามารถนั่งแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่
- ที่บ้านผมนั่งบนเก้าอี้ไม้ มีพนักพิงหลัง ใช้ผ้ารองให้นุ่ม และไม่ได้นั่งต่อหน้าพระพุทธรูป (ที่บ้านไม่มีโต๊ะหมู่บูชา) ตอนนี้เหลือพระพุทธรูปองค์เดียว (มีสาเหตุที่ผมต้องเก็บพระพุทธรูปคืนแม่หมด )
- ครั้งแรกๆ มักจะเผลอหลับไปเลยถึงแม้จะนั่งได้พักเดียว แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกง่วงหรือเผลอหลับอีกแล้วสามารถรู้ตัวตลอดตั้งแต่นั่งจนออกจากสมาธิ แต่นั่งไปสักพักแล้วจะก้มหน้าหรือเอนตัวไปข้างหน้า (เยอะมาก) พอรู้ตัวก็จะนั่งตัวตรงใหม่เป็นแบบนี้ตลอด แต่เนื่องจากมันจะกังวลเรื่องก้มหน้าหรือเอนไปข้างหน้ามากอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าต้องแก้อย่างไร

จะตั้งใจอย่างนี้ตลอดไปครับ สักวันหนึ่งผมคงประสบความสำเร็จและเข้าใจธรรมะ เข้าใจการนั่งวิปัสนากรรมฐานมากขึ้น

ขอบคุณอีกครั้ง
ศิวโรจน์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2012, 09:51:25 pm โดย sivaroj »
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ
- ผมนั่งสมาธิที่ทำงาน เป็นห้องทำงานส่วนตัว เก้าอี้นั่งเป็นพนักพิงทรงสูงเสมอหัวเอนหลังได้ (ไม่ได้นั่งกับพื้น)
ตอนเช้าและตอนเที่ยงเงียบสงบมากไม่มีใครเข้ามารบกวน
ผมสามารถนั่งแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่
- ที่บ้านผมนั่งบนเก้าอี้ไม้ มีพนักพิงหลัง ใช้ผ้ารองให้นุ่ม และไม่ได้นั่งต่อหน้าพระพุทธรูป (ที่บ้านไม่มีโต๊ะหมู่บูชา) ตอนนี้เหลือพระพุทธรูปองค์เดียว (มีสาเหตุที่ผมต้องเก็บพระพุทธรูปคืนแม่หมด )
- ครั้งแรกๆ มักจะเผลอหลับไปเลยถึงแม้จะนั่งได้พักเดียว แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกง่วงหรือเผลอหลับอีกแล้วสามารถรู้ตัวตลอดตั้งแต่นั่งจนออกจากสมาธิ แต่นั่งไปสักพักแล้วจะก้มหน้าหรือเอนตัวไปข้างหน้า (เยอะมาก) พอรู้ตัวก็จะนั่งตัวตรงใหม่เป็นแบบนี้ตลอด แต่เนื่องจากมันจะกังวลเรื่องก้มหน้าหรือเอนไปข้างหน้ามากอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่าต้องแก้อย่างไร

จะตั้งใจอย่างนี้ตลอดไปครับ สักวันหนึ่งผมคงประสบความสำเร็จและเข้าใจธรรมะ เข้าใจการนั่งวิปัสนากรรมฐานมากขึ้น

ขอบคุณอีกครั้ง
ศิวโรจน์

การปฏิบัติภาวนาสามารถทำได้ทุกช่วงเวลาของวันขึ้นอยู่กับความสะดวกส่วนตัวทั้งที่บ้านหรือที่ทำงานของใครของ

ใคร กรณีคุณศิวโรจน์นี้ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าสบโอกาสว่างเป็นทำจิตให้นิ่ง อย่างนี้ดีใช้ได้มิพลั้งเผลอให้นิวรณ์

เข้าครอบงำใจ ขออย่ากังวลเรื่องท่านั่งจะบนเก้าอี้ แคร่ พื้น คู้บัลลังก์ เหยียดเท้า งอเข่า ล้วนเป็นกริยารองสาระอยู่

ที่ใจระงับวางไม่เหนี่ยวหน่วงเป็นนิวรณ์ทับถมตัวเอง ผมอนุโมทนาในทุกความตั้งใจที่คุณศิวโรจน์ทำ สาธุ สาธุติ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 11, 2012, 10:37:33 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ
- ผมนั่งสมาธิที่ทำงาน เป็นห้องทำงานส่วนตัว เก้าอี้นั่งเป็นพนักพิงทรงสูงเสมอหัวเอนหลังได้ (ไม่ได้นั่งกับพื้น)
ตอนเช้าและตอนเที่ยงเงียบสงบมากไม่มีใครเข้ามารบกวน
ผมสามารถนั่งแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่
- ที่บ้านผมนั่งบนเก้าอี้ไม้ มีพนักพิงหลัง ใช้ผ้ารองให้นุ่ม และไม่ได้นั่งต่อหน้าพระพุทธรูป (ที่บ้านไม่มีโต๊ะหมู่บูชา) ตอนนี้เหลือพระพุทธรูปองค์เดียว (มีสาเหตุที่ผมต้องเก็บพระพุทธรูปคืนแม่หมด )
- ครั้งแรกๆ มักจะเผลอหลับไปเลยถึงแม้จะนั่งได้พักเดียว แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกง่วงหรือเผลอหลับอีกแล้วสามารถรู้ตัวตลอดตั้งแต่นั่งจนออกจากสมาธิ แต่นั่งไปสักพักแล้วจะก้มหน้าหรือเอนตัวไปข้างหน้า (เยอะมาก) พอรู้ตัวก็จะนั่งตัวตรงใหม่เป็นแบบนี้ตลอด แต่เนื่องจากมันจะกังวลเรื่องก้มหน้าหรือเอนไปข้างหน้ามากอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าต้องแก้อย่างไร

จะตั้งใจอย่างนี้ตลอดไปครับ สักวันหนึ่งผมคงประสบความสำเร็จและเข้าใจธรรมะ เข้าใจการนั่งวิปัสนากรรมฐานมากขึ้น

ขอบคุณอีกครั้ง
ศิวโรจน์

ตอบคำถามที่ 1
- การทำสมาธิทำได้ตลอดเวลาทุกเมื่อนานเท่าใดก็ได้ การทำสมาธิคือการทำให้สภาพจิตมีอารมณ์จดจ่อมากขึ้นจนเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาสภาพธรรมใดๆ แต่ถ้าหากนั่งสมาธิให้นานเพียงแต่เพราะมันสงบ อิ่มเอม สุข สบายจิตใจ ไม่ได้กระทำการใดๆเพื่อเป็นไปในการเห็น อริยสัจ๔ นั่นเรียกว่าติดสมาธิจิต ติดความสุข ไม่ถือเป็นสัมมาสมาธิ เพราะไม่ได้เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น หรือ เห็นทุกข์ หรือ เห็นจริงตามสภาพจริง
- ดังนั้นเมื่อคุณทำสมาธิเมื่อจิตนิ่งว่าง สงบ สบาย ให้ดึงตัวรู้ คือ สติ ให้รู้สภาพนั้นๆว่า รู้สึกอย่างไร มีสภาพยังไง สภาพที่เกิดขึ้นสักเป็นแต่เพียงจิตเสพย์เสวยอารมณ์ไปตามความปรุงแต่งของสังขารขันธ์ นั่นคือ ความปรุงแต่งจิต ความรู้สึก ความตรึกนึกคิด เป็นต้น
- เมื่อรู้และเห็นหรือเข้าใจในสภาพจิตนั้นๆแน่นอนแล้ว ให้พิจารณาดูกายานุสติปัฏฐาน โดยอาจจะพิจารณาดังนี้คือ
       1. หากจิตจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ ลองพิจารณาดูสภาพการหายใจเข้า ลมที่แต่จมูกมีลักษณะอย่างไร เช่น ร้อน เย็น อ่อน นุ่ม เคลื่อนตัว ชื้น แห้ง พิจารณาเข้าเห็นถึงว่าการที่เราไปรู้ลมหายใจนั้น รู้สภาพจริงๆนั้นๆ เพราะอะไรจึงรู้ รู้เพราะสิ่งใด อะไรที่เป็นตัวไปรู้สภาพนั้นๆ อะไรที่ทำให้ไปจดจ่อให้ความสนใจอยู่ในสิ่งนั้นๆ เป็นต้น
       2. หากพิจารณากายอยู่ ลองพึงระลึกในอสุภะ คือ ของไม่สวยไม่งามคือกายเรานี้แล เห็นในอาการทั้ง 32 หายใจเข้าพึงระลึกรู้ว่ากายเคลื่อนตัวอย่างไร อวัยวะส่วนใดขยายหรือเคลื่อนตัวบ้าง หายใจออก อวัยวะส่วนใดคลายตัวลง หดลง เคลื่อนตัวลงบ้าง เช่น พิจารณากาย(อาจจะอาสัยดูภาพอสุภะดๆมากๆ) มีหนังหุ้มเนื้ออยู่ มีเส้นเอ็นเส้นเลือด กระดูกอยู่ภายในนั้น พิจารณาจนเห็นตัดจากก้อนเนื้อเข้าไปเห็นแค่กระดูกกับอวัยวะภายในขณะที่หายใจเข้าปอดพองตัวขึ้นขยายดันส่วนก้อนเนื้อ ตับ ไต หัวใจ ม้าม กระบังลมดันตัวขึ้น หายใจออกปอดหดคลายตัวลง  ส่วนก้อนเนื้อ ตับ ไต หัวใจ ม้าม กระบังลม เคลื่อนตัวลงเข้าตามสภาพเดิม เป็นต้น
       3. หากพิจารณาเห็นจุดใด ให้พิจารณาจุดนั้นจนเห็นจริง แจ่มแจ้ง ไม่ย้ายไปที่อื่นก่อนจะเห็นจริง
       4. เมื่อพิจารณาเห็นจริงแจ่มแจ้งแล้ว ให้เข้าถึงสภาพที่เห็นนั้นสักเป็นแต่เพียงธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดเพราะการประชุมของธาตุทั้ง 4 นี้เป็นหลักให้เป็นโคลงสร้าง รูปร่าง ไม่มีตัวตนบุคคลใดๆนอกจากธาตุที่มาประชุมกัน
       5. เมื่อเห็นธาตุ ชัดเจนแล้ว ให้พิจารณาให้เห็นถึงสภาพการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนบุคคลใดๆ สักเป็นแต่เพียงรูปนาม
       6. พิจารณาเห็นในทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร มีลำดับการเกิดอย่างไร คงอยู่อย่างไร ดับไปอย่างไร อะไรที่ทำให้เกิดทุกข์ เมื่อรู้สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ คุณก็รู้สมุทัย เหตุปัจจัยแห่งทุกข์ของคุณแล้ว เมื่อรู้เหตุแห่งทุกข์ ก็พิจารณาให้รู้เห็นในมรรค ๘ ซึ่งการดับทุกข์ทุกสิ่งทุกอย่างจะพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้ก็ด้วย กาย-วาจา-ใจสุจริต คิดดี-พูดดี-ทำดี คนเราจะคิดดี-พูดดี-ทำดีได้ ก็ต้องมีความเป็นกุศลจิต กุศลจิต กุศลกรรมใดๆจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอยู่ใน ศีล พรหมวิหาร๔ สมาธิ สติ และ ปัญญาเห็นสภาพนั้นตามจริง (สิ่งนี่ก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นปฏิบัติในมรรคมีองค์8เท่านั้นนะครับผมสรุปโดยย่อมาเท่านั้นครับ) ทำนิโรธให้แจ้ง

ทั้ง 6 ข้อที่ผมบอกนี้ก็เบื้องต้นในการพิจารณากายานุสติปัฏฐานเท่านั้น เป็นสมถะอยู่ แต่เข้ากึ่งวิปัสนาให้เกิดปัญญาเห็นชอบเท่านั้น เป็นแค่ฐานเข้าสู่วิปัสนาจริงๆเท่านั้นนะครับ อาจจะแยกพิจารณาส่วนใดก็ได้ หรือ จะพิจารณาตามลำดับนั้นก็ได้เพื่อเข้าสู่หนทางแห่งอริยสัจ๔ และ วิปัสนากัมมัฏฐาน

ตอบคำถามที่ 2
- อย่างที่ท่าน THAWATCHAI173 บอกครับ จะอยู่อิริยาบถไหนก็ทำสมาธิได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ยืน เดิน นั่ง นอน เพียงแค่มีสติระลึกรู้ว่าขณะนี้กำลังอยู่ในอิริยาบถใดก็พอ
- การนั่งสบายๆจะมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ ทำสมาธิได้ง่าย แต่ในส่วนนี้หากติดสบายเกินไปเวลาไปอยู่ในอิริยาบถที่ต่างไปจะทำสมาธิยาก
- ดังนั้น ควรทำสมาธิในอิริยาบถต่างๆเปลี่ยนไปเป็นประจำเพื่อให้ชินกับสภาพธรรมต่างๆของกาย เพื่อดึงตัวรู้(สติ) ให้เกิดขึ้นทุกอิริยาบถ จะช่วยให้แม้ลืมตา แม้เดินอยู่ แม้ยืนอยู่ แม้นั่งอยู่ แม้นอนอยู่ สติก็เกิดขึ้นได้ เมื่อสติเกิดสมาธิก็ย่อมเกิดตามมาเสมอ
- นั่งต่อหน้าพระพุทธรูปไหม ไม่สำคัญครับ สำคัญที่ก่อนทำ สวดมนต์ไหว้พระระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่-บุพการี ครูบาอาจารย์ ระลึกอธิษฐานขอกำหนดเข้ากัมมัฏฐานเพื่อทำให้แจ้งซึ่งทางพ้นทุกข์ตามที่พระพุทืธเจ้าตรัสสอน เมื่อออกจากสมาธิก็สวดมนต์เหมือนก่อนเข้าแล้วแผ่เมตตาให้ตนเองและคนอื่น

ตอบคำถามที่ 3
- สภาพกายจะเอนไปด้านหน้านั้น เนื่องจากเมื่อสภาวะของกายโดยปกติคนเรานั้นจะเอนไปข้างหน้ามาก หรือ มีการก้มเงยด้านหน้า ซึ่งหากไม่ใช่การออกกำลังกาย จะไม่มีการทำสะพานโค้งไปข้างหลัก ดังนั้นโดยธรรมชาติก็ย่อมเอนไปตามน้ำหนักของอวัยวะในส่วนนั้นๆเป็นปกติ
- คุณอาจจะลองนั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย นั่งกับพื้นโดยการทรงตัวให้ตรง คุณจะรู้สึกถึงการเคลื่อนเอนตัวเร็วกว่านั่งกับเก้าอี้ เมื่อรู้ว่าตัวเอนอยู่อิริยาบถโค้งลงคุณก็รู้สภาพที่เป็นอิริยาบถทางกาย
- คุณอาจจะนั่งกับพื้น โดยเอาหลังชิดฝาผนังห้อง เมื่อเวลาที่คุณจะเอนหลังผนังห้องก็จะคำไว้อยู่ไม่ให้หลังคุณโค้ง

ลองปฏิบัติดูนะครับ แนวทางผมคงไม่ใช่ว่าจะถูกหรือดีที่สุด ควรใช้เป็นแง่คิดประกอบกับท่านผู้รู้ทั้งหลาย หรือ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจึงจะเป็นผลดีครับ

สุดท้ายก็ขอให้คุณถึงธรรมในธรรมโดยเร็วนะครับ สาธุ ขออนุโมทนากับความตั้งใจของคุณด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 11, 2012, 05:21:27 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ
จะลองนำไปปฏบัติครับ
บันทึกการเข้า

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ไม่ทราบว่าที่ใหนมีที่สอนกรรมฐานบ้าง
จะพยายามหาที่ ที่ผมสามารถไปฝึกเรียนได้
ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2012, 08:02:11 pm โดย sivaroj »
บันทึกการเข้า

patra

  • RDNpromote
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรมรรค
  • *
  • ผลบุญ: +100/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 971
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ดูได้ที่บอร์ด นี้ นะครับ มีการแจ้งข่าวสารการปฏิบัติธรรม กรรมฐาน หลายแห่งในห้องนี้ครับ
ส่วนกรรมฐาน ก็ต้องดูที่จริตของ ผู้ปฏิบัติครับว่าชอบปฏิบัติในแนวทางไหนด้วยครับ


http://www.madchima.org/forum/index.php?board=8.0

 :49: :welcome:
บันทึกการเข้า
ข้าพจ้า สนับสนุนการเผยแผ่ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ควรไป เพราะการฝึกกรรมฐานต้องมีครูบาอาจารย์ ที่เรียกว่าพระอาจารย์กรรมฐาน ของเรา
  ขอแนะนํา ให้ท่านไปที่ วัด ราชสิทธาราม วัดพลับ อยู่ฝั่งธน ไปที่คณะห้า พระอาจารย์ใจดี พบท่านได้ทุกวัน
     กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ วัดราชสิทธาราม www.somdejsuk.org
      www.madchima.org สองเว็บนี้ เผยแผ่กรรมฐานเดียวกัน
         กรรมฐานนี้เป็นกรรมฐานเดิม เกิดตั้งแต่พุทธกาล
     มีพระราหุล พุทธชิโนรส ผู้ไฝ่ในการศึกษา พระอาจารย์ของท่านคือพระสารีบุตร ท่านเป็นผู้เริ่มต้นเผยแผ่กรรมฐานนี้ ไม่ให้สูญไป
       จนมาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน เป็นพระอาจารย์กรรมฐานประจํายุครัตนโกสินทร์

      ถ้าอยากเรียนกรรมฐานนี้ ก็ควรไปเริ่มต้นมาจากที่นั่น เพราะครูบาอาจารย์ที่นั่น จะให้กรรมฐานและแนะนําท่าน  เป็นอย่างดี

      และท่านจะได้ทราบประวัติของกรรมฐานนี้ด้วย ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
 อย่างที่ท่านตั้งปณิธานไว้ในตอนต้น ว่าไม่อยากเห็นทุกข์ ว่าไม่อยากกลับมาเกิด อยากออกจากสังสารวัฏ ไม่กลับมาเกิดอีก ก็นับว่าเป็นความตั้งใจที่ดี นั่นคือจุดหมายเบื้องต้นแห่งความสําเร็จ
     เพราะการเริ่มต้นที่ดีก็ต้องมีศรัทธา ปณิธานคือความตั้งใจ วิริยะ ความขยันขวนขวายฝักไฝ่
      การจะเข้าถึงศิล สมาธิ ปัญญา ก็ต้องสร้างเหตุ การจะหวังเอามรรค-ผลได้ก็ต้องมีที่มา-ที่ไป
   ก็ต้องบ่มอินทรีย์ทั้งห้า คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
        ขอให้ท่านจงโชคดี
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

patra

  • RDNpromote
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรมรรค
  • *
  • ผลบุญ: +100/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 971
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 :s_hi: เราได้ลบ user ที่แปะลิงก์ไปเว็บการพนัน ออกแล้วจากกระทู้นี้

 
บันทึกการเข้า
ข้าพจ้า สนับสนุนการเผยแผ่ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Mario

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 208
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนถามเป็นอย่างไร บ้าง คะ ไปขึ้นกรรมฐาน หรือ ยัง

  st12 :49:
บันทึกการเข้า
hero ผู้ปราบอธรรม มาแว้ว
มาเพราะยายกบ เป็นคนชวน
ฝากตัวด้วยไม่ถนัดเว็บ ธรรม
แต่เป็น hero ต้องไม่กลัว ธรรม

Chrome2

  • บุคคลทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2013, 08:42:27 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กราบเรียนทุกท่าน
จนถึงขณะนี้ผมก็ยังไม่ได้ไปขึ้นกรรมฐานใดๆ เลย จะโทษก็ด้วย บุญบารมีตัวเองยังมีไม่เพียงพอ
มักจะติดขัดไม่ราบรื่นไปหมดตั้งแต่ ต้องดูแลลูก ส่งให้เรียนหนังสือ วันเสาร์ อาทิตย์ คอยรับส่งเรียนพิเศษ วันธรรมดาเลิกงานถึงบ้านก็มืดค่ำ  นี่เป็นข้ออ้างประจำ

แต่ก็ยังตั้งใจปฏิบัตินั่งสมาธิ แบบเดิมๆ (แบบที่ยังไม่มีครูบาอาจารย์) หาความรู้ในเวป เป็นครูอาจารย์ต่อไป  ทั้งเวปนี้ก็ได้เข้ามาอ่านหาความรู้และบทความดีๆ อยู่เป็นประจำ

มีเรื่องอยากเล่าให้ทุกท่านฟัง  เกิดกับตัวกระผมเองเมื่อไม่นานมานี้

เมื่อปีกว่าๆ เกือบ 2 ปี ผมเกิดป่วยเป็นโรคติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ต้องเข้า ICU ถึง 5 วัน มีอาการข้างเคียงตามมาคือ มีอาการ "ลมชัก" (ผมไม่เคยมีประวัติตั้งแต่เด็กไม่เคยเป็นโรคนี้) อาการเหมือนคนเป็นลมบ้าหมู ชักเกร็ง ควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อเป็นแล้วสักพักจะหมดสติไปเลย

หลังจากออกจากร.พ. ก็เกิดอาการลมชัก เว้นระยะได้ 3-4 เดือนจะเกิดสักครั้ง ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่โชคยังดีที่ส่วนใหญ่ จะเกิดวันอาทิตย์ และเป็นที่บ้าน ตอนเข้าห้องน้ำ และจะเป็นตอนอยู่คนเดียว อาการเหมือนเดิมคือ ชักเกร็ง หมดสติในเวลารวดเร็ว มาฟื้นอีกทีหลังจากนั้น เป็นอย่างนี้ 3-4 ครั้ง

จากที่เริ่มหัดนั่งสมาธิ ก็ประมาณเวลาเดียวกันกับที่เป็นโรคนี้ เพราะเห็นว่านี่คือทุกข์ที่เรามีส่วนหนึ่ง (ทุกข์อื่นก็มีอีกมากไม่ขอกล่าว) หมอก็หา 2 รพ. ตรวจรักษาทั้ง x-ray สมอง ทั้งใส่เครื่องตรวจวัดความถี่หัวใจ เพื่อดูสิ่งผิดปรกติ ก็ไม่พบอะไรเป็นสาเหตุที่เป็น หมอเลยให้ดูอาการและยังไม่จ่ายยากันชักให้

       จนเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว เกิดอาการชักเกร็ง (เป็นครั้งที่ 5 แล้ว) อาการเหมือนเดิม คืออยู่ๆ ก็เซล้มลงควบคุมตัวเองไม่ได้ ล้มลงไปกองกับพื้น มือเท้าหงิกงอ เกร็งไปทั้งตัว แล้วแขนขาก็ปัดป่าย ฟาดไปมาตามเรื่อง (แบบคนเป็นลมบ้าหมู)
       แต่ครั้งนี้รวบรวมสมาธิ ทั้งหมด นึกถึงสิ่งที่เคยฝึกปฏิบัติมา (ด้วยตัวเอง) ตอนแรกก็กลัวตาย ต่อมาก็กลัวว่าไม่มีใครจะส่งเสียลูก  ตั้งสติ คิดถึงคุณมารดา เรียกแม่ให้ช่วยผมด้วย แล้วก็เหมือนกับสติที่ตั้งมั่นได้นี้ยังคงอยู่ต่อได้ ไม่หมดสติไปเหมือนครั้งก่อน ต่อมาคิดว่าจะต้องตายตอนนี้เวลานี้แน่ๆแล้ว เพราะนอกจากจะชักแล้วยังรู้อีกว่าหายใจไม่ทัน เริ่มหายใจทางปาก จึงนึกถึงคุณพระรัตนตรัย ตอนนี้อาการชักเต็มที่แล้ว รู้ตัวว่าอยากพนมมือไหว้ แต่ไม่สามารถบังคับมือและแขนได้ คงปล่อยร่างกายไปตามสภาพที่บังคับไม่ได้ แต่ บังคับ ความคิดตามลมหายใจ เข้า พุทธ ออก โธ ตามอาการหอบหายใจทางปาก เพราะหายใจทางจมูกไม่ทัน

     ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นตัวเองนอนกลิ้งกับพื้นนั้นเห็นจากตาเนื้อหรือไม่ รู้แต่ว่าตัวเองกระเสือกกระสน มือไม้ตีไปตีมาควบคุมไม่ได้ก็ปล่อยเลยตามเลย เมื่อไม่หมดสติ และรู้ตัวดี มีสติอยู่กับตัว สามารถรู้ พุทธ ตอนลมหายใจเข้า โธ ตอนลมหายใจออก ก็อธิฐาน
      หากข้าพเจ้าต้องตายในวันนี้ตอนนี้ ขออย่าได้มาเกิดอีก หากข้าพเจ้าต้องเกิดอีกขอเกิดในศาสนาของพระพุทธเจ้า ขอเป็นสาวกของพระพุทธองค์ตลอดไป นึกอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ไม่มีอารณย์อื่นมาแทรกเลย
ใจกลับสงบร่มเย็น ไม่ได้คิดถึงอาการชักที่เป็นอยู่ในขณะนั้นเลย แปลกนะ อาการกลัวตาย กลัวโน่นนั่นนี่ หายไปหมด

     สักพักอาการชัก ก็เริ่มลดน้อยลง มือหงิก ขาเกร็ง ก็เริ่มคลาย ตลอดเวลา สติอยู่กับตัว รู้ตัวตลอด รู้ลมหายใจ อาการหายใจทางปากก็เบาลง ในที่สุดก็สงบได้ รู้ตัวเองว่านอนอยู่กับพื้นห้องน้ำในบ้าน สัก 10 นาทีก็ลุกขึ้นเดินได้เอง ผิดกับครั้งก่อนๆ อย่างมากที่จะสลบหมดสติไปเลย

    สิ่งที่เกิดกับผมในครั้งนี้เป็นครั้งที่มีค่าที่สุดในชีวิต (ไม่อยากเป็นหรอกโรคภัยไข้เจ็บ มันทรมาน) แต่ก็ได้สอนให้ผมเตรียมตัวรับกับอะไรก็ตามที่จะเกิดในช่วงสุดท้าย ให้พยายามนึกถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่ได้ถูกฝึกมาอย่างน้อยก็ช่วยให้หายจากอาการทุรนทุราย ได้ระดับหนึ่ง

    ปัจจุบันก็ยังนัดหาหมอที่ รพ. เพื่อหาสาเหตุและกันไม่ให้เกิดอาการนี้อีก

ขอบคุณทุกท่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2013, 07:58:27 am โดย sivaroj »
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การศึกษาภาวนานั้น เป็นอะไรที่ชักชวนกันยากหากไม่ประสพเคราะห์กรรมเจ็บป่วยสาหัสแล้วหละก็ไม่เป็นอันใส่ใจหาภาวนากัน แม้ผู้ภาวนาที่มีอยู่บางท่าน(อย่างผม)ยิ่งภาวนาก็ยิ่งเจอเคราะห์กรรมอัตคัดเจ็บป่วย บุญทานยิ่งทำก็ยิ่งเจอคนแล้งน้ำใจ ยืน,เดิน,นั่ง,นอน ความสุขนั้นหายไปจากชีวิตเลยทีเดียว สมาธิภาวนาเป็นเพียงเยียวยาสมานใจ ไม่ใช่แก้ไขทุกเรื่อง เพราะสรรพทุกข์มีอยู่เป็นวิสัยของโลก และโลกก็อยู่กันด้วยเวรก่อภัยเบียดเบียนกันเอง สรุปที่สุดได้ว่า "สักวันโลกหล้าพร้าคว้า ฟ้าคงคลึ้ม คนหม่นยลอึมครึม แพศยาชุมชมกรุง" เป็นแน่ ครับ.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2013, 11:01:56 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

 ans1 ans1 ans1

คุณsivaroj ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาแล้ว
น่าจะมีศรัทธาในการภาวนามากขึ้น เห็นชีวิตที่ไม่แน่นอนเป็นอนิจจัง
จากการที่ได้รับคำสอนมาจากพระอาจารย์ ทำให้พอจะแนะนำ คุณsivaroj ได้บ้าง
ขอแนะนำให้นอนภาวนาครับ จะดูลมเข้าออก หรือดูท้องพองยุบ ก็ตามอัธยาศัย
ลองทำดูนะครับ

 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กราบเรียนทุกท่าน

วันนี้เป็นวันที่ผมปลื้มที่สุดอีกหนึ่งวัน

เนื่องจาก อยู่ๆ วันนี้คุณพ่อ ผมก็คุยกับผมเรื่อง การนั่งสมาธิ ท่านพยายามอธิบายวิธีการนั่งสมาธิ และ พยายามบอกให้ผมไปหาครูอาจารย์ ผู้สอนวิปัสนากรรมฐาน

ท่านพยายามอธิบายให้ผมฟังเรื่องการนั่งสมาธิ ว่าให้ตั้งมั่นจิตอยู่กับตัวเอง นึกถึง ผมขนเล็บกระดูก (ตามความทรงจำของคุณพ่อ) หากจิตฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น ให้เรียกจิตกับมาที่กาย คุณพ่อบอกว่าให้หากมีเวลาให้ทำบ่อยๆ

ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟัง ท่านก็แปลกใจที่อยู่ๆ คุณพ่อชวนคุยเรื่องธรรมะ เพราะท่านไม่เคยพูดกับใครเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว

ขอเล่าถึงคุณพ่อเล็กน้อย
คุณพ่อเป็นคนเชื้อสายจีน มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ เคยเป็นศิษย์นั่งวิปัสนากรรมฐาน วัดปทุมวนาราม กับ หลวงพ่อถาวร จิตตถาวโร (สมัยนั้น) ปัจจุบัน คุณแม่ก็ยังเคารพ หมั่นไปทำบุญที่วัดเสมอๆ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ท่านทั้งสองเลยไม่ได้ปฏิบัติธรรมด้วยวิธีวิปัสนากรรมฐานมานานแล้ว

ปัจจุบันคุณพ่อผมอายุ 85 ความจำยังดี แต่สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนก่อน
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง คุณพ่อเข้า รพ. และตรวจพบ มะเร็งตับ ขนาด 11 ซม. (เกินกว่าระยะสุดท้ายไปแล้ว)
คุณหมอบอกว่าไม่ควรที่จะสู้โรคร้ายนี้ต่อไปเพราะร่างกายคุณพ่อ จะทนไม่ไหวหากต้องรักษาโดยผ่าตัดหรืออะไรก็ตามแต่

แม่และพี่น้องทั้งหมด ลงความเห็นตามคุณหมอ จะรักษาคุณพ่อตามอาการ และจะดูแลท่านให้ดีที่สุด จนถึงนาทีสุดท้าย ทั้งหมดนี้มีกำลังใจดี แต่ยังไม่บอกคุณพ่อ เพราะกลัวท่านอาการทรุดลง

เราหวังว่าช่วงสุดท้ายนี้ พวกเราดูแลท่านเป็นอย่างดี สมกับที่ท่านเป็น อรหันต์ ประจำบ้าน
ผมได้ทำทุกอย่างที่อยากทำให้ท่าน ไม่ว่า ป้อนข้าว ป้อนน้ำ พยุง จูงเดิน กอด ใส่รองเท้า ก้มกราบเท้า
แต่สิ่งที่ผมอยากทำให้ท่านมากที่สุดในตอนนี้ คือ ให้ท่านได้ฟังธรรมะทุกๆวัน  โดยเฉพาะผมอยากจะบวชให้ ท่านตอนที่ท่านยังรับรู้ได้

วันนี้คุณพ่อยังบอกให้ผมค้นหาคำสอนสมาธิ เพิ่มเติมใน internet (คุณพ่อทันสมัย) เพื่อเปิดให้ฟังเพราะท่านจำไม่ค่อยแม่น โดยให้หาของ พระอาจารย์มั่น ผมจึงได้โอกาสเปิด คำสอนของหลวงตามหาบัว เรื่องการอบรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐาน เปิดฟังจนจบ พร้อมๆ กับพ่อที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ผมฟังไปกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แต่ก็ฟังจนจบตอน

สิ่งที่คุณพ่อสอนผมวันนี้ถึงแม้จะสั้นๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นคำสอนที่ลึกซึ้งและกินใจผมมาก ผมจะจำไปปฏิบัติตลอดไปครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะปลีกตัวไปใหนไม่ได้เพราะอยากเฝ้าคุณพ่อ แต่ก็หาเวลานั่งวิปัสนากรรมฐาน ข้างๆ คุณพ่อนี่แหละ
บันทึกการเข้า

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ