ก็ฟังแล้วนะ ไม่ถูกซะทั้งหมด
เหตุที่กรรมฐาน มาใช้ทั้งหมด 40 กองกรรมฐาน ก็เพราะว่า
1. จริตของผู้ฝึกไม่เอื่้ออำนวย
2. ไม่ได้เป็นผู้มีบารมีทางด้าน ฉฬภิญโญ ( มหาสมาบัติ )
3. ไม่ได้มีการอธิษฐานครอง ปฏิสัมภิทา
4. เพราะฝึกธรรม อันเป็นอันเอก จึงไม่จำเป็นฝึก กองกรรมฐานอื่น ๆ
5. เนื่องด้วยการดับกิเลส บางครั้งมีความไวสูง ในหมู่สุกขวิปัสสก ทำให้เห็นการพิจารณารูปนาม ตามระบบวิปัสสนา นั้น แคบคือเพียงพอต่อการขจัดกิเลสตามลำดับ ชั้นพระอริยะ
6. ส่วนที่ว่าพอใจ ของพระอาจารย์ นั้นต้องพิจารณาหมวด การเรียนกรรมฐาน ว่าเป็นผู้สืบทอดหรือไม่ ?
ยกตัวอย่าง พระสังกิจจะ ใช้ กายคตาสติ เป็นพระอรหันต์
พระสิวลี ใช้ กายคตาสติ เป็นพระอรหันต์
พระโมคคัลลานะ ใช้ ธาตุกรรมฐาน เป็นพระอรหันต์
พระสารีบุตร ใช้ อนุปทบท + เวทนาปริคคห เป็นพระอรหันต์
พระจูฬปันถก ใช้ ผ้าขาวบริกรรม รโช หรณัง เป็นพระอรหันต์
พระอานนท์ ใช้ การปล่อยวางในธรรม เป็นพระอรหันต์
พระราหุล ใช้ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นพระอรหันต์
พระสังกัจจายนะ ได้ฟังธรรม อนุปุพพิกถา จบเป็นพระอรหันต์
พระองคุลีมาล ได้เจริญวิเวก 3 เป็นเวลายาวนาน จนเป็นพระอรหันต์
พระสัทธิวิหาริก (ของพระสารีบุตร ) ได้เจริญดอกบัวทอง จนเป้นพระอรหันต์
และอีก หลาย ๆ แบบ
ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็น เหตุเฉพาะตัว เฉพาะบุคคล เท่านั้น ถ้าจะให้ท่านเหล่านั้นแสดงกรรมฐาน ก็ย่อมต้องแสดงตามที่ตนเองปฏิบัตินั่นเอง จัดเป็นความพอใจไม่ได้ เหมือนประหนึ่ง เรารู้สิ่งใด เราก็กล่าวถึงสิ่งนั้น เราไม่รู้จักสิ่งนั้น ๆ ก็ไม่ควรกล่าวถึงสิ่งนั้น เพราะเราไม่รู้ นั่นเอง
ช่วยแสดงความเห็น อนุโมทนา กับท่าน ปัญญาสโก นาน ๆ จะมาโพสต์ มีสาระธรรม เพื่อสมาชิก
เจริญธรรม / เจริญพร