ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุใด พระพุทธเจ้า ไม่ไหว้ ไม่ลุกรับ ไม่เชื้อเชิญ บุคคลใดเลย  (อ่าน 5090 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เหตุใด พระพุทธเจ้า ไม่ไหว้ ไม่ลุกรับ ไม่เชื้อเชิญ บุคคลใดเลย

เรื่องเวรัญชพราหมณ์

   [๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์

สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป เวรัญชพราหมณ์

ได้สดับข่าวถนัดแน่ว่า ท่านผู้เจริญ พระสมณะโคดมศากยบุตร ทรงผนวชจากศากยตระกูล

ประทับอยู่ ณ บริเวณต้นไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์

หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ก็แลพระกิตติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ขจรไปแล้ว

อย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์แม้เพราะเหตุนี้ ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ

แม้เพราะเหตุนี้ ทรงบรรลุวิชชาและจรณะแม้เพราะเหตุนี้ เสด็จไปดีแม้เพราะเหตุนี้ ทรงทราบ

โลกแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็น

ศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลายแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพุทธะแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพระ

ผู้มีพระภาคแม้เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัด

ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพ

และมนุษย์ ให้รู้ ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศ

พรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็น

ปานนั้น เป็นความดี.

            

เวรัญชพราหมณ์กล่าวตู่พระพุทธเจ้า

   [๒] หลังจากนั้น เวรัญชพราหมณ์ได้ไปในพุทธสำนัก ครั้นถึงแล้วได้ทูลปราศรัยกับ

พระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทูลปราศรัยพอให้เป็นที่บันเทิงเป็นที่ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ

ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เวรัญชพราหมณ์นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาค

ว่า ท่านพระโคดม ข้าพเจ้าได้ทราบมาว่า พระสมณะโคดม ไม่ไหว้ ไม่ลุกรับพวกพราหมณ์ผู้แก่

ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ ผู้ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ ข้อที่ข้าพเจ้าทราบมานี้

นั้นเป็นเช่นนั้นจริง อันการที่ท่านพระโคดมไม่ไหว้ ไม่ลุกรับพวกพราหมณ์ผู้แก่ ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ ผู้

ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะนี้นั้น ไม่สมควรเลย.
   
   พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ใน

หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทพ และมนุษย์ เราไม่เล็งเห็นบุคคลที่เราควรไหว้ ควร

ลุกรับ หรือควรเชื้อเชิญด้วยอาสนะ เพราะว่า ตถาคตพึงไหว้ พึงลุกรับ หรือพึงเชื้อเชิญ

บุคคลใดด้วยอาสนะ แม้ศีรษะของบุคคลนั้นก็จะพึงขาดตกไป
.


ที่มา    พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค เวรัญชกัณฑ์
พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน

---------------------------------------------------------------------------- 

ใครเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่เกี่ยวกับองค์ปฐม จะทราบว่า
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะไหว้พระพุทธเจ้าองค์ปฐม

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
   :015::015: :015: :25: :015::015::015:        :043:องค์พระบรมโพธิสัตว์ เมื่อครั้งประสูติจากพระครรภ์ ทรงประทับยืนบนพื้นปฐพีด้วยพระบาททั้งสองแล้วทอดพระเนตรไปทั่วทั้งสิบทิศ จากนั้นจึงหันพระพักตร์สู่ทิศอุดร เสด็จดำเนินด้วยพระบาทไป ๗ ก้าว แล้วทรงเปล่งอาสภิวาจา ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะดุจเสียงท้าวมหาพราหมมีว่า
                  "เราเป็นผู้เลิศ เป็นผู้ประเสริฐที่สุด เป็นผู้เจริญที่สุดในโลก การเกิดของเราครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว"
        :043:พระบรมโพธิสัตว์ ทรงเปล่งอาสภิวาจาถึงปานนี้นั่นก็เท่ากับว่าสัตว์อื่นผู้ยิ่งกว่า ประเสริฐกว่า เจริญกว่า องค์พระบรมโพธิสัตว์นั้นไม่มี ดังนั้นการที่เวรัญชพราหมณ์กล่าวเยื่องนั้นจึงเป็น "เสขะบุคคล" เป็นเพียงผู้ตั้งอยู่ในไตรสรณะเท่านั้น
        :043:ครั้งหนึ่งในการประสูติของพระบรมโพธิสัตว์นั้น มีพระดาบสตนหนึ่งมีนามว่า อสิตดาบส หรือมีอีกนามว่า กาฬเทวิลดาบส บำเพ็ญเพียรอยู่ใกล้ป่าหิมพานต์ เป็นผู้มีฤทธิ์มากและมีความคุ้นเคยเป็นที่เคารพนับถือของราชสกุลศากยะได้ทราบข่าวว่าพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะประสูติแล้วจึงเข้าไปเยี่ยมในพระราชนิเวศน์พระดาบสครั้นเห็นพระราชกุมารมีพระลักษณะถูกต้องตามมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ทุกประการ จึงร่ำไห้ระคนหัวเราะแล้วก้มลงกราบพระราชกุมาร เหตุที่ร่ำไห้เพราะท่านนั้นอยู่ไม่ทันได้เห็นพระราชกุมารเจริญวัยแล้วออกบวชได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า ในส่วนที่หัวเราะเพราะพระราชกุมารนี้ เมื่อเจริญวัยไปในอนาคตจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก จึงกล่าวคำทำนายถวายพระเจ้าสุทโธทนะว่า “พระราชกุมารนี้ เมื่อเจริญวัยไปในอนาคต ถ้าอยู่ครองเพศฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก”                                                                                                                                                                                             :coffee2:                                                                             
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2010, 10:45:24 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา