ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โหราศาสตร์ กับ พุทธศาสน์ ไปด้วยกันได้หรือไม่ ?  (อ่าน 4876 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
วันนี้วันพระ ครับได้มาสวดมนต์ที่วัด บวร ฯ แล้วก็งัดโน๊ตบุ๊คออกมานั่งตามข่าวในเว็บ สักหน่อยหายไปนานครับ ในช่วงวันสงกรานต์



เริ่มหัวข้อ เรื่องไว้ว่า โหราศาสตร์ กับ พุทธศาสน์ ไปด้วยกันได้หรือไม่ ?

ที่จริงว่าไปตามแต่อดีต ก็จะเห็นพวก พราหมณ์ นั้นมาบวชในครั้ง พุทธกาล เป็นจำนวนมาก และก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์จำนวนมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นผมว่าคติ และ ความประพฤติ ของพราหมณ์ ก็ยังไม่หมดไปในหมู่สงฆ์แม้จะเป็นพระอรหันต์ ดังนั้นจึงเห็นว่า พุทธศาสนา ( เอาในประเทศไทย ) จะเห็นว่า พิธีของพราหมณ์ จึงถูกสอดแทรกกันไว้อย่างเหนียวแน่น

กับมาเรื่อง โหราศาสตร์ ถ้าบอกว่าไม่เป็นจริง ก็ยังมีพุทธประวัติ หลายตอน เกี่ยวกับการทำนาย เช่น

1. ตอนเจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติ ก็มีการ ชุมนุม พราหมณ์ 108 คน มาทำนาย ( ดูดวง )ให้กับเจ้าชายสิทธัตถะ
   ในจำนวนนั้น มีพราหมณ์ชื่อว่า อัญญาโกณฑัญญะ ( พระอรหันต์ รูปแรก ) เชื่อมั่นในคำทำนายถึงกับออกบวช  รอเจ้าชายสิทธัตถะเลย พร้อมสหาย

2. พราหมณ์ผู้เคาะกระโหลก แล้วทำนายบอกสถานที่ไปเกิด ( คติ )ของผู้ตายได้ ชื่ออะไรจำไม่ได้

3. พระพุทธเจ้า พระองค์เองก็ยังทำนายเรื่องต่าง ๆ เช่น พระสุบินของพระเจ้าปัสเสนทิโกศล หรือ พุทธพยากรณ์ เหตุการณ์ ต่าง ๆ จะด้วยญาณ หรือ ด้วยการศึกษา แต่ก็ชี้ชัดว่า

 โหราศาสตร์ กับ พุทธศาสน์ เหมือนวิ่งคู่ไปด้วยกัน

  พูดถึงความพร้อม แม้องค์พระมหากษัตริย์ เองก็ยังต้องใช้อยู่ เช่น พิธีแรกนาขวัญ ของเมืองไทยเรา นี่ก็เป็นพิธีเกี่ยวกับเรื่อง ฤกษ์มงคล ต่าง ๆ

 โหราศาสตร์ เป็นเรื่องที่ ทำให้เกิดกำลังใจ แรงบันดาลใจ เพื่อที่จะใช้ชีวิต ในโลกเยี่ยงปุถุชน
 พุทธศาสน์ เป็นเรื่องที่ ทำให้เกิดปัญญา ในการสละ ละออก จากสังสารวัฏฏ์ ของปุถุชน


บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: โหราศาสตร์ กับ พุทธศาสน์ ไปด้วยกันได้หรือไม่ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 21, 2010, 08:17:44 pm »
0
มนต์พยากรณ์.......ในส่วนของพราหมณ์ที่มี
  :015: :015: :015:  :bedtime2:  :015: :015: :015:
:043:ในการประสูติของพระบรมโพธิสัตว์นั้น มีพระดาบสตนหนึ่งมีนามว่า อสิตดาบส หรือมีอีกนามว่า กาฬเทวิลดาบส บำเพ็ญเพียรอยู่ใกล้ป่าหิมพานต์ เป็นผู้มีฤทธิ์มากและมีความคุ้นเคยเป็นที่เคารพนับถือของราชสกุลศากยะได้ทราบข่าวว่าพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะประสูติแล้วจึงเข้าไปเยี่ยมในพระราชนิเวศน์พระดาบสครั้นเห็นพระราชกุมารมีพระลักษณะถูกต้องตามมหาบุรุษลักษณะทุกประการ จึงกล่าวคำทำนายว่า  “พระราชกุมารนี้ เมื่อเจริญวัยไปในอนาคต ถ้าอยู่ครองเพศฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก”
:043:เมื่อพระราชกุมารมีพระชันษาได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะได้เชิญพราหมณ์ ๑๐๘ ท่าน มาฉันโภชนาหารภายในพระราชนิเวศน์ แล้วให้คณะพราหมณ์เหล่านั้น คัดเลือกพราหมณ์ ๘ ท่าน ที่เชี่ยวชาญการทำนายลักษณะคนมาทำนายพระลักษณะของพระราชกุมาร พราหมณ์ ๗ ท่านแรก เมื่อตรวจดูพระลักษณะของพระราชกุมารแล้ว ได้ทำนายเป็น ๒ ทางว่า “ถ้าอยู่ครองเพศฆราวาส พระราชกุมารจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าเสด็จออกผนวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า” ส่วนโกณฑัญญะพราหมณ์ ผู้มีอายุน้อยที่สุดในคณะพราหมณ์ ๘ ท่าน ได้ทำนายยืนยันเป็นทางเดียวว่า “พระราชกุมารจักเสด็จออกผนวชและจักตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน”
:043:พระวังคีสะ เกิดในวรรณะพราหมณ์ เป็นชาวแคว้นโกศล นอกจากศึกษาจบไตรเพทแล้วยังได้ศึกษา “สีสมนต์ (มนต์ที่ทำให้รู้ว่าคนตายไปเกิดที่ใด ด้วยการเคาะกะโหลกศีรษะ)” ท่านมีความชำนาญในมนต์นี้มาก และได้อาศัยเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ ท่านและเหล่าพราหมณ์พวกของท่านตระเวนไปแสดงความสามารถตามเมืองต่างๆ ครั้งหนึ่งท่านและเหล่าพราหมณ์พวกของท่านมายังเมืองสาวัตถีและพำนักอยู่ใกล้ประตูทางเข้าวัดพระเชตะวัน เพื่อจะชักชวนพุทธศาสนิกชนที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้าให้หันมาเลื่อมใสบ้าง พวกพราหมณ์และเหล่าพุทธศาสนิกชนต่างโต้เถียงและท้าทายกัน ท่าน(วังคีสะพราหมณ์)จึงขอตามพุทธศาสนิกชนไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยเพื่อจะได้ประลองวิชากัน พระพุทธองค์ทรงรับคำท้าของท่าน(วังคีสะพราหมณ์) ด้วยการนำกะโหลกคนตายมา ๕ กะโหลก กะโหลกคนตายที่ไปเกิดในนรก, กะโหลกคนตายที่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน, กะโหลกคนตายที่ไปเกิดเป็นมนุษย์, กะโหลกคนตายที่ไปเกิดเป็นเทวดา, และกะโหลกพระอรหันต์ ท่าน(วังคีสะพราหมณ์)เคาะกะโหลกคนตายแล้วบอกได้เป็นลำดับ จนถึงกะโหลกสุดท้ายท่านไม่สามารถบอกได้ จึงรู้สึกอับอายและยืนหยุดนิ่งไม่ยอมปริปากพูด พระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงหนทางของการเป็นพราหมณ์ ท่าน(วังคีสะพราหมณ์)จึงทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงสอนวิชาให้โดยคิดว่าเมื่อเรียนวิชาแล้ว จะทำให้รู้ที่เกิดของพระอรหันต์อันเป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงชีพต่อไป พระพุทธเจ้าทรงรับที่จะสอนแต่ทรงวางเงื่อนไขให้ท่านบวช เมื่อพระพุทธองค์ทรงบวชให้ท่าน(วังคีสะพราหมณ์)แล้วทรงมอบหมายให้ท่านเป็นสัทธิวิหาริกของพระนิโครธกัปปะ เพื่อสอนให้ท่านบำเพ็ญสมถ-วิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานท่านก็บรรลุอรหัตผล ซึ่งเท่ากับว่าได้สำเร็จวิชาสีสมนต์แล้ว พระพุทธองค์ทรงตั้งพระวังคีสะไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านปฏิภาณกวี.
                                                                                                                                                                             :coffee2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2010, 10:34:20 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา