ช่วยพระอาจารย์ตอบเท่าที่เข้าใจคำถามนะครับ เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่พระอาจารย์ตอบอยู่คนเดียว จะตามดูไม่ทัน หากมีสิ่งใดไม่ถูกต้องพระอาจารย์โปรดแก้ไขให้ด้วย
[คัดลอกมา
กุศลกรรมบถ 10 ประการ
โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) จากหนังสือ "หนีนรก" หน้า 10 - 11
กรรมบถ 10 ประการ มีดังนี้
1. กายกรรม ทำทางกาย 3 ประการ
1. ไม่ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ไม่ยุให้คนอื่นฆ่า และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นฆ่าสัตว์แล้ว
2. ไม่ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น โดยที่เจ้าของไม่อนุญาตด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้คนอื่นถือเอา และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นถือเอาของเขาแล้ว
3. ไม่ละเมิดกามารมณ์ในบุตร ภรรยา สามี ของผู้อื่น ไม่ยุให้คนอื่นละเมิด และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นละเมิดแล้ว
ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นการปฏิบัติทางกาย ให้ละเว้นโดยเด็ดขาด
2. วจีกรรม กล่าวทางวาจา 4 ประการ
1. ไม่พูดจาที่ไม่มีความจริง
2. ไม่พูดวาจาหยาบ ให้เป็นที่สะเทือนใจของผู้รับฟัง
3. ไม่พูดวาจาส่อเสียด ยุยงให้ผู้อื่นแตกร้าวกัน หรือไม่นินทาคนอื่น
4. ไม่พูดวาจาที่ไม่มีประโยชน์ คือวาจาใดที่พูดไปไร้ประโยชน์จะไม่พูดวาจานั้น
ทั้ง 4 ประการนี้ จะไม่พูดเองด้วย ไม่ยุยงให้คนอื่นพูดด้วย และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นพูดแล้วด้วย
3. มโนกรรม คือ การคิดทางใจ 3 ประการ
1. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น โดยที่เจ้าของไม่อนุญาตให้ด้วยความเต็มใจ คือ ไม่คิดลักขโมย ยื้อแย่ง คดโกง เป็นต้น
2. ไม่คิดจองล้าง จองผลาญ จองเวร จองกรรม ผู้ใด คือ ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่นในทุกๆ กรณีนั่นเอง
3. มีความเห็นตรงต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีอารมณ์คัดค้านคำสอนของพระองค์ และปฏิบัติตามจนมีผลตามที่ต้องการ
ความรู้สึกนึกคิดทางใจ 3 ประการนี้ ไม่คิดเองด้วย ไม่ยุให้ผู้อื่นคิดด้วย และไม่ยินดีเมื่อมีผู้อื่นคิดแล้ว ]
-------------------------------------------------------------------------------
การที่พระอาจารย์กล่าวว่ากุศลกรรมบถ 10 ตัดกรรมนั้น เพราะว่าการที่เรางดเว้นการเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา และใจนั้น ก็คือการไม่สร้างกรรมไม่ดีกับผู้อื่น จึงเป็นการตัดกรรมไม่ดีที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับตัวเราอยู่แล้ว ซึ่งกุศลกรรมบถ 10 นี้ โดยภาพรวมแล้วคือ ศีล 5 ที่เพิ่มสัมมาวาจาอีก 3 อย่าง และมโนกรรม 3 อย่าง คืออบรมใจ ให้ปราณีตยิ่งขึ้นเรื่อยๆไปนั่นเอง
ในขณะที่เราฝึกสมาธินั้น โดยกายภาพเราก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนผู้ใด โดยวาจาเราก็ไม่ได้พูด มีแต่บริกรรมอยู่ในใจ โดยใจนั้น ถ้าจิตเราจดจ่ออยู่กับคำภาวนา ฐานจิต และการวางอารมณ์อยู่ในปัจจุบัน (ตามแนวมัชฌิมากรรมฐาน) ก็เท่ากับเรามีกุศลกรรมบถ 10 ครบถ้วนแล้วในขณะนั้น คือไม่สร้างอกุศลกรรม ในขณะเดียวกันก็กำลังสร้างกุศลกรรมที่มีอานิสงส์มาก
ในการเจริญสมถกรรมฐาน (สมาธิ) หากศีลบกพร่องแล้ว มักจะได้ผลไม่ค่อยดีนัก ในแบบแผนการปฏิบัติจึงมักให้ตั้งใจสมาทานศีล 5 ก่อน
ศาสนาพุทธนั้นไม่มีการล้างบาป แต่อาจสามารถบรรเทาผลกรรมหรือวิบากที่จะเกิดขึ้นได้ จากหนักอาจจะเป็นเบา โดยทำกุศลกรรมมากๆ ทั้ง ทาน ศีล และที่สุดคือภาวนา จนถึงที่สุด คือ พระอรหันต์ ซึ่งกรรมหลังจากบรรลุอรหันต์แล้วก็จะไม่ส่งผลอีก สำหรับบุคคลทั่วไป อกุศลกรรมอาจไม่ส่งผลก็ได้หากมีการอโหสิกรรมให้
ดูเรื่องการอโหสิกรรม
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=560.0