ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านอื่นรู้แต่อนาตคตที่เปลี่ยนแปลงได้ มีพระพุทธเจ้ารู้อนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  (อ่าน 4052 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
0
A "จริงหรือคะ ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูป แล้วพระพุทธศาสนาจักมีอายุถึง 5000 ปี"

ในทางปฏิบัติ เป็นไปไม่ได้ว่า "ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูป แล้วพระพุทธศาสนาจักมีอายุถึง 5000 ปี" เพราะพระพุทธองค์เป็นสัพพัญญู  สามารถเห็นอนาคตที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง  เมื่อท่านเห็นว่าพุทธศาสนาจักมีอายุ 5000 ปี อนาคตนี้จึงเปลี่ยนแปลงไม่ได้

ในทางทฤษฎี ที่อนาคตที่ยังไม่ถูกทำนายโดยพระพุทธเจ้า อนาคตอันนั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเรื่อง

จึงเป็นไปได้ว่า "ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูป แล้วพระพุทธศาสนาจักมีอายุถึง 5000 ปี" เพราะอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงไป  คนในศาสนาอื่น เช่น อิสลามและคริสต์ อาจจะสามารถตีความได้ว่า จิตบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าก็คือ อัลเลาะห์ หรือยะโฮวา หรือพระบิดานั่นเอง


B "จริง หรือ พระพุทธรูปไม่ใช่สัญลักษณ์ของพระศาสนาพุทธ"

พระพุทธรูปเป็นเพียงตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่เป็นจิตบริสุทธิ์(พระเจ้าที่เป็นพระบิดา)  เรากราบไหว้พระพุทธเจ้า ก็คือ เรากราบไหว้จิตบริสุทธิ์  ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ใช่จิตบริสุทธิ์....เราจะไปกราบไหว้หาพระแสงอะไรเล่า

เหมือนกับในศาสนาคริสต์ พระรูปของพระเยซูเป็นตัวแทนของความเมตตากรุณาของพระเจ้า(พระเจ้าที่เป็นพระบุตร)  ชาวคริสต์กราบไหว้จิตบริสุทธิ์ที่เป็นตัวแทนของความเมตตากรุณาของพระเจ้า   ถ้าพระเยซูไม่ใช่จิตบริสุทธิ์ที่เป็นตัวแทนของความเมตตากรุณาของพระเจ้า....ชาวคริสต์จะไปกราบไหว้หาพระแสงอะไรเล่า

ตาลีบัน ไม่สามารถเข้าใจเรื่องพระพุทธรูปเป็นเพียงตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่เป็นจิตบริสุทธิ์(พระเจ้าที่เป็นพระบิดา หรืออัลเลาะห์) จึงได้ทำลายรูปปั้น ภาพเขียนต่างๆ ในอัฟกานิสถาน = ตาลีบัน เหยียดหยามจิตบริสุทธิ์(พระเจ้าที่เป็นพระบิดา หรืออัลเลาะห์)  ผลกรรมอันนั้นทำให้ตาลีบันถูกลบออกจากแผนที่โลก

คำตอบในข้อB ของผม สามารถตอบคำถามข้อแรกของคุณได้ด้วย ที่คุณถามว่า "จริงหรือคะ ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูป แล้วพระพุทธศาสนาจักมีอายุถึง 5000 ปี"  เพราะถ้าไม่มีพระพุทธรูป อนาคตก็อาจจะเปลี่ยนแปลง และเป็นไปได้ว่า คนในศาสนาอื่น เช่น อิสลามและคริสต์ อาจจะสามารถตีความได้ว่า จิตบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าก็คือ อัลเลาะห์ หรือยะโฮวา หรือพระบิดานั่นเอง

++++ เรื่องที่ผมบอกนี้ คนที่จิตไม่บริสุทธิ์ ยกย่องศาสนาของตน เหยียดหยามศาสนาอื่น  ยากที่จะตีความได้ ++++
บันทึกการเข้า

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมคิดว่าการยอมรับศาสนาอื่น ๆ นั้นก็คือการยอมรับพระเจ้าครับ


กิจแรกของผมคือเชื่อ กลับใจ และละจากทางบาปทั้งปวง

กิจที่สอง ประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูที่มีต่อผม และดำรงค์ชีวิตอย่างถูกต้อง

กิจที่สาม แสวงหาพระพักต์พระองค์ ซึ่งตรงนี้หลายคนรวมทั้งผมได้ยินได้สัมผัส ได้เห็น

แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราชข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้า พระองค์ ...สดุดี 23:4

พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรคาของข้าพระองค์ ...สดุดี 119:105

ความสว่างส่องเข้ามาในความมืดและความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่ ...ยอห์นฺ 1:5

เพราะพระเยซูเป็นทางเดียว และเป็นทางที่แคบ

ไม่แปลกเลยที่เวลาใครจะชวนให้ผู้คนเชื่อหมอดู หมอผีก็เชื่อกันง่าย

พระต่าง ๆ เขาก็เชื่อกันง่าย

แต่เมื่อเราเอ่ยนามพระเยซู กลับเป็นเรื่องแปลกที่ทุกคนไม่ยอมรับความจริง

และผู้ที่รับใช้พระองค์ก็ถูกข่มเหงจากผู้คน มีการทดลองเข้ามาตลอด

จริง ๆ อย่างที่คุณว่าครับ พระเจ้าทั้งชี้ ทั้งบอกผู้คนให้มาทางพระเยซู แต่ก็ไม่มีใครมองเห็น

พระองค์เป็นทางแคบ ดูแล้วเดินลำบาก เพราะสอนแต่สิ่งที่ยากที่จะทำได้ อย่างรักศัตรู แค่การคิดก็ผิด อดทนต่อความยากลำบาก อยู่ในโลกแต่ได้มีส่วนกับการเกี่ยวข้องในบาปของโลก

ครับ เป็นทางแคบที่นำไปสู่สันติสุขจริง ๆ และพิสูจน์ได้ด้วย
บันทึกการเข้า

chatchay

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 244
  • เกิดเป็นคนต้องมีดี บวชทั้งทีต้องสร้างดีให้กับตน
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง ที่คุณ tuenum ยกไว้



พระ พุทธรูปเป็นเพียงตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่เป็นจิตบริสุทธิ์(พระเจ้าที่  เป็นพระบิดา)  เรากราบไหว้พระพุทธเจ้า ก็คือ เรากราบไหว้จิตบริสุทธิ์   ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ใช่จิตบริสุทธิ์....เราจะไปกราบไหว้หาพระแสงอะไรเล่า




แต่ผมไม่ได้คล้อยตามแบบนั้นนะครับ

 การกราบพระพุทธรูป แบบชาวพุทธไทย นั้น กราบด้วยจุดประสงค์ 3 ประการ

   1.ในฐานะที่พระพุทธเจ้าเป็นพระสัพพัญญู ที่ควรบูชา เป็นตถาคตโพธิสัทธา ครับ

       เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นบรมครู

   2.ในฐานะที่พระพุทธเจ้าทรงคุณย่อ 3 ประการ คือ

      1.พระบริสุทธิคุณ  2.พระมหากรุุณาธิคุณ 3. พระปัญญาธิคุณ

       และพระพุทธคุณ 9 ประการ ในบทสวด อิติปิีโส ( บทสรรเสริญพระพุทธคุณ )

   3.ในฐานะเป็นที่พึ่ง ทางใจ  พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

      การพึ่งพระพุทธเจ้านั้น มีการพึ่งทางใจเป็นหลัก

      โดยเฉพาะที่เราชาวพุทธ พึ่งกันอยู่ถึงปัจจุบันก็คือ พึ่งพระธรรม

      ดูก่อน วักกลิ  ผู้ใดฉวยจับแม้ซึ่งชายผ้าของเราอยู่ แม้ทัศนาเราอยู่ ผู้นั้นชื่อว่าไม่เห็นเรา ( ตถาคต )

    ส่วนผู้ใดเห็นธรรมะแล้วไซร้ ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเราตถาคต


    ที่นี้วิจารณ์ คำว่า จิตบริสุทธิ์ ในทางพระพุทธศาสนา ตามพระดำรัสโอวาทปาฏิโมกข์นั้น

   ใช้ภาษาบาลีว่า สจิตฺต ปริโยทปนํ  การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

       และพระองค์ก็ทรงตรัสวิธีการที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ( ไม่ใช้คำว่าจิตบริสุทธิ์ )

     1. ขันติคือความอดกลั้นเป็นตบะอย่างยิ่ง

     2. ผู้รู้ทั้งหลายกล่าว พระนิพพาน เป็นธรรมอันยิ่ง

     3. ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็น สมณะเลย

     4. ผู้ทำสัตว์ให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็น บรรพชิตเลย

     5. การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย

     6. การสำรวมระวังในปาฏิโมกข์

     7. การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด
   
     8. การหมั่นประกอบทำจิตให้ยิ่ง

     
     ไม่ตีความรวน หากเชื่อ และ เคารพในพระพุทธองค์

     การเกิดอุบัติของพระพุทธเจ้า จักมิได้มี จนกว่าพระพุทธเจ้าพระนามเมตตรัยะ จะปรากฏ

    ข้อความในจักวัติสูตร ( แสดงอายุของพระพุทธศาสนา พุทธทำนาย กล่าวถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

   องค์ต่อไป )

     " เราเป็นบรมศาสดา เป็นเอก "
   
     เพราะฉะนั้นไม่เหมาตีความ ว่าพระพุทธเจ้า เหมือนพระเยซู พระอัลเลาะห์ หรือ พระเจ้าที่ไหน หรือพระศิวะ

   แต่ พุทธะ คือ พุทธะ ซึ่งไม่มีอีกจนกว่าพระพุทธองค์ต่อไปจักมาอุบัติ

     ในกัปป์นี้ มีพระพุทธเจ้าเพียง 5 พระองค์ ดำเนินมาแล้ว 4

     พระพุทธศาสนา จำเริญมา 2553 ปี ไม่มีประวัติเหยียดหยามศาสนาอื่นใด ไม่รังเกียจศาสนาอื่น ๆ ไม่ปิดกั้น

  ศาสนาเข้ามาเผยแผ่ และ ไม่ก่อสงครามศาสนา ที่ผ่านมามีแต่บรรดาศาสนาอื่น ล้วนย่ำยีชาวพุทธ ทั้งเผา

  ทำลาย เฆ่นข้า ชาวพุทธช่วยเหลือคนทุกศาสนา ในขณะที่ศาสนาหาคนที่ใจกว้างได้น้อยมาก ๆ ที่จะมาช่วย

  ชาวพุทธ

     สนทนาเพียงเท่านี้ก่อน




  NOte     คุณ Servival ถ้าจะเป็นชาวคริสต์นะ
 



 :25: :25: Aeva Debug: 0.0005 seconds.Aeva Debug: 0.0006 seconds.Aeva Debug: 0.0006 seconds.Aeva Debug: 0.0005 seconds.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2010, 08:27:44 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
โทษอันใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินแล้วต่อพระรัตนตรัย ด้วย กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ขอพระรัตนตรัย โปรดจงงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
B "จริง หรือ พระพุทธรูปไม่ใช่สัญลักษณ์ของพระศาสนาพุทธ"

พระพุทธรูปเป็นเพียงตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่เป็นจิตบริสุทธิ์(พระเจ้าที่เป็นพระบิดา)  เรากราบไหว้พระพุทธเจ้า ก็คือ เรากราบไหว้จิตบริสุทธิ์  ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ใช่จิตบริสุทธิ์....เราจะไปกราบไหว้หาพระแสงอะไรเล่า

พระพุทธรูปเป็นเพียงพุทธนิมิต (อายตนะภายนอก/รูป) ที่น้อมมาสถิตย์ไว้ในหทัย (ผัสสะมาสู่

อายตนะภายใน/ตา) เป็นอนุสสติที่ใจน้อมระลึกนึกถึง และกำกับด้วยบทน้อมบูชาพุทธคุณ 9 หรือย่อไว้เพียงคำ

สั้นๆว่า "พุทโธ" ด้วยคำกล่าวที่ว่า

"นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ พุทฺโธ เม สรณํ วรํ"

สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า

เราชาวพุทธให้ความสำคัญกับการน้อมกราบด้วยเหตุผลสามประการ...ดังนี้

พระปัญญาคุณ 1,   พระบริสุทธิคุณ 1,   พระมหากรุณาคุณ 1


ผมคิดว่าการยอมรับศาสนาอื่น ๆ นั้นก็คือการยอมรับพระเจ้าครับ


กิจแรกของผมคือเชื่อ กลับใจ และละจากทางบาปทั้งปวง

สพฺพ ปาปสฺส อกรณํ    การเว้นจากการกระทำบาปทั้งปวง

ผมคิดว่าการยอมรับศาสนาอื่น ๆ นั้นก็คือการยอมรับพระเจ้าครับ


กิจที่สอง ประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูที่มีต่อผม และดำรงค์ชีวิตอย่างถูกต้อง

กุสลสูปสมฺปทา   การถึงพร้อมด้วยกุศล

ผมคิดว่าการยอมรับศาสนาอื่น ๆ นั้นก็คือการยอมรับพระเจ้าครับ


กิจที่สาม แสวงหาพระพักต์พระองค์ ซึ่งตรงนี้หลายคนรวมทั้งผมได้ยินได้สัมผัส ได้เห็น

เป็นทางแคบที่นำไปสู่สันติสุขจริง ๆ และพิสูจน์ได้ด้วย

สจิตฺตปริโยทปนํ   การทำจิตให้ผ่องแผ้ว

     " เราเป็นบรมศาสดา เป็นเอก "
   
     เพราะฉะนั้น พุทธะ คือ พุทธะ ซึ่งไม่มีอีกจนกว่าพระพุทธองค์ต่อไปจักมาอุบัติ   

     พระพุทธศาสนา จำเริญมา 2553 ปี ไม่มีประวัติเหยียดหยามศาสนาอื่น ไม่ปิดกั้นศาสนาอื่น

  ชาวพุทธช่วยเหลือคนทุกศาสนา

แม้จะมีสรณะหลากหลาย ต่างวาระ ต่างชื่อ แต่ อริยสัจจ์ หรือ สัจจะแท้ มีเพียงหนึ่งเดียว เป็นสากล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2010, 03:24:24 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนโง่ไม่เพลิดเพลินในความเข้าใจแต่เพลิดเพลินในการแสดงความคิดเห็นของตนเท่านั้น ...สุภาษิต 18:2

สวัสดีครับผมเป็นคริสต์เตียน ผมจะมากล่าวหัวข้อเรื่องศาสนาให้ผู้คนที่ยังไม่เข้าใจ ได้เข้าใจนะครับ

ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ซึ่งตรงนี้ผมบอกได้เลยครับว่าถูกต้อง 100%

เพราะไม่งั้นแล้ว เขาคงไม่เรียกกันหรอกครับว่าศาสนา

และทุกศาสนาหลัก ๆ สอนให้เราทำความดี ละความชั่ว รักษาจิตใจให้ดี

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไม่มีใครดีได้ 100% เต็ม เพราะทุกวันก็คิดไม่ดีแล้ว แม้แต่การอ่านบอร์ดนี้คุณก็อาจคิดพิพากษากล่าวโทษผมแล้ว

ผมยอมรับเลยครับว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ใจกว้าง ยอมรับฟังเหตุ และผล

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณ ไม่สามารถศึกษาพระธรรม และสิ่งต่าง ๆ ได้เพราะคุณมีผลมาจากเคราะห์กรรมเวรกรรม ที่มันจะคอยบังตาปิดหูของคุณอยู่

ไม่ว่าต่อให้คุณจะพยายามทำสิ่งใด ก็จะมีปัญหามาเรื่อย ๆ หรือปัญหาใหม่แก้ได้ ปัญหาเก่าก็ผุดขึ้นมา
บันทึกการเข้า

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พุึทธัง สะระณัง คัจฉามิ  ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นทีพึ่ง ที่ระลึกถึง

ธังมัง สะระณํง คัจฉามิ  ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นทีพึ่ง ที่ระลึกถึง

สังฆ้ง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นทีพึ่ง ที่ระลึกถึง

  ที่พึ่งอื่นเสมอเหมือน มิได้มี เราเป็นผู้ปราศจากซึ่งความสงสัยแล้ว ต่อพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่ง

เราเป็นอุบาสก และ อุบาสิกาในธรรม

    :25: :25:
บันทึกการเข้า

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปัพพะตานิ วะนานิ จะ,
อารามะรุกขะเจต๎ยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา

มนุษย์เป็นอันมาก, เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ว ก็ถือเอาภูเขาบ้าง,
ป่าไม้บ้าง, อารามและรุกขเจดีย์บ้างเป็นสรณะ

เนตัง โข สะระณัง เขมัง, เนตัง สะระณะมุตตะมัง,
เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะ ทุกขา ปะมุจจะติ

นั่น มิใช่สรณะอันเกษมเลย, นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด,
เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว, ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต,
จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปัญญายะ ปัสสะติ

ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว,
เห็นอริยสัจคือความจริงอันประเสริฐสี่ด้วยปัญญาอันชอบ

ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง,
อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง ทุกขูปะสะมะคามินัง

คือเห็นความทุกข,์ เหตุให้เกิดทุกข์, ความก้าวล่วงพ้นทุกข์เสียได้,
และหนทางมีองค์แปดอันประเสริฐเครื่องถึงความระงับทุกข์

เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง,
เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ

นั่นแหละเป็นสรณะอันเกษม, นั่นเป็นสรณะอันสูงสุด,
เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว, ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

บันทึกการเข้า