พราหมณ์ทำนายว่า หาคู่ให้พระราชกุมารได้แล้ว
และพระนางจะเป็นพระพุทธมารดา
ครั้นเวลารุ่งเช้า ดำรัสให้หาพราหมณ์ผู้เป็นบิดาโกณฑัญญพราหมณ์มาทำนายพระสุบิน แลพราหมณ์นั้นพิจารณาในลักษณะพระสุบินด้วยศิลปศาสตร์แห่งตนๆ แล้วกราบทูลทำนายดุจเห็นด้วยทิพยจักษุญาณว่า พระองค์มีพระทัยประสงค์จะอภิเษกพระสุทโธทนราชกุมาร บัดนี้พราหมณ์ทั้ง ๘ ไปได้นางกุมารีอันทรงเบญจกัลยาณี แลอิตถีลักขณะบริบูรณ์พร้อม กปิลวตฺถุปุรํ นิวตฺเตตฺวา แลนิวัฒนาการมาสู่เมืองกบิลพัสดุ์ จึงตรัสถามว่าเมื่อได้นางกุมารีอันบริบูรณ์ด้วยอิตถีลักขณะดังนี้ จะมีคุณแก่เราเป็นประการใด เทว นรินฺท ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ในสมบัติคุณอันใดจะมีแก่พระองค์ก็หามิได้ แลพราหมณ์ทั้งหลายไปได้นางรัตนกัญญา นางนั้นจะเป็นพระมารดาแห่งพระสัพพัญญูเจ้า อันจะให้ซึ่งนิพพานสุขแก่สัตว์โลก จึงตรัสถามว่าพราหมณ์ทั้ง ๘ นั้นจะมาถึงสำนักเราเมื่อใด ข้าแต่บรมบพิตรผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐพระพุทธเจ้าข้า พราหมณ์ทั้ง ๘ นั้นจะมาถึงสำนักของพระองค์ในกาลบัดนั้น เหตุดังนั้น จึงทรงพระสุบินนิมิตให้เห็นประจักษ์ในพระกมลสันดาน สมเด็จบรมกษัตริย์ได้ทรงสวนาการก็เบิกบานบันเทิงพระหฤทัย ทรงพระโสมนัสยิ่งนัก
พราหมณ์อำมาตย์ ๘ คน กลับเข้าเฝ้าถวายรายงาน
เมื่อพระเจ้าสีหหนุราชตรัสอยู่กับมหาพราหมณ์ผู้ทำนายพระสุบิน พอพราหมณ์ทั้ง ๘ มาถึงกรุงกบิลพัสดุ์ นำเอาเครื่องราชบรรณาการเข้ามาถวายแล้วกราบทูลเหตุ ซึ่งไปแสวงหานางแก้วได้สมดังพระราชหฤทัยปรารถนา นางนั้นเป็นราชธิดาพระเจ้าชนาธิปราชเมืองเทวทหนคร เป็นศักยราชวงศ์อันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชทรงพระโสมนัสตรัสถามถึงสมบัติแลรี้พลพาหนะราชบริวารแห่งพระยาเทวทหนครนั้น มีมากน้อยสักเท่าใด พราหมณ์ก็กราบทูลสรรเสริญสมบัติและพลพาหนะแห่งพระเจ้าเทวทหนครนั้นมีเป็นอันมาก ด้วยพระคาถาว่า สกฺยวํสิสฺสโรราชา เป็นอาทิ อรรถาธิบายความเป็นสัมภาวนกถา สรรเสริญสมบัติแห่งพระเจ้าชนาธิปราช แล้วสรรเสริญโฉมพระสิริมหามายาราชธิดาว่างามหากษัตรีในโลกจะเปรียบเสมอสองมิได้โดยนัยพิสดาร แล้วกราบทูลตามยุบลคดี ซึ่งพระเจ้าชนาธิปราชดำรัสถาม แลเรื่องความอันตนกราบทูลแต่หลังแล้วตรัสยอมอนุญาตให้พระราชธิดานั้น
นัดวันวิวาหมงคล
สมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชจึงรับสั่งให้ประชุมกษัตริย์ศักยราชทั้ง ๖๐๐,๐๐๐ พระองค์ ปรึกษาพร้อมกันแล้วก็จัดให้กษัตริย์ ๓ พระองค์กับสุดิตมัตตเสนาบดีแลสุทธิยอมาตย์ คุมเครื่องราชบรรณาการไปกับพราหมณ์ทั้ง ๘ สู่เมืองเทวทหนคร กราบทูลนัดการวิวาหมังคลาภิเษก
พระเจ้าชนาธิปราชก็ทรงพระโสมนัส จึงตรัสส่งกษัตริย์ ๓ พระองค์ กับอุปาหนเสนาบดีแลสุปดิษฐอมาตย์ให้คุมเครื่องราชบรรณาการตอบไปถวายสมเด็จพระเจ้าสีหหนุราช กำหนดการวิวาหมงคล
ขบวนเสด็จไปกรุงเทวทหะ
พระเจ้าสีหหนุราชจึงได้ตกแต่งมรรคาแต่กบิลพัสดุ์ไปตราบเท่าถึงเมืองเทวทหนคร ประดับด้วยอลังการต่างๆ แล้วจัดกษัตริย์ศักยราชวงศ์ขึ้นทรงกุญชรชาติ ๒,๐๐๐ ประดับหัตถาภรณ์ แล้วให้พระสิริสุทโธทนราชโอรสทรงช้างต้นพระยาเศวตไอยรารัตนปัจจัย แวดล้อมไปด้วยกษัตริย์ ๑๐๑ พระองค์เป็นบริวารแล้วจัดสินธพยาน ๓,๐๐๐ ให้ศักยราชกุมารขึ้นทรงถ้วนทุกตัวม้าแห่เสด็จโดยขบวนหน้าหลังแลมีพลเดินเท้าล้วนถือธนู ๙๐๐,๐๐๐ แห่ไปเบื้องหน้าแห่งคชาพาหนยาตร แล้วให้จัดเกวียนบรรทุกข้าวสารสัญชาตสาลี ๓๐,๐๐๐๑ เล่ม แลเกวียนบรรทุกทรัพย์พัสดุสิ่งของต่างๆ ๔,๐๐๐ เล่มเกวียน บรรทุกมัจฉมังสาผลาผลสิ่งของบริโภคทั้งปวง ๖,๐๐๐ เล่ม ให้ล่วงหน้าไปก่อน สยํ ส่วนองค์พระเจ้าสีหหนุราชก็ทรงมงคลหัตถีแลช้างพระประเทียบทั้งปวงตามเสด็จแวดล้อมด้วยหมู่มุขเสนามาตย์ คหบดี เศรษฐี ทวิชาจารย์ แลจตุรงคโยธาหาญเป็นอันมาก เสด็จยาตราพลาพลไปเบื้องหลัง
พระเจ้าชนาธิปราชารับเสด็จ ณ อโสกอุทยาน (อยู่ในป่าลุมพินี)
ชนาธิปราชา ส่วนสมเด็จพระเจ้าชนาธิปราชทรงทราบข่าวว่า พระเจ้าสีหหนุราชเสด็จยาตราพลมา ก็เสด็จทรงพระราชยานน้อยแวดล้อมด้วยเสนามาตย์ราชพิริยโยธาหาญ ออกจากพระนครไปถึงอโสกอุทยาน ยานา โอตาเรตฺวา จึงเสด็จลงจากพระราชยานเสด็จดำเนินด้วยพระบาทไปทำปัจจุคมนาการรับเสด็จสมเด็จพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์ ถวายบังคมทูลเชิญเสด็จประเวสพระนคร สมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชทอดพระเนตรเห็นป่าลุมพินีอันใหญ่กว้าง เป็นที่รัมณียสถาน จึงตรัสแก่พระเจ้าชนาธิปราช ขอพักพลประทับอยู่ในที่นั้น พระเจ้าชนาธิปราชให้รี้พลแผ้วถางภูมิประเทศที่นั้นถวาย
พระเจ้าสีหหนุตรัสให้สร้างมหามณฑปและปราสาท ๑ องค์
ส่วนพระเจ้าชนาธิปทรงให้สร้างปราสาท ๒ องค์
พระเจ้าสีหหนุราชจึงตรัสสั่งสุรัตนวัฒกีอมาตย์ นายช่างผู้ใหญ่ให้กระทำมหามณฑปกว้างถึงกึ่งประโยชน์ กอปรด้วยเสาถึง ๘๐๐ ต้น แล้วให้กระทำปราสาททององค์หนึ่งมีพื้น ๑๙ ชั้น ในอโสกอุทยานให้นามโกกนุทปราสาท ส่วนพระเจ้าชนาธิปราชก็ให้สร้างปราสาท ๒ องค์ได้นามธัญมุตปราสาทองค์ ๑ เวฬุปัตปราสาทองค์ ๑ ณ พระอุทยานนั้น
สร้างเพื่อใช้เป็นสถานมหามงคลวิวาหะในเดือน ๔
แลการปราสาททั้ง ๓ สำเร็จในเดือนหนึ่งบริบูรณ์ ครั้งถึงผคุณมาส พระเจ้าชนาธิปราช จึงให้ตกแต่งพระนครงามดุจดาวดึงส์เทวโลก แล้วให้ตกแต่งปราสาททั้ง ๓ และมหามณฑปในอโสกอุทยาน ในท่ามกลางมหามณฑปนั้นตั้งไว้ซึ่งกองแก้ว ๗ ประการ สูงประมาณชั่วลำตาลหนึ่ง ลาดด้วยผ้ากัมพลอันหาราคามิได้ เป็นบัลลังก์สำหรับจะราชาภิเษก ครั้นเวลารุ่งเช้าก็อัญเชิญพระสิริมหามายาราชธิดา ให้โสรจสรงเสาวคนธ์จันทโนทกธารา แล้วทรงเครื่องสิริราชกัญญาวิภูสนาภรณ์พร้อมเสด็จแวดล้อมด้วยคณาเนกนางขัตติยราชกุมารีแสนหนึ่งเป็นบริวาร
ราชา ส่วนสมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชก็อันเชิญพระเจ้าสิริสุทโธทนราชโอรส ให้โสรจสรงสุคนโธทกธารา แล้วทรงราชาภิษิกพัสตร์รัตนราชปิลันธนาภรณ์พร้อมเสร็จ พออุตมฤกษ์ก็อัญเชิญเสด็จขึ้นทรงอลงกตมหามงคลราชรถ อันห้อยย้อยไปด้วยแก้วมีประการต่างๆ เทียมด้วยสินธพชาติทั้ง ๔ มีสีดังดอกกุมุทเสด็จไปสู่มหามงคลมณฑปที่ราชาภิเษก
หมู่เทวดาและพรหมร่วมยินดี แสดงตัวให้พระราชาทอดพระเนตร
ตสฺมึ ขเณ ขณะนั้นก็ร้อนถึงบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ สมเด็จอมรินทราธิราชทรงพระอาวัชนาการทราบเหตุ จึงเสด็จแวดล้อมด้วยเทพบริวารเป็นอันมาก ดำรัสให้พระวิสสุกรรมเทพบุตรถือเอาซึ่งทิพยภูษา แล้วให้นางสุชาดาเทพอัปสรกัญญานำหน้าอมรบรรษัทลงสู่กรุงเทวทหนคร ในกาลนั้น หมู่ภุมเทพยดา และรุกขเทพยดา อากาศเทพยดาทั้งหลาย ก็ชวนกันอุโฆษณาสาธุการโกลาหลนี่สนั่น เทพยดาในชั้นฉกามาพจรสวรรค์แลมหาพรหมตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชตลอดถึงภวัครอกนิษฐภพ ได้สดับศัพท์สาธุการก็ชวนกันโสมนัสปรีดา แลท้าวสหัมบดีมหาพรหมพระหัตถ์เบื้องขวาทรงรัตนภิงคารพระเต้าแก้ว เต็มไปด้วยทิพยสุคนโธทก พระหัตถ์เบื้องซ้ายทรงรัตนจังโกฏก์ผอบแก้วเต็มไปด้วยสัตตรัตนมณี แลท้าวสุทธาวาสมหาพรหมพระกรทรงทิพย์เศวตฉัตรอันใหญ่ดุจบุรุณจันทรมณฑลลงสู่เทวทหนคร สมเด็จพระเจ้าชนาธิปราชได้ทอดพระเนตรเห็นเทพยคณะบรรษัททั้งหลาย ลงมาเป็นอันมาก ก็ทรงพระโสมนัสตรัสสรรเสริญบุญบารมีพระราชธิดาแห่งพระองค์อันเป็นมหัศจรรย์
สกฺโก วิสฺสุกมฺมํ อาณาเปตฺวา สมเด็จอมรินทราธิราชจึงตรัสสั่งวิสสุกรรมเทพบุตรให้กระทำพื้นลานรอบมหามณฑป แลมรรคากึ่งโยชน์อันจะมาแต่พระนคร ตราบเท่าถึงพระอุทยานนั้น ให้ราบรื่นพื้นเสมอเป็นอันดี เทพยดาทั้งหลายก็มาประชุมเล่นมหรสพภิเษกสมโภชในที่นั้นๆ
ขบวนพระราชธิดามายามีพระอินทร์
ส่วนพระสิริมหามายาทรงเครื่องแล้วแวดล้อมด้วยนางขัตติยกัญญาแสนหนึ่งเป็นบริวาร เสด็จลงจากปราสาทมาทรงราชรถ แลนางสุชาดาเทพอัปสรอสุรธิดา ก็ทรงทิพยรถยานออกจากพระนครไปสู่อุทยาน แวดล้อมด้วยคณาเนกนางเทพอัปสรเป็นบริวารนำหน้ารถพระสิริมหามายาราชบุตรี สมเด็จท้าวโกสีย์แลพระเจ้าชนาธิปราช กับทั้งสุนันทาเทวีราชชนนีแลหมู่นางสนมนารีนิกรกัญญา กับกษัตริย์ขัตติยวงศาทั้งหลายเป็นอันมากก็ตามไปในเบื้องหลัง หมู่เทพบรรษัททั้งหลายก็ถือฉัตรแลธงชายธงปฏากแห่ไปทั้งสองฟากถนนวิถี เทพยดามนุษย์ทั้งปวงก็มาสโมสรสันนิบาต นั่งแวดล้อมมหามงคลวิวาหมณฑปอยู่โดยรอบในขณะนั้น อันว่าทิพยมณฑาบุบผชาติ แลนานาทิพยกุสุมวัสสธารก็บันดาลตกเต็มทั่วพื้นภูมิสถาน โดยยาวได้สองโยชน์กว้างได้โยชน์หนึ่งแต่ล้วนกองดอกไม้ทิพย์อันตกลงมาสูงเสมอหลังม้า
ขบวนพระราชกุมารสุทโธทนะมีท้าวมหาพรหม
ส่วนสมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชก็ให้ตรวจเตรียมพลสารสินธพพยุหยาตร แลให้พระสิริสุทโธทนราชกุมารลงจากราชรถ เสด็จขึ้นทรงมงคลเศวตหัตถี อันมีนามรัตนปัจจัยกุญชร เบื้องบนหลังดาดด้วยข่ายเงินทองแก้วทั้ง ๗ ประการ แลตั้งซึ่งสุวรรณรัตนปราสาทเป็นราชาอาสน์ที่สถิต มีกษัตริย์ศักยราชวงศ์ ๑๐๑ พระองค์แวดล้อมเป็นบริวาร แลท้าวสุทธาวาสมหาพรหมทรงซึ่งทิพยเศวตฉัตรอันใหญ่นำเสด็จไปในเบื้องหน้า และราชกุมารทั้งสอง คือ พระสุกโกทนะแลอมิโตทนะผู้เป็นพระอนุชาเสด็จทรงมงคลราชรถอันเดียวกัน พร้อมด้วยจตุรงคโยธาหาญแห่ตามท้าวมหาพรหมไปในเบื้องหน้าพระคชาธารพระสิริสุทโธทนเชษฐา สมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชก็เสด็จแวดล้อมด้วยขัตติยวงศ์ศักยราช ๖๐๐,๐๐๐ ไปในเบื้องหลัง ช้างพระที่นั่งพระราชโอรส แลหมู่เทพยดาทั้งหลายก็แวดล้อมไปเป็นอันมาก กษัตริย์ทั้งสองฝ่าย เสด็จมาถึงซุ้มทวารพระอุทยานแล้วเสด็จเข้าสู่มหามณฑปกับด้วยเทพยเจ้าทั้งปวง
พรหมสุทธาวาสจูงพระสุทโธทนราชกุมาร นางสุชาดาธิดาอสูรจูงพระราชธิดามายา
ให้ทรงจับพระหัตถ์อภิเษกสมรส
ฝ่ายท้าวสุทธาวาสมหาพรหมกำหนดซึ่งกาลอันได้อุดมมหุติฤกษ์แล้ว ก็จูงพระหัตถ์พระสิริสุทโธทนราชกุมารขึ้นสถิต ณ เบื้องบนกองแก้ว นางสุชาดาอสุรินทรธาดาก็จูงพระหัตถ์พระสิริมหามายาขึ้นสถิตบนรัตนราศีที่อภิเษกนั้น แลกษัตริย์ทั้งสองก็จับพระหัตถ์ซึ่งกันและกัน สมเด็จท้าวสหัสนัยน์ ก็เป่าทิพย์วิไชยุตมหาสังข์ทักขิณาวัฏ ปัญจสิขคันธรรพเทพบุตรก็ดีดซึ่งพิณสามสาย เทพยดา มนุษย์ทั้งหลายก็ประโคมทิพยดุริยางค์แลมนุษย์ดุริยางค์ บันลือศัพท์โกลาหลนี่สนั่นพร้อมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว แลท้าวสุทธาวาสมหาพรหมก็หลั่งทิพย์อุทกธาราจากรัตนภิงคาร ถวายมุทธาภิสิญจนาการแล้วกล่าวมงคลสารประสิทธิ์พรโดยอเนกบรรยาย
เกิดแผ่นดินไหวและพระราชมารดาบูชาหมู่เทพ
ขอให้พระธิดาประสูติพระโอรสแล้วได้เป็นพระสัพพัญญู
ขณะนั้น ก็บังเกิดมหัศจรรย์ต่างๆ มีพื้นพสุนธรากัมปนาทเป็นต้น อันว่าห่าฝนแก้ว ๗ ประการก็บันดาลตกลงจากอากาศเต็มตลอดปริเวณโยชน์หนึ่ง โดยรอบมหามณฑปนั้น เทพยดาทั้งหลายทั่วจักรวาฬก็โปรยปรายสัตตรัตนมณี นฤโฆษศัพท์สาธุการเอิกเกริกโกลาหลบันลือลั่นเป็นอันเดียว ตั้งแต่พื้นภูมิภาคตลอดถึงภวัครพรหม แลกษัตริย์ทั้งหลายมีสมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชเป็นอาทิ แลมหาชนบรรษัทเห็นมหัศจรรย์ดังนั้น ก็มีโลมชาติสยดสยอง แซ่ซ้องสรรเสริญพระกฤษดาภินิหารแห่งกษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์ เสียงนฤโฆษ ครุวนาดุจเสียงมหาเมฆอันกึกก้องในท้องมหาสมุทร
ส่วนพระสุนันทาเทวีก็จุดธูปเทียนกับทั้งสุคนธบุปผชาติบูชาเทพยดาทั้งหลาย แล้วตรัสประกาศด้วยบาทพระคาถาว่า สพฺเพ เทวา จ นาคา จ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่เทพยดาทั้งหลายอันมีมหิทธิฤทธิ์ จงสดับคำแห่งข้าพเจ้า ขอให้ราชธิดาของข้าพเจ้าประสูติพระโอรส ให้ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในโลก เป็นอาทิดังนี้ วนฺทิตฺวา แล้วถวายวันทนาบูชาแก่กษัตริย์ทั้ง ๒ แลบรรดากษัตริย์ทั้งหลายมีสมเด็จพระเจ้าสีหหนุราชเป็นอาทิ ก็อภิวาทบูชาแก่กษัตริย์ทั้ง ๒ ดุจนั้น
ท้าวมหาพรหมแลเทพยดาก็กระทำสักการบูชาด้วยนานาทิพยสุคนธ์ กุสุมชาติเหล่าอสุรราชทั้ง ๘ คนก็บูชาด้วยผลมะตูมสุกอันนำมาแต่ป่าหิมพานต์ ท้าวเวสวัณมหาราชก็บูชาด้วยทิพยภูษาต่างๆ อันตกลงแต่ไม้กัลปพฤกษ์ บนยอดหิมวันตบรรพตกับทั้งผลหว้าอันเกิดแต่ชมพูพฤกษ์ประจำทวีป แต่เครื่องสักการบูชาแห่งเทพยดาทั้งหลายกองสูงชั่วลำตาลหนึ่ง แลหมู่อมรินทรพรหมต่างถวายมงคลพรมีอเนกประการ แลเล่นมหรสพสมโภชถึง ๗ วันเป็นกำหนด แล้วท้าวเทพยดาทั้งหลายก็ถวายโอวาทนุศาสน์ให้ตั้งอยู่ในเบญจางคิกศีล แล้วก็นิวัตนาการสู่เทวโลก