หลวงพ่อพุฒ.
12 ปี...หลวงปู่สรวงละสังขาร บวชเนกขัมมะฯหล่อรูปเหมือน
มิตรภาพไร้พรมแดน......ตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้น มวลมนุษยชาติไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใด เชื้อชาติและภาษา สามารถที่จะอพยพไป ดำรงชีพด้วยสันติสุขได้ทั่วทุกอณูพิภพ.....
ดั่งรูปธรรมที่เกิดขึ้นในอดีต หลายยุค.....อย่างพระสงฆ์จากศรีลังกาธุดงค์มาถึงสุโขทัยเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา หรือ พระถังซัมจั๋งจากจีนมุ่งสู่อินเดียอัญเชิญพระไตรปิฎก และ พระสงฆ์จากสยาม ข้ามอาณาจักรฝึก ปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน.....
....แม้จะได้รับความลำบากแต่ก็ไม่มีอะไรขวางกั้น เพิ่งจะขีดเส้นกันเมื่อไม่กี่ทศวรรษ...!!!O O O
หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน
ยามนั้น....มิใช่เฉพาะสงฆ์จากบ้านเราเท่านั้นที่ข้ามแดน ก็มีจำนวนไม่น้อยจากเพื่อนบ้านเข้ามาในเรือนเรา แล้วสร้างกัลยาณมิตรบำเพ็ญธรรมจนมวลชน ศรัทธาและเลื่อมใส ดั่ง.....หลวงปู่สรวง
นักบวชชราท่านนี้เป็นชาวกัมพูชา ได้ข้ามพนมดองเร็ก (พนมดงรัก) อันเป็นเส้นกั้นชายแดนเมื่อใดไม่มีใครรู้ ผู้เฒ่าวัย 90 ขึ้น บอกว่า ตอนยังเด็กๆก็เห็นหลวงปู่สรวงแล้ว...ส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่อำเภอขุนหาญกับขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ซึ่ง......มักจะพักตาม กระท่อมในไร่นาของ ชาวบ้าน แล้วแวะเวียนไปในที่ต่างๆ....นานๆ จะกลับมาให้เห็น ณ ที่เดิมอีกที ชาวบ้านที่ได้สัมผัสจะยกย่องว่าเป็นผู้วิเศษ เรียก “ลูกอ็อวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ”
(...เป็นภาษาเขมร หมายถึงดาบสที่รักษาศีลอยู่ตามถ้ำหรือป่าเขา...)O O O
เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่สรวง
ลูกตาเบ๊าะหรือ หลวงปู่สรวง.......มักทำตัวแปลกๆ นอกจากจะห่มจีวรเช่นภิกษุทั่วๆไป บางวันก็นุ่งกางเกง วันไหนนึกสนุกจะนุ่งผ้าถุงผืนเดียวไม่ใส่เสื้อ แถมชอบอยู่ตามกระท่อมร้างกลางทุ่งมากกว่าวัด
...วันไหนที่อากาศหนาวเหน็บกลับชอบอาบน้ำ และแช่ตามห้วยหนองคลองบึง ส่วนวันที่อากาศร้อนอบอ้าวก็จะนั่งผิงไฟ ซึ่งก่อขึ้นเองอย่างโชติช่วง หากมีใครเอาอะไรไปให้ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของใช้ ก็จะโยนเข้ากองไฟหมดโดยไม่สนใจของมีค่าใดๆ..... จึงไม่มีใครรู้ว่าอาหารการกินนั้น “กินที่ไหน อย่างไร”
หลวงปู่สรวงเป็นพระที่มักน้อย สมถะ สันโดษ มีอุเบกขาสูงสุด ให้ความ เมตตากับผู้ที่ไปหาทุกๆคน ให้ความสำคัญ เท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ดี เศรษฐี ยากจน จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษแก่คนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะแม้แต่คนเดียวO O O
เหรียญหลวงปู่สรวงเม่ืือครั้งละสังขาร
หลวงปู่สรวงจะมีพฤติกรรมแปลกๆ......หากได้พบถ้าใครยื่นกระดาษให้บอกว่าขอของดี มักจะได้อักขระเป็นภาษาขอม ว่า “ ออยเตียน เมียนบาน (ให้ทานแล้วจะร่ำรวย)” หรือ “เทอเจิด ออยสะโลก (ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แจ่มใส)” หรือ “เต็อวเวียด เรียะษะเซ็ล (ไปวัดรักษาศีล)”
หรือ....“ออยเตียน สะรูญ (ให้ทานความสุข)” และอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นปริศนาธรรม และ ถ้าเขียนเป็นตัวเลขจะตรงเผงทุกงวด ไม่ว่าจะเป็นหวยรัฐหวยใต้ดินหรือหวยหุ้น สร้างความเลื่อมใสกับนักเสี่ยงโชคเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเรียกว่า.... “เทวดาเดินดิน”
ซึ่ง.......ก็มิอาจที่จะพบกับ “เทวดาเดินดิน” ได้ง่ายๆ เพราะบางวันก็จะเห็นเดินลัดเลาะอยู่แถวบ้านละลม บ้านจะบก อำเภอบัวเชด บางวันก็พบที่เขาพระวิหารและกันทรลักษ์.....นู้น
...ผู้ที่ศรัทธาจึงพยายามตามหา.....มีโชคก็เจอ ไม่มีโชคก็แห้วทั้งชีวิต...!!!O O O
ตามปกติ......หลวงปู่สรวงจะอยู่ตามป่าเขาที่เงียบสงบ ล่วงถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปี 2543 หลวงปู่ไปพักอยู่กระท่อมข้างลำห้วย เชิงเขาดงเร็ก หลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา จัดดอกไม้ ธูป เทียนทำขันธ์ห้าขันธ์แปด ผ้าขาว 1 ผืน กับเงิน 24 บาท (ของเหล่านี้ถือเป็นเครื่องสักการ-บูชาครูอาจารย์ตามธรรมเนียมโบราณ)...นำไปถวาย
หลวงปู่สรวงรับแล้วนั่งสงบสมาธิพักใหญ่ จึงพนมมือสวด นโม อิติ ปิโส ภะคะเวีย แล้วร่ายยาวต่อด้วยเตียน-บาระเม็ย พร้อมทั้งได้มอบข้าวเปลือก 6 กำ ทองคำ 9 แผ่น เป็นปริศนาธรรม แก่หลวงพ่อพุฒ ให้เป็นแง่คิดและถือปฏิบัติแห่งเมตตาบารมี
เป็นการสวดโปรดศิษย์ครั้งสุดท้าย.....8 กันยายน 2543 หลวงปู่สรวงก็ละสังขาร....!!!O O O
ศิษยานุศิษย์ร่วมบุญกับหลวงพ่อพุฒ
จากวันนั้นถึงวันนี้.....กาลเวลาล่วงครบ 1 รอบ (12 ปี) พอดี
พระครูโกศล สิกขกิจ (หลวงพ่อพุฒ วายาโม) พร้อมด้วยเหล่าศิษยานุศิษย์ จึงจัดกิจกุศลเพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่สรวง “เทวดาเดินดิน” ณ วัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ ศรีสะเกษ ......ระหว่าง 5 ถึง 9 กันยายน
ซึ่ง......วันแรกถึง 7 กันยายน จัดพิธีกรรม “บวชเนกขัมมะบารมี” (เนกขัมมะบารมี....เป็นการสร้างบารมีที่เกิดจากการบวช หมายถึงการละเหย้า ละชีวิตทางโลกไปสู่ชีวิตอันบริสุทธิ์ เพื่อปลดเปลื้องจากโลกียวิสัยไปบำเพ็ญเพียรให้ปลอดราคะตัณหา อันเป็นบุญกุศลแก่ผู้ปฏิบัติ.....ทั้งชายหญิง)......และเจริญสมาธิภาวนาO O O
8 กันยายน....เริ่มตั้งแต่ตี 4 ร่วมปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ต่อด้วยถวายภัตตาหารภิกษุสงฆ์ 09.39 น. บวงสรวงเทพยดาและบูชาหลวงปู่สรวง หลังถวายเพล ถึง 14.00 น. พระสงฆ์สวดทักษิณานุปทาน ต่อด้วยทอดผ้าบูชาคุณ 2,555 กอง
...เวลา 15.09 น. พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์เข้าสู่พิธีเททองหล่อยอดมณฑปปราสาทและรูปเหมือนหลวงปู่สรวง 19.00 น.ร่วมทำวัตรเย็น เจริญสมาธิภาวนา
รุ่งขึ้น......อันเป็นวันสุดท้ายของกิจกรรม ตั้งแต่เช้าตี 4 ผู้บวชเนกขัมมะบารมีร่วมเจริญสมาธิภาวนา แล้วทำบุญตักบาตรสงฆ์ ถึง 09.00 น. จึงลาสิกขา
เป็นการ....เสร็จกิจกุศล ฉลอง 12 ปี บูชามหาปูชนียาจารย์ผู้สืบสานพระพุทธศาสนา....ให้จารึกสถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา...!!!
ก้อง กังฟูขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/column/life/badal/287844