หัวข้อ: ทำไมน้องไม่แต่งงาน? (อ่าน 2962 ครั้ง)

raponsan · « **เมื่อ:** เมษายน 27, 2012, 10:47:04 am »

ทำไมน้องไม่แต่งงาน?

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ ช่วงนี้หันไปทางไหนก็ได้ยินเสียงระฆังวิวาห์ดังก้องกังวานไปทั่ว
(ขอแทรกความรู้ภาษาไทยเสียเลย ก้องกังวาน สะกดด้วย น.หนูนะคะ ไม่ใช่ กังวาล ที่สะกดด้วย ล.ลิง)
ซึ่งในขณะที่เสียงเพลงแต่งงานดังขึ้นในใจใครหลายคน
แต่เสียงเพลงที่ดังในใจคุณครูอยู่ตลอดเวลากลับเป็นเพลงนี้ค่ะ
“งานแต่งที่ใดเป็นได้แค่แขกรับเชิญ”

ก็คิดดูสิคะ..ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา คุณครูเป็นแขกรับเชิญเดินสายงานแต่งงานถึง 5 งานเลยทีเดียว ดูขนาดบรรดาดาราคนบันเทิงก็พร้อมใจกันจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายอย่างที่ผ่านไปสดๆ ร้อนก็คู่ของ คุณชาคริต กับ คุณวุ้นเส้น (ลูกศิษย์ครูเองค่ะ) และที่เตรียมรอจ่อคิวก็มีตั้งแต่คู่คนดังอย่าง คุณป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ กับ คุณเอ๋ พรทิพย์

รวมถึงนางเอกรุ่นน้องคณะของคุณครูเอง น้องแอฟ-ทักษอร กับ คุณสงกรานต์ เตชะณรงค์ ยังมีคู่ของ คุณชาย ชาตโยดม กับ คุณวิกกี้ สุนิสา เจ็ท และ คุณหนุ่ม อรรถพร กับ น้องฝ้าย (อันนี้แอบจำชื่อมาจากทางข่าวบันเทิง) ถ้าขาดตกบกพร่องคู่ไหนไปบ้างก็อย่าว่ากันนะคะ คุณครูภาษาไทย คลุกคลีกับวิชาการ เรื่องบันเทิงก็พอเอามาเริงใจไปวันๆ เท่านั้นล่ะค่ะ

พูดถึงเรื่องงานแต่งงาน ก็มีความรู้ภาษาไทยมาฝากกันค่ะเคยมีนักเรียนถามคุณครูว่า
คุณครูคะ ที่เขาพูดกันว่า เวลาจะไปสู่ขอเจ้าสาวนั้น ฝ่ายเจ้าบ่าวต้องให้ “เถ้าแก่/เฒ่าแก่” ไปเจรจาสู่ขอกับฝ่ายพ่อแม่ของเจ้าสาว จริงๆ แล้วต้องเป็น เถ้าแก่ หรือ เฒ่าแก่ กันแน่คะ???

คุณครูจะบอกเลยก็ดูจะธรรมดาไปหน่อย เสียชื่อยี่ห้อคุณครูลิลลี่หมดว่าแล้วก็เลยถามกลับไปว่า
“แล้วหนูคิดว่าแบบไหนถูกต้องล่ะคะลูก”
นักเรียนก็วิเคราะห์ใหญ่ เฒ่าแก่ ก็เหมือน แก่เฒ่า น่าจะหมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่าเกรงขาม
ส่วน เถ้าแก่ ก็ดูเป็นเหมือนประหนึ่งเศรษฐีร่ำรวย และมียศศักดิ์ทางสังคมเป็นที่เกรงอกเกรงใจ
คิดไปคิดมาก็ไม่แน่ใจในคำตอบของตัวเอง คุณครูจึงขอเฉลยว่า ใช้ได้ทั้ง 2 แบบค่ะ

อธิบายแบบเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเลยนะคะ
เถ้าแก่ หมายถึง ตำแหน่งข้าราชการฝ่ายในพระราชสำนัก, ผู้ใหญ่ที่เป็นประธานในการสู่ขอและการหมั้น, เรียกชายจีนที่เป็นผู้ใหญ่และมีฐานะดี, เรียกชายจีนที่เป็นเจ้าของกิจการ
เฒ่าแก่ หมายถึง ข้าราชการฝ่ายในพระราชสำนัก ผู้ใหญ่ที่เป็นประธานในการสู่ขอและการหมั้น
นั่นทำให้เห็นว่า 2 คำนี้ ใช้ได้เหมือนกันค่ะ ความหมายไม่แตกต่างจะใช้คำไหนก็ได้ ขอให้ฝ่ายเจ้าสาวตอบตกลงปลงใจเป็นพอเท่านั้นประตูวิวาห์ก็เปิดอ้ารอคู่บ่าวสาวทันที

อีกความรู้หนึ่งที่อยากให้ไว้เนื่องในโอกาสว่าด้วยเรื่อง การแต่งงาน ก็คือ คำว่า สินสอดทองหมั้นเราได้ยินคำๆ นี้มานาน จนไม่รู้กันหรอกว่า
จริงๆ แล้วสินสอดก็คำหนึ่ง ทองหมั้นก็อีกคำหนึ่งแล้ว แตกต่างกันอย่างไรล่ะคะ ...
นี่แหละค่ะ เรื่องความรู้ที่คุณครูจะเอามาบอก

คำว่า สินสอด คือ ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายหรือเจ้าบ่าวมอบให้แก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิง เพื่อเป็นการตอบแทนจากการที่ฝ่ายหญิงยอมแต่งงานกับฝ่ายชาย โดยทั่วไปหมายถึงเงินสด  

ส่วนคำว่า ทองหมั้น มาจากคำว่า ของหมั้น คือ ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายมอบให้แก่ฝ่ายหญิง ไม่ว่าจะเป็นแก้ว แหวน เงินทอง รถยนต์ ไปจนถึงบ้าน ซึ่งสมัยนี้อาจจะเป็นคอนโดมิเนียม ห้องชุด หรือที่ดิน ก็แล้วแต่เนื่องจากในอดีตนิยมให้ของหมั้นเป็นทอง เพราะเป็นที่นิยมกันมาก จึงทำให้คำว่าของหมั้น กลายเป็นทองหมั้น นั่นเอง

จุดแตกต่างหลักๆ ของสินสอด และทองหมั้น ก็คือ สินสอดมอบให้กับพ่อแม่ของฝ่ายเจ้าสาว หรือฝ่ายหญิง
แต่ทองหมั้น หรือของหมั้น เป็นสิ่งที่มอบให้กับตัวเจ้าสาว หรือฝ่ายหญิงโดยตรง
อธิบายมาถึงตรงนี้คุณครูมีคำถามทิ้งท้ายค่ะว่าระหว่าง สินสอด กับ ทองหมั้น คุณครูลิลลี่มีโอกาสจะได้ครอบครองสิ่งไหนมากกว่ากันคิดสักนิดก่อนตอบนะคะ ห้ามหัวเราะ ห้ามขำ ไม่อย่างนั้นคุณครูจะโกรธ

ขอให้ทุกคู่ก้าวสู่ประตูวิวาห์อย่างมีความสุขการแต่งงานเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของชีวิตคู่เรียนรู้ เข้าใจ และให้อภัย เป็นก้าวต่อไปที่ต้องเรียนรู้เป็นกำลังใจให้ทุกคู่อยู่ด้วยกันตราบนานนิรันดร ... สวัสดีค่ะ

คุณครูลิลลี่
www.facebook.com/krulilly2 www.kru-lilly.com
instagram :: krulilly

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.thairath.co.th/content/edu/255955