การฝึกกรรมฐานไปมรรคผล ก็ต้องเข้าให้ถึงจิต เพื่อเข้าไปล้างนิสัยเก่าของมนุษย์ให้หมดสิ้น เพื่อข้าม โคตรภู (โคตรมนุษย์) เพื่อต้องการเป็นพระอริยะ .......... จิตที่เป็นสันดานเดิม ที่ติดตัวมาแต่เกิด จิตเดิมใต้สํานึก สันดานดิบที่อยู่ก้นบึ้งตั้งแต่กําเนิดและชาติก่อนที่เคยเกิดมาแล้ว กองกระดูกเท่าภูเขา(จิตล้วนๆ)...จิตคือ(การปรุงแต่ง)แทรกอยู่ใน เบญจขันธ์ นาม-รูป
การจะเข้าไปเห็นจิตได้ ต้องพึ่งอะไร.. ต้องพึ่งสมาธิ และรวมสมาธิ ให้มรรคมีองค์แปดสมบูรณ์ จึงจะเข้าไปเห็นจิตได้
จิต หรือ จิตล้วนๆ คือการเข้าไปรู้ไปเห็น จิตตานุปัสสนา(สโตริกาญาณ ๙-๑๒)
การที่จะเข้าไปเห็นจิต รู้จิต หรือถึงตาจิต นั้น...เอาอะไรไปเห็น..สติมีส่วน สมาธิก็มีส่วน คือใช้ด้วย เพราะทําให้การรวมมรรคมีองค์แปดครบสมบูรณ์....ด้วยการรวมอํานาจ แห่งอริยมรรคมีองค์แปด (รวมมรรคให้เป็นหนึ่งเดียว)
ขอขยายกลับไปที่เหตุ
ศึกษา พระลักษณะ พระรัศมี ก็เพื่อเข้าถึงและเข้าใจนามรูปคือ เบญจขันธ์
นามรูปทางปริยัติคือขันธ์๕ เบญจขันธ์
นามรูปทางการภาวนานั้นไม่ใช่
แต่หมายถึงจิต ที่รู้ ที่เห็น ที่กําหนดได้
นามรูปปรากฏเพราะมีการกําหนดได้
นามรูปไม่ปรากฏเพราะกําหนดไม่ได้
ดังนั้นญาณที่๑ ในวิปัสสนาญาณ คือ นามรูปปริทเฉทญาณ
นามรูปคือธรรมสภาวะที่ปรากฏชัดเจน
ด้วยอํานาจอริยมรรคมีองค์แปดที่สมบูรณ์
เมื่อมรรคมีองค์แปดสมบูรณ์รวมเป็นหนึงเดียว
จิตล้วนๆๆ ก็ปรากฏด้วยอํานาจแห่งมรรค
กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ สอน การรวมมรรคมีองค์แปดให้สมบูรณ์ เพื่ออริยมรรค
เพื่อจะได้เห็นความจริง ทุกสิ่ง ทุกอย่าง......
ขยาย และ เรียบเรียง แต่งเติม เสริม ต่อ จากคําตอบของครูอาจารย์ ก็ว่ากันไป