นับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ทุกท่านแม้จะอ่านกันยังไม่เข้าใจ ผมเองก็พยายามทำความเข้าใจ
นั่นแสดงให้เห็นว่า ใจในการภาวนา ส่วนนี้น่าจะเหมือนกัน นะครับ
1. สิ่งแรกก็คือ สมาธิ มีความสำคัญมาก
เพราะสมาธิ เป็น มรรคองค์สุดท้ายที่คนปัจจุบัน ภาวนาไม่ค่อยจะกันผ่านครับ จึงได้ไปเลือกฝึกสติ ให้เป็นสมาธิกัน ซึ่งใช้เวลามากกว่าการฝึกสมาธิโดยตรง ครูอาจารย์ท่านกล่าวว่า ความสมบูรณ์ของมรรค คือความสมบูรณ์ของผู้ที่จะได้ธรรมจักษุ ครับ ดังนั้นพวกเราคงหนีเรื่องสมาธิ ไม่ได้ครับ 2. การเข้าถึงธาตุ เป็นเรื่องที่ต้องภาวนา ให้ถึง ไม่ใช่ไปเรียนรู้หรือจำให้ถึง
การเข้าถึงธาตุ มีในกรรมฐาน มัชฌิมาแบบลำดับ อันนี้ผมว่ามาถูกทางแล้วนะครับ เพราะว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสสอนพระโอรสของท่าน ก็คือ เรื่องธาตุ นี้เป็นเรื่องแรกเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น จูฬราหุโรวาทสูตร หรือ มหาราหุโรวาทสูตร ผมว่าธาตุเป็นเรื่องแรกที่เราควรทำความเข้าใจครับ เพราะในขันธ์ 5 เรียกว่า รูป ก็ปรากฏเป็นส่วนแรกนะครับ และปัญหาจริง ๆ ที่เราเป็นทุกข์กันนั้นก็มาจากธาตุ ทั้งสิ้นใช่หรือไม่ครับ
3. นามรูป เนื่องด้วยอุปาทายรูป
อุปาทายรูป คือ อะไร ?
4. อุปาทายรูป มีนับเนื่อง จาก จริมกวิญญาณ หรือ อภิสังขารวิญญาณ
ตรงนี้เริ่มไม่เข้าใจ เหมือนกันครับ ?
5. วิญญาณ คือ นิพพาน วิญญาณในนี้น่าจะหมายถึงการดับการปรุงแต่งที่ผัสสะ
แล้วทำไม วิญญาณ จึงเป็นนิพพานไปได้ ละครับ อย่างนี้จัดเป็นบัญญัติใหม่หรือไม่ ครับ เห็นในทางอภิธรรม ให้ความหมายของนิพพานมี 28 แบบ แต่ไม่มี วิญญาณ
6. นิพพานมีได้ เพราะเข้าถึง นามรูป
อันนี้อาจจะผิดนะครับ น่าจะใช้คำว่า นิพพาน มีได้ เพราะ นามรูปดับ นะครับ พิจารณาจากปฏิจจสมุปบาท ดูก็คือ อวิชชา ไป สังขาร ไป นามรูป ดังนั้น เพราะนามรูปดับ สังขารดับ อวิชชาดับ นิพพานครับ
อนุโมทนาครับ ผมว่าพระอาจารย์ออกข้อธรรมทดสอบเราอยู่นะครับ ตอนนี้