ผมโดยส่วนตัวแล้วชอบทำสมถะก่อน กล่าวคือต้องทำใจให้สงบคลายความฟุ้งซ่านก่อน หลับตานั่งบริกรรมภาวนาฟุ้งร้อยเรื่องให้เหลือสิบ สิบให้เหลือหนึ่ง มันจะมากี่เรื่องจิตปัคคหะบริกรรมอย่าหยุดหน้าที่เดียวที่ให้ใจมันทำคือบริกรรมคำเดียวเรื่องเดียว ใครจะเคกหัวยางดีดหน้าข้าเฉยในกิจในใจของตัวของตนอย่างเดียวเท่านั้น พุท-โธ เน้นๆตามจังหวะหัวใจเต้น ซึ่งทั้งนี้อยู่ที่จริตทำสมถะจนเคย ส่วนวิปัสสนามีให้ทำในขั้นตอนภาวนา แต่ผมไม่ค่อยจะใส่ใจทำ หากจะทำให้ได้ดีสมถะเป็นพื้นฐานหลักต้องมีก่อนชนิดขาดเสียมิได้เลยหละ ผมนั้นโดยจริตวิปัสสนาไม่ค่อยไปต้องเรียกว่ายากกว่ามากถ้าจะเอาแบบวิปัสสนาล้วนๆ เพราะวิปัสสนาต้องเข้าใจทุกข์หรือจะวิปัสสนาเห็นทุกข์ในแบบกรรมฐานยกมือในสายหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ก็ขลังใช้ได้เพื่อนๆหลายท่านเห็นผลกล่าวยืนยันแต่ผมเคยลองแต่ไม่ถึงที่สุดคือทิ้งจริตไม่ได้ ซึ่งที่จริงทุกข์นั้นพิจารณาเห็นได้อยู่ในชีวิตเราเราท่านท่านแต่มันไม่ขาดไม่วาง เหตุเพราะคุมใจไม่ได้ปฏิฆะตามสันชาตญาณไปเรื่อย ทั้งนี้คนเราต้องรู้จักปลีกวิเวกแสวงหาสัปปายะที่อันสงบสงัดแห่งตนเพื่อคลายวาง สมถะวิธีมีนับ "พุท-โธ" นั้นเพียงสร้างฐานใจให้สามารถหยั่งสู่วิปัสสนาได้ แม้ไม่ขาดแต่ให้คลายวางชั่วขณะและเข้าใจทุกข์ในชีวิตมากขึ้น ใช่ว่าดี,ชั่วรู้แต่ไม่วางน่าอายครับถือว่าพาลเชื่อถือคบไม่ได้พระคล้องคอก็เท่านั้นน่าที่จะสมเพช ใจนี้บอดสนิทครับอย่างนี้ สำนักวิปัสสนาในหลากหลายแห่งมีการกำหนดวิธีอิริยาบท ยก,ย่าง,เหยียบ,ยืน หนอ จรดจบลงที่มีสติรู้ให้ทันทุกอิริยาบท ผมเชื่อว่าหลากหลายท่านอาจจะรู้สึกอึดอัดครูบาอาจารย์ให้ทำก็ทำ ผมหนึ่งหละที่ไม่ถูกจริต ใจมันร้อนวิปัสสนากำหนดสติอิริยาบท โอ้ย! ทิ้งครับ มาแบบสมถะจับตั้งนั่งนิ่งดีกว่า เดินก็เดินแบบสมถะ จะมายุบ-พอง หนอนั่นนี่ไม่ไหวครับ ถ้าจะจงกลมต้องจงกลมธาตุด้วยใจที่มันโลดโผนจึงต้องเพียรเอากับกรรมฐานวัดราชสิทธิ์ครับงานนี้