ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.  (อ่าน 9914 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เผ่าพงษ์พระกฤษณะ

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 291
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
"หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 07:26:30 am »
0
"หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.สิริมายุรวม 98 ปี ทีมแพทย์แถลงอีกครั้งเช้านี้


ภาพประกอบจาก : คมชัดลึก

รายงานข่าวจากวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่าเมื่อเวลา 03.53 น. หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ละสังขาร แล้ว สิริอายุรวม 98 ปี ซึ่งคณะแพทย์เตรียมแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งเช้านี้

สำหรับ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี นั้น นาม บัว โลหิตดี ชาติภูมิ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี  เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน๙ ปีฉลู ณ บ้านตาด อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี บิดา นายทองดี โลหิตดี    มารดา นางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน  สถานภาพ

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน   สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ  วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวงคู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี     

พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้"   เคารพพระวินัย ด้วยเดิมมีนิสัยจริงจัง จึงบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ และตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ่อย่างเคร่งครัด ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้  เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน

หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง เดี๋ยวองค์นั้นสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในป่า เดี๋ยวองค์นี้สำเร็จในเขา ในเงื้อมผาในที่สงบสงัด ท่านก็เกิดความเชื่อเลื่อมใสขึ้นมา อยากจะเป็นพระอรหันต์ พ้นจากทุกข์ทั้งปวงในชาตินี้อย่างพระสาวกท่านบ้าง สงสัย ช่วงเรียนปริยัติอยู่นี้ มีความลังเลสงสัยในใจว่า หากท่านดำเนินและปฏิบัติตามพระสาวกเหล่านั้นจะบรรลุถึงจุดที่พระสาวกท่านบรรลุหรือไม่ และบัดนี้จะยังมีมรรคผลนิพพานอยู่ เหมือนในครั้งพุทธกาลหรือไม่  ตั้งสัจจะ ด้วยความมุ่งมั่นอยากเป็นพระอรหันต์บ้าง ท่านจึงตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ ๓ ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด  เรียนจบ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ ๓ ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ ๗ พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ต่อมา ได้กลายเป็นพระอาจารย์องค์สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ออกปฏิบัติ เมื่อเรียนจบมหาเปรียญแล้ว แม้จะมีพระมหาเถระในกรุงเทพฯ สนับสนุนให้ท่านเรียนต่อในชั้นสูง ๆ ขึ้นไปก็ตาม แต่ด้วยท่านเป็นคนรักคำสัตย์ยิ่งกว่าชีวิต ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ท่านจึงเข้ากราบลาพระผู้ใหญ่ และออกปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง โดยมุ่งหน้าไปทางป่าเขาแถบจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าจำพรรษาที่ อำเภอจักราช นับเป็นพรรษาที่ ๘ ของการบวช พากเพียร ท่านเร่งความเพียรตลอดทั้งพรรษา ไม่ทำการงานอื่นใดทั้งนั้น มีแต่ทำสมาธิภาวนา-เดินจงกรมอย่างเดียวทั้งวันทั้งคืน จนจิตได้รับความสงบจากสมาธิธรรม  มุ่งมั่น แม้พระเถระผู้ใหญ่ท่านอุตส่าห์เมตตาตามมาสั่งให้กลับเข้าเรียนบาลีต่อที่กรุงเทพฯอีก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ที่จะพ้นทุกข์ให้ได้ภายในชาตินี้ ท่านจึงหาโอกาสปลีกตัวออกปฏิบัติได้อีกวาระหนึ่ง   จิตเสื่อม

จากนั้นท่านกลับไปบ้านเกิดของท่าน เพื่อทำกลดไว้ใช้ในการออกวิเวกตามป่าเขาจิตที่เคยสงบร่มเย็น จึงกลับเริ่มเสื่อมลง ๆ เพราะเหตุที่ทำกลดคันนี้นี่เอง  เสาะหา..อาจารย์ เดือนพฤษภาคม ๒๔๘๕ เดินทางไปขออยู่ศึกษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เหตุการณ์บังเอิญกุฏิที่พักเพิ่งจะว่างลงพอดี ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเมตตารับไว้ และเทศน์สอนตรงกับปัญหาที่เก็บความสงสัยฝังใจมานานให้คลี่คลายไปได้ว่า ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่างๆ เขาเป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ หากกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่ใจแล้ว จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ทั้งกิเลสในใจ

ขณะเดียวกันจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ  ปริยัติ..ไม่เพียงพอ จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาแนะต่อว่า ธรรมที่เรียนมาถึงขั้นมหาเปรียญมากน้อยเพียงใด ยังไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้ได้ แต่กลับจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา เพราะอดจะเป็นกังวล และนำธรรมที่เรียนมานั้น มาเทียบเคียงไม่ได้ในขณะที่ทำใจให้สงบ และยังจะกลายเป็นสัญญาอารมณ์ คาดคะเนไปที่อื่น จนกลายเป็นคนไม่มีหลักได้ ดังนั้น เพื่อให้สะดวกในเวลาทำความสงบหรือจะใช้ปัญญาคิดค้น ให้ยกธรรมที่เรียนมานั้นขึ้นบูชาไว้ก่อน ต่อเมื่อถึงกาลอันสมควร ธรรมที่เรียนมาทั้งหมด จะวิ่งเข้ามา ประสานกันกับด้านปฏิบัติ และกลมกลืนกันได้อย่างสนิท       

การศึกษาและปฏิบัติ ท่านได้ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จนกระทั่งหลวงปู่มั่นมรณภาพเป็นระยะเวลา ๘ ปี และถึงที่สุดแห่งธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร

ประวัติศาสตร์ช่วยชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นวันเปิดโครงการช่วยชาติ โดยมีเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เสด็จไปเป็นประธานเปิดที่สวนแสงธรรม  หลวงตาพูดว่า "(เวลานี้) น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ก็ได้ในเมืองไทยของเรา ที่ว่าพระเป็นผู้นำนี่ไม่เคยมีนะ เริ่มมีหลวงตาบัวคนเดียวนี้แหละออกประกาศตนทีเดียว โดยไม่มีใครชักชวน ไม่มีโครบอกเล่า ด้วยอำนาจแห่งความเมตตาชักชวนเอง ดูสภาพของเมืองไทยแล้วพี่น้องชาวไทยทั้งหลายต่างคนต่างมีความทุกข์ร้อนทุกหย่อมหญ้ากันไปโดยลำดับลำดาไม่ว่าสถานที่ใด ก็ทนใจอยู่ไม่ได้ จึงต้องออกความคิด ความเห็นในแง่ต่าง ๆ ที่จะนำชาติไทยของเราให้เป็นไปด้วยความแคล้วคลาด ปลอดภัย หาทางใดก็ไม่เจอ ตามความสามารถความคิดอ่านของตัวเอง หาแล้วหาเล่า หาไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องเอาหลวงตาบัวเป็นตัวประกัน นำพี่น้องทั้งหลายเพื่อจะบริจาคทรัพย์ที่มีอยู่ของตนเข้าช่วยชาติของเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ นี้แหละเริ่มต้นเหตุเป็นอย่างนี้จึงได้ออกประกาศตน"

แหล่งที่มาของข้อมูล : คมชัดลึก
บันทึกการเข้า

เผ่าพงษ์พระกฤษณะ

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 291
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 07:26:59 am »
0

ภาพประกอบจาก : เดลินิวส์

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับแรมในตัวเมืองอุดรธานี มาถึงวัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นการส่วนพระองค์  โดยมีนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำข้าราชการเฝ้ารับเสด็จฯ ที่เรือนประทับรับรอง ภายในวัดป่าบ้านตาด ก่อนเสด็จเฝ้าเยี่ยมอาการหลวงตามหาบัว ที่ห้องปลอดเชื้อกุฏิหลวงตามหาบัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่อาพาธยังพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ โดยการรักษาอาการอาพาธของหลวงตามหาบัวครั้งนี้ มีแนวคิดแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก ซึ่งหมายถึง “หมอจีน” แม้ว่าจะมีคำแถลงของคณะสงฆ์ออกมาทุกครั้งว่า การรักษาอาการอาพาธหลวงตามหาบัว จะเลือกใช้ทั้ง 2 ทาง แต่วันนี้กลุ่มเครือญาติหลวงตามหาบัว ได้ทำจดหมายเวียนลงชื่อ 89 คน ถึงคณะสงฆ์และคณะแพทย์ ไม่ยินยอมให้คณะแพทย์ใช้ยาปฏิชีวนะกับหลวงตามหาบัว หลังจากร่วมประชุมกันและได้ข้อสรุปตั้งแต่คืนวันที่ 28 ม.ค.

โดยใจความในหนังสือโดยย่อ ระบุว่า “ ด้วยลูกหลาน ญาติพี่น้อง ในองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ประชุมกันแล้ว มีความเห็นตรงกันเป็นหนึ่งเดียวว่า ขอปฏิเสธขอให้การรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะทุกประเภท และปฏิเสธการใช้สารโปรตีนแอลบูลมีนทุกประการ เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่า ก่อนใช้ยาปฏิชีวนะและสารโปรตีนแอลบูลมีนแล้ว อาการของหลวงตานั้นแจ่มใส แข็งแรง พอสมควร แต่ภายหลังการใช้ยาดังกล่าวอาการองค์หลวงตาขาดการตอบรับ ทั้งนี้การรักษาพยาบาลและดำเนินการใดๆ ต่อองค์หลวงตา ให้เป็นไปตามวิธีการของท่านอาจารย์วันชัย วิจิตโต โดยความเห็นชอบของหลวงปู่ลี กุสลธโร ตามที่คณะสงฆ์ได้ลงความเห็นร่วมกัน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ม.ค. ณ กุฏิองค์หลวงตา”

ด้านนายสมผล ตระกูลรุ่ง ตัวแทนของกลุ่มญาติของหลวงตามหาบัวฯ และนางสมจันทร์ ศิริสุวรรณ ลูกของนางศรีเพ็ญ โลหิตดี น้องสาวของหลวงตามหาบัวฯ ร่วมกันเปิดเผยว่า ญาติๆองค์หลวงตามหาบัวฯ เห็นการรักษาที่ผ่านๆมานั้น อาการยังไม่ดี โดยญาติๆ ยังมีความมั่นใจว่าการรักษาโดยวิธีการทางธรรมชาติ ซึ่งเคยรักษามาก่อนแล้วน่าจะเป็นประโยชน์ต่อธาตุขันธ์ต่อองค์หลวงตามหาบัวฯ เพราะในภาวะอย่างนี้ธาตุขันธ์ขององค์หลวงตารับไม่ได้กับยาปฏิชีวนะ ที่ผ่านมาหลวงตาเคยเทศน์เอาไว้ว่าถูกกับยาจีน  ท่านเคยหายจากโรคมะเร็งลำไส้เพราะยาจีน   
นางสมจันทร์ฯ กล่าวว่า ญาติๆของหลวงตามีความเห็นว่า อยากให้ทำการรักษาด้วยยาของอาจารย์วันชัยฯ  และการที่ญาติๆหลวงตามหาบัวฯออกมาแสดงตัวเช่นนี้ ก็ไม่ได้เจตนาที่หลบหลู่การรักษาของคณะแพทย์ แต่ญาติๆของหลวงตาฯ ต่างเห็นพ้องกัน

ต่อมากลุ่มญาติหลวงตามหาบัว ยังแจกจ่ายเอกสารอีก 1 ฉบับ เป็นข้อตกลงแนวทางการรักษาหลวงตามหาบัว วันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นบทสนทนาของ นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี  กับคณะศิษย์ฯ ยอมรับว่า ได้หยุดใช้ยาปฏิชีวนะและโปรตีนแอลบูลมีนแล้ว ให้แต่น้ำเกลือกับสารอาหาร และเครื่องช่วยหายใจแต่ไม่มาก หลังจากให้การรักษา ความดันก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนบรรยากาศที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้มีพุทธศานิกชนหลายพันคน  เดินทางมาทำบุญตักบาตรที่หน้าวัด และเข้ามาในวัดเฝ้าติดตามดูอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว   หลังจากเมื่อวันที่ 28 ม.ค. มีกระแสข่าวลือสะพัดว่า “หลวงตาจะละสังขาร” จนคณะสงฆ์ และคณะแพทย์ ต้องออกมาแถลงอาการในช่วงบ่าย ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนภายในวัดป่าบ้านตาด มีพระสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐาน หรือพระวัดป่า ทั้งใกล้และไกล เดินทางมาเฝ้าอาการหลวงตามหาบัวฯเช่นกัน มีหลายองค์จำวัดอยู่ภายในวัดป่าบ้านตาด บางองค์เดินทางกลับหลังจากทราบอาการ ขณะพุทธศาสนิกชนหลังจากใส่บาตร ได้เข้ามาร่วมทำบุญสงเคราะห์โลก ถวายผ้าป่าทองคำ ดอลลาร์เข้าคลังหลวง ผ้าป่าช่วยชาติ และผ้าป่าสร้างอาคารสงฆ์อาพาธ 98 หลวงตามหาบัว รพ.ศูนย์อุดรธานี จำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย บางส่วนคอยฟังคำแถลงอาการอาพาธของหลวงตา และคอยเวลาเข้าไปกราบหลวงตาที่กุฏิ ซึ่งคณะสงฆ์อนุญาตในบางช่วงเวลา

ด้านพระอาจารย์อินถวาย สันตุสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี อ่านแถลงว่า คณะแพทย์ได้กราบรายงานต่อคณะสงฆ์ว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงร่วมประชุมกับคณะศิษย์ หลวงตายังมีอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย สัญญาณชีพปกติ ฟังเสียงปอดด้านขวาผิดปกติ เอ็กซเรย์ปอดพบชายปอดด้านขวาทึบ แพทย์วินิจฉัยว่า มีอักเสบติดเชื้อในกระแสโลหิต หลวงตาอนุญาตให้ใช้ยาปฏิชีวนะนัดระงับอาการติดเชื้อ แพทย์ได้ถวายการรักษาเพื่อประคับประคองธาตุขันธ์ จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
     
“อาการหลวงตามหาบัว ทรงๆทรุดๆ ผู้ที่อยู่ทางไกลก็ตั้งจิตอธิษฐาน ขอประกอบคุณงามความดี สิ่งใดที่ไม่ดีก็ไม่คิด ไม่พูด ไม่ทำ เท่านั้นก็บูชาองค์หลวงตาบัวแล้ว” พระอาจารย์อินถวาย กล่าว
   
ต่อมาเวลา 15.00 น. พระอาจารย์นภดล บันทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ ร่วมกับ นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.รพ.อุดรธานี แถลงอาการอาพาธของหลวงตามหาบัวว่า วันนี้หลวงตามหาบัวยังมีอาการอ่อนเพลีย หอบเหนื่อย และมีเสมหะ ยังคงใส่เครื่องช่วยหายใจและพบยังมีไข้อยู่เล็กน้อย ความดันโลหิตเริ่มลดต่ำลง ส่วนผลเอกซเรย์ปอดพบว่า มีการอักเสบในกลีบปอดข้างขวาล่างเพิ่มมากขึ้น โดยสรุปปัญหาขณะนี้ คือ ปอดอักเสบติดเชื้อ ความดันโลหิตลดต่ำลง หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นบางครั้ง สำหรับการรักษานั้น เป็นแบบประคับประคอง โดยให้อาหารทางเส้นเลือด

เวลา 18.10 น. พระอาจารย์นภดล ได้ประกาศแถลงข่าวอาการอาพาธของหลวงตามหาบัวอีกครั้ง ซึ่งคณะแพทย์มีความเห็นว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ ทางคณะสงฆ์มีความเห็นจะแถลงอาการทุก 1 ชั่วโมง โดยเมื่อเวลา 18.00 น.หลวงตามหาบัวมีความดันลดลง อยู่ที่ 74/32 การหายใจที่หน้าอกลดลงกว่าเดิมและแรงกว่าเดิมเป็นบางครั้ง แต่ยังคงสม่ำเสมอ ต่างจากเมื่อ 15.00 น.ที่ได้แถลงข่าวอาการของหลวงมหาบัวว่ายังไม่น่าวิตกมากนัก กระทั่งเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง อาการหลวงตามหาบัวเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ เนื่องจากยาพิเศษที่ใช้รักษาหมดลงไป คณะแพทย์ต้องสั่งให้นำยาขึ้นเครื่องบินมาส่ง และได้นำมารักษาหลวงตาฯ ซึ่งในขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้น โดยความดันขึ้นมาอยู่ที่ 80/35 จนเวลา 18.50 น.ความดันอยู่ที่ 82 ซึ่งคณะแพทย์ได้เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

ล่าสุด เมื่อเวลา 03.35 น. วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงตาบัว ได้ละสังขาร แล้ว สิริอายุรวม 98 ปี คณะแพทย์เตรียมแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งเช้านี้


แหล่งที่มาของข้อมูล : เดลินิวส์
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 08:00:33 am »
0
ข้าพเจ้า พระสนธยา ธัมมะวังโส  ขอแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของ พระสุปฏิปันโน รูปหนึ่งซึ่งเป็นที่นับถือและแบบการปฏิบัติ ในสายวัดป่า

 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 12:20:32 pm »
0



บัวงามแพร้ว…สู่ดวงแก้วนิพพาน

     หนึ่งเศียรก้มกราบน้อม        หลวงตา บัวเฮย
ขันธ์ละพรากจากลา                ชาติสิ้น
นามเพรียกแต่นี้หา                 มีกล่าว
คงธาตุเพียงส่วนชิ้น              จากนี้บูชา.

                                                       ธรรมธวัช.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 30, 2011, 12:40:10 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

somchit

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 71
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:17:15 am »
0
ชาวพุทธสุดเศร้า “หลวงตามหาบัว” ละสังขารอย่างสงบ “ เจ้าฟ้าหญิงฯ” ทรงเฝ้าดูใจจนสิ้นลมหายใจ


เมื่อ วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก วัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้ละสังขารอย่างสงบแล้วเมื่อเวลา 03.53 น. ภายในห้องปลอดเชื้อกุฎิหลวงตา โดยมี ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เฝ้าดูอาการพร้อมคณะแพทย์และลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด ศพหลวงตาถูกเคลื่อนจากห้องปลอดเชื้อเข้าไปอยู่ห้องข้างๆ ซึ่งเป็นห้องพักของหลวงตา ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าว ต่างหลั่งไหลกันมาที่วัดเป็นจำนวนมาก บางส่วนซึ่งเป็นญาติและศิษย์ที่ใกล้ชิด ได้เข้าไปกราบหลวงตาภายในห้องที่กุฎิ ขณะญาติบางส่วนพากันนั่งอยู่บริเวณรอบๆ กุฎิ เพื่อรอรับการเคลื่อนศพของหลวงตามหาบัว

หัวใจหยุดเต้นเวลา 03.53 น.

ต่อ มาเมื่อเวลา 07.00 น. ที่ศาลาเล็กภายในวัดป่าบ้านตาด หลวงปู่ลี กุสลธโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และ นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวถึงอาการอาพาธของหลวงตาว่า เวลา 02.49 น.หลวงตามีอาการทรุดลง อยู่ในภาวะวิกฤติ ระดับความดันโลหิตเริ่มต่ำลง ตรวจพบสมองหยุดทำงาน เวลา 03.25 น. ตรวจพบม่านตาขยาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า เวลา 03.40 น. ชีพจร 54 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/49 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ เวลา 03.50 น. ชีพจร 49 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/16 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ เวลา 03.53 นาที หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจ

ญาติสนิทเข้าสักการะศพ

ส่วน การปฏิบัติต่อร่างหลวงตา ได้เชิญร่างหลวงตาเข้าไว้ในห้อง เป็นห้องที่หลวงตาพักปกติเมื่อหลวงตายังไม่อาพาธ เมื่อสว่างก็ได้อนุญาตให้ญาติสนิทเข้าไปสักการะ พระสงฆ์ในวัดได้ออกบิณฑบาตตามปกติ เมื่อฉันอาหารเสร็จ คณะสงฆ์จะได้นัดกันเข้าไปทำพิธีสักการะหลวงตาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะนิมนต์หลวงตามาที่ชั้น 2 ศาลาหลังเก่าดั้งเดิมซึ่งหลวงตาได้สร้างตั้งแต่มาอยู่วัดป่าบ้านตาด เพื่อให้พี่น้องประชาชนสักการะพอสมควร จึงจะนิมนต์หลวงตาเข้าหีบธรรมดาตามปกติ เมื่อบรรจุหีบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเชิญร่างหลวงตาไปที่ศาลาใหญ่ข้างนอก ทางบ้านเมืองจะถวายเกียรติยศค่อยว่ากันภายหลัง ส่วนพิธีถวายน้ำต่อองค์หลวงตา จะใช้วิธีโยงสายสิญจน์จากเท้าของหลวงตา ไปให้ประชาชนได้ถวายน้ำสงฆ์ เพราะองค์หลวงตาสูงสุดต่อพระสงฆ์และพี่น้องประชาชน

“ในหลวง”พระราชทานโกศโถ

ทั้ง นี้ หลวงตามหาบัวเข้ารับการรักษาอาการอาพาธลำไส้อุดตันและปอดติดเชื้อ ณ โรงพยาบาลศิริราช มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำนิมนต์ของคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ได้ให้การรักษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะเดินทางกลับมาพักรักษาตัวที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. กระทั่งละสังขารอย่างสงบในที่สุด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพหลวงตามหาบัวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ในการนี้ ได้ถวายพวงมาลาพระราชทาน พวงมาลาประทาน ของพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ วางที่หน้าโกศศพหลวงตามหาบัว

กราบทูล”ราชินี”ทรงทราบ

นาย คมสัน เอกชัย ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากหลวงตามหาบัวละสังขาร ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ทรงโทรศัพท์กราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบ ซึ่งสมเด็จพระราชินีฯ จะได้ส่งผู้แทนพระองค์ เดินทางมาที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อร่วมประชุมกันระหว่าง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี, ผู้แทนพระองค์, คณะสงฆ์ และผู้ว่าฯอุดรธานี เพื่อประชุมหารือหมายกำหนดการณ์ต่อไป ซึ่งทางจังหวัดมีความพร้อมจะทำตามที่ประชุมมีมติทันที

“ฟ้าหญิง”ปธ.ฝ่ายฆราวาส

ต่อ มา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันศรี จันททีโป เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง จ.อุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นิมนต์เคลื่อนสรีระหลวงตาบัว จากกุฏิ มายังชั้นสองศาลาการเปรียญ โดยสรีระของหลวงตามหาบัวถูกวางไว้บนเตียงที่หลวงตาเคยนอนตอนยังป่วย มีพระสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐาน 20 รูป แบกเตียงเคลื่อนไปไว้บนศาลา ตลอดเส้นทาง พุทธศาสนิกชนเปล่งเสียง ”สาธุ” เมื่อสรีระถูกนำไปวางบนเตียงไม้ บริเวณที่หลวงตาใช้เดินจงกรม จากนั้นได้ทำพิธีขอขมา พระสงฆ์อาวุโส ร่วมสงฆ์น้ำศพ

เปิดพินัยกรรมหลวงตา

หลังจากนั้นคณะ สงฆ์มอบให้ พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน อ่านพินัยกรรมของหลวงตามหาบัว โดยมีข้อความดังนี้คือ พินัยกรรมฉบับนี้ทำที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2543 ข้าพเจ้าพระธรรมวิสุทธิมงคล (พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) อายุ 87 ปี พำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ขอทำพินัยกรรมฉบับนี้เพื่อให้ทราบว่า เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพแล้ว ให้จัดการทรัพย์สินและทำงานศพข้าพเจ้าดังนี้ 1.บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วในขณะที่ข้าพเจ้ามรณภาพ และบรรดาทรัพย์สินต่างๆ ที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้าให้จัดการดังนี้

ทรัพย์ทุกบาทมอบให้ธปท.

1.1 ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง 1.2 ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง แล้วให้นำทองคำแท่งทั้ง ข้อ 1.1 และ 1.2 ไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็น เงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย โดยข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่ใช้บุคคลใดหรือคณะบุคคลใดนำไปใช้ในงานอันใด นอกจากใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ 2.ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นจัดงานศพ และจัดการดูแลทรัพย์สินทั้งปวงที่มีอยู่ในขณะมรณภาพและที่จะได้รับบริจาคใน งานศพของข้าพเจ้า โดยให้ดำเนินการอย่างเปิดเผย และดำเนินการตามเจตนาของข้าพเจ้าระบุไว้ในข้อ 1.

3. ให้คณะกรรมการตามข้อ 2 จำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.พระอาจารย์ฝัก สันติธรรมโม (มรณภาพแล้ว) 2.พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก 3.พระปัญญา วัตโก 4.พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต 5.องคมนตรี ดร.เชาวน์ ณ ศีลวัน 6.นายศิริ คูสกุล 7.ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม 8.พ.ต.อ.กฤษดา บูรณพานิช และ 9.พ.ต.ประชัย นาวินรัตน์

ทำไว้3ฉบับ-แยกเก็บ

4. ข้าพเจ้าขอตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้า พินัยกรรมฉบับนี้ทำไว้ 3 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน เก็บไว้ 3 แห่งคือ ฉบับแรกที่วัดป่าบ้านตาด ฉบับที่ 2 เก็บไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอุดรธานี ฉบับที่ 3 เก็บไว้ที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานี พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้ายังมีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่าง จึงลงชื่อไว้ต่อหน้าพยาน ลงชื่อ พระมหาบัว ญาณสัมปัญโญ (พระธรรมวิสุทธิมงคล) ลงชื่อพระปัญญา วัตโก พยาน และพระสุดใจ ทันตมโน พยาน

“ฟ้าหญิง”ทรงก้มกราบศพ

ภาย หลังอ่านพินัยกรรมเสร็จสิ้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จึงทรงวางพวงมาลัยที่ทรงทำด้วยพระองค์เองลงบนพานข้างศพ แล้วทรงก้มลงกราบ แล้วได้ให้พระสงฆ์ได้รดน้ำที่เท้าของหลวงตามหาบัว หลังจากนั้นคณะพระสงฆ์จำนวนประมาณ 3,000 รูป คณะของแม่ชี และประชาชนที่มาร่วมในวันนี้ประมาณ 30,000 คน ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปรดน้ำศพ

ญาติธรรมนับแสนแน่นวัด

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังข่าวการละสังขารของหลวงตามหาบัวแพร่ออกไป ได้มีบรรดาศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป ต่างพากันเดินทางไปที่วัดป่าบ้านตาดเป็นจำนวนหลายหมื่นคน เพื่อกราบไหว้สรีระหลวงตาเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้บริเวณวัดแน่นขนัดไปด้วยคลื่นมหาชนที่หลั่งไหลเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้การจราจรบนท้องถนนติดขัดยาวหลายกิโลเมตร บริเวณที่จอดรถทั้งภายในวัดและโดยรอบวัดต่างเต็มไปหมด พร้อมกันนั้นทางศิษยานุศิษย์ของหลวงตาได้มาตั้งโรงทานจำนวนมาก เพื่อได้นำอาหารเครื่องดื่มมาบริการผู้ที่ไปร่วมในงาน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ตชด.24 อุดรธานี อส.และ สห.มทบ.24 อุดรธานี รวมจำนวน 500 นาย ได้มารักษาความสงบเรียบร้อยด้วย

ถวายน้ำหลวงอาบศพ

ต่อ มาเวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีถวายน้ำหลวงอาบศพหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และถวายพวงมาลาพระราชทาน พวงมาลาประทาน ของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์  ในการนี้พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน

นายคมสัน ผวจ.อุดรธานี กล่าวกว่า ในการประชุมคณะผู้เกี่ยวข้อง หลังจากเสร็จพิธีถวายน้ำหลวงอาบศพ จะนำสรีระของหลวงตามหาบัว บรรจุลงในหีบไม้ แล้วนิมนต์ไปตั้งไว้ที่ศาลาการเปรียญใหญ่ หน้าวัดป่าบ้านตาด โดยโกศพระราชทานจะตั้งเป็นเกียรติยศไว้ด้านหลัง เพื่อบำเพ็ญกุศลติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นจึงค่อยพิจารณากันอีกครั้ง

พระราชทานเพลิงมี.ค.

นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า หลังจากทางสำนักพระราชวังดำเนินการประกอบพิธีธรรมหลวงตามหาบัวที่ จ.อุดรธานี ครบ 3 วันแล้วนั้น ในส่วนของ พศ.ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการเคลื่อนย้ายศพหลวงตามหาบัว ไปให้ศิษยานุศิษย์ได้ทำความเคารพ ก่อนจะดำเนินการพระราชเพลิงศพในเดือน มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พศ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับพิธีธรรมของหลวงตามหาบัวแล้ว

ด้าน นายจรูญ นราคร รองอธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายพิธี กรมการศาสนา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมฯไปช่วยทางสำนักพระราชวังในการประกอบ พิธีธรรมของหลวงตามหาบัวที่ จ.อุดรธานีแล้ว ซึ่งพิธีธรรมทั้งหมดทางสำนักพระราชวังจะเป็นผู้ดูแล ขณะที่ ศน.จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการช่วยเหลืองานด้านพิธีเท่านั้น ส่วนหลังจากครบกำหนดพระบรมราชานุเคราะห์ 3 วันแล้ว ต้องดูว่าทางวัดจะให้หน่วยงานใดดำเนินการด้านพิธีธรรมต่อไป

ฝึกจิตภาวนากับหลวงปู่มั่น

สำหรับ ประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12  สิงหาคม พ.ศ.2456 นามว่า บัว โลหิตดี มีพี่น้องทั้งหมด 16 คน ได้เข้ารับการอุปสมบทขณะอายุ 21 ปี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ณ วัดโยธานิมิตร อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชเวที เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ญาณสมฺปนฺโน

พอถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2485 ท่านก็ออกเดินทางไป จ.สกลนคร และได้พบกับ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มอบตัวเป็นศิษย์และอยู่ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานกับท่านพระอาจารย์มั่นอย่างเด็ด เดี่ยว จิตมุ่งอยู่กับสมาธิภาวนาเท่านั้น รวมเวลาที่อยู่กับพระอาจารย์มั่นทั้งหมด 8 ปี จวบจนท่านพระอาจารย์มั่นถึงแก่มรณภาพ ในปี พ.ศ.2492 ต่อมาในปี พ.ศ.2498 ท่านได้ทราบข่าวว่าโยมมารดาป่วย ท่านจึงได้เดินทางกลับมาตุภูมิที่บ้านตาด เพื่อดูแลโยมมารดา ซึ่งขณะนั้นชาวบ้านได้นิมนต์ท่านให้อยู่เป็นหลักที่นั่น พร้อมกับได้บริจาคที่ดินประมาณ 163 ไร่เพื่อสร้างวัด โดยตั้งชื่อว่าวัดป่าบ้านตาดจนถึงปัจจุบัน

ริเริ่มโครงการผ้าป่าช่วยชาติ

หลวง ตามหาบัวไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในวงการพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ทางโลก โดยหนึ่งในนั้นคือ "โครงการผ้าป่าช่วยชาติ" โดยในปี พ.ศ.2540 ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ด้วยความเมตตาสงสารอย่างบริสุทธิ์ใจต่อพี่น้องชาวไทย หลวงตามหาบัวจึงได้เชิญชวนประชาชนช่วยกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศ และเงินบาท นำเข้าคลังหลวง โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานเปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.41 ล่าสุดได้มอบทุนช่วยชาติครั้งที่ 15 โดยนำทองคำเข้าคลังหลวงแล้วกว่า 12 ตัน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 10,803,600 บาท

 

ที่มา : คลิปวีดีโอจากช่องทีวีไทย
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=118285
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2011, 01:40:53 am โดย somchit »
บันทึกการเข้า

somchit

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 71
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:37:09 am »
0

นำสรีระหลวงตามหาบัวบรรจุหีบไม้-คนเรือนแสนแห่กราบไหว้

การจราจรติดขัดเดินเข้าวัดกว่า 3 ก.ม.

 เมื่อวันที่ 30 ม.ค.นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เผยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานโกศโถและทรงรับศพหลวงตามหาบัว ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ส่วนการประชุมคณะผู้เกี่ยวข้อง หลังจากเสร็จพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในเวลา 18.00 น. วันนี้ จะนำสรีระของหลวงตามหาบัวบรรจุลงในหีบไม้ แล้วนิมนต์ไปตั้งไว้ที่ศาลาการเปรียญใหญ่ หน้าวัดป่าบ้านตาด โดยโกศพระราชทานจะตั้งเป็นเกียรติไว้ด้านหลัง เพื่อบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นจะพิจารณากำหนดการกันอีกครั้ง

 

 นายสันต์ กรุงศรี หัวหน้าสถานีวิทยุยานเกราะอุดรธานี  ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวว่า ทางคณะกรรมการวัดป่าบ้านตาด พร้อมใจกันจัดทำพิธีศพของหลวงตามหาบัว ตามที่พินัยกรรม ได้ระบุไว้ คือจัดพิธีศพแบบเรียบง่าย ไม่มีพิธีสวดศพในตอนค่ำ จัดตั้งศพให้ประชาชนเข้ากราบไหว้แบบใกล้ชิด ในตอนเช้าก็มีการทำบุญตักบาตรเหมือนตอนที่หลวงตามหาบัว ยังมีชีวิตอยู่ และในวันนี้ได้มีประชาชนที่เดินทางมาทำบุญที่วัดเกิดความสงสัยว่ามีการตั้ง กองผ้าป่าไปทั่วบริเวณวัด เกรงว่าจะเป็นการหลอกลวง ทางกรรมการวัดจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ที่แอบอ้าง การทำบุญ มาเรี่ยไรในบริเวณวัด และจะมีกรรมการวัดคอยดูแล เพื่อนำเงิน ทองคำที่ได้รับบริจาคส่งเข้าคลังหลวงทั้งหมดตามที่หลวงตาได้ สั่งเสียเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยกำหนดพิธีการเคารพสรีระศพ ทางวัดได้แต่งตั้งให้ พระอาจารย์อินถวาย สันตุสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย เป็นผู้จัดการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
 
 ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนและญาติธรรมหลั่งไหลมากราบไหว้กว่า 100,000 คน นอกจากนี้ยังมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำแผงสลากกินแบ่งรัฐบาล มาวางขายจำนวนกว่า 50 แผงกระจายไปทั่วบริเวณหน้าวัด ชาวบ้านต่างหาซื้อเลขเด็ดตาม อายุของหลวงตามหาบัว คือ 97 ย่าง 98 และ ตามอายุจริงคือ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน หรือวัดเกิด วันที่ 12 สิงหาคม 2457 แต่เลขที่เกลี้ยงหมดแผงอย่างรวดเร็วคือ 97 -98 มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาวางขายจำพวก ผ้าไหม ผ้านุ่ง ผ้าทอมือ  มะขามหวาน
 
สำหรับ ผู้ ที่จะเดินทางมาถึงบริเวณวัดต้องจอดรถไว้ในหมู่บ้านห่างจากวัดประมาณ 3 กิโลเมตร และต้องเดินเท้าเข้ามาภายในบริเวณวัด โดยศาลาใหญ่หน้าวัดจัดเป็นที่พักหลับนอนและมีทีวีถ่ายทอดจากพิธีเคารพ สรีระศพ บนศาลาในวัด และบรรยากาศทั่วบริเวณตลอด รถยนต์ รถโดยสารเหมา รถทัวร์ วิ่งเป็นทางยาวจากตัวเมืองอุดรธานี เข้าไปยังวัดป่าบ้านตาดเป็นทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เส้นทางวันเวย์เข้าทาง ถนนมิตรภาพอุดร –ขอนแก่น และออกทางถนนสายรอบเมืองอุดรธานี – เลย มีป้ายบอกเส้นทางตลอด

 
ขอบคุณที่มาข่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5qUXdNREV5TVE9PQ==&sectionid=
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2011, 01:39:54 am โดย somchit »
บันทึกการเข้า

teeded

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 07:59:34 am »
0
เสียใจจริงๆ

บันทึกการเข้า
รับทำ seo รับทำ seo ,ทีเด็ดฟุตบอล ทีเด็ด

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จากการละสังขารของ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ “หลวงตามหาบัว” ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 03.53 น. วันที่ 30 ม.ค. 54 นั้น เป็นการสูญเสียพระนักปฏิบัติธรรม พระนักสงเคราะห์โลก และพระผู้ช่วยแก้วิกฤติของชาติ ไปอย่างไม่มีวันกลับ นำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่ศิษยานุศิษย์และประชาชนชาวไทย อย่างหาที่สุดมิได้
   
หลวงตามหาบัว ได้อาพาธด้วยโรคลำไส้อุดตันเรื้อรังมาหลายปี แล้วมามีอาการรุนแรงในช่วง 1 เดือนเศษของต้นปี 2554 ซึ่งทางคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลอุดรธานี ได้ทำการรักษาหลวงตามหาบัวอย่างใกล้ชิด และอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของหลวงตา มหาบัวเอาไว้ได้ และในที่สุดหลวงตามหาบัวก็จากไป หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี นอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติธรรมแล้ว หลวงตา  มหาบัวยังเป็นพระนักสงเคราะห์ ในการบริจาคทุนทรัพย์ช่วยเหลือแก่หน่วยงานราชการต่าง ๆ มาโดยตลอด อาทิ การช่วยเหลือบริจาคอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ก่อสร้างโรงพยาบาล สถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ทั่วประเทศ รวมทั้งต่างประเทศ คือประเทศ สปป.ลาว ด้วยความเมตตาสงเคราะห์โลกของหลวงตามหาบัว
   
ในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยประสบกับปัญหา “วิกฤติ” ทางเศรษฐกิจและความสับสนทางสังคม ที่ขยายวงกว้างขึ้นไปจนกลายเป็นความทุกข์ โดยรวมของคนทั้งชาติ ด้วยความเมตตาสงสารอย่างบริสุทธิ์ใจต่อพี่น้องชาวไทย หลวงตามหาบัวจึงได้ปรารภขึ้นด้วยความห่วงใยว่า “จำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีของพี่น้องไทยทุกคน ให้ต่างเสียสละช่วยกันอย่างจริงจัง” เมื่อคำปรารภดังกล่าวกระจายออกไปสู่สังคมกว้างขึ้น ผู้ที่เคารพศรัทธาในหลวงตามหาบัว และผู้มีความรักชาติเป็นพื้นฐานเดิมในใจอยู่แล้ว ต่างออกมาแสดงน้ำใจสละเงินทองช่วยกัน เมื่อคนไทยทั้งในและต่างประเทศรับรู้เรื่องมากขึ้น น้ำใจแห่งความ “รักชาติ” จึงเริ่มหลั่งไหลมาช่วยเหลือไม่ขาดสาย กลายเป็นที่มาของ “โครงการผ้าป่าช่วยชาติ” ที่หลวงตา มหาบัวต้องฝืนสังขารไปแสดงธรรมเทศนาเพื่อรับบริจาคในการช่วยชาติ แล้วหลวงตามหาบัวก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 41 โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานและเงินทองที่ได้มาจากการบริจาคนี้ หลวงตามหาบัวจะยกให้กับคลังหลวงทั้งหมด ซึ่งเป็นวาระสุดท้ายของหลวงตามหาบัว ที่ช่วยโลกอย่างเต็มหัวใจ การช่วยชาติครั้งนี้ หลวงตามหาบัวมีความมุ่งหมายไว้ ที่ทองคำน้ำหนัก 10 ตัน และดอลลาร์ 10 ล้านดอลลาร์   
   
นี่คือโครงการแห่งคุณค่าแห่งความรักชาติ คุณค่าแห่งความเสียสละ คุณค่าแห่งความสามัคคีของพี่น้องชาวไทย รวมตัวกันเข้าอุ้มชาติไทยทั้งชาติขึ้นได้ มีหลวงตามหาบัวเป็นผู้นำทาง ชี้แสงสว่าง โดยใช้ธรรมะเป็นสื่อให้คนไทยลุกขึ้นมาช่วยชาติ จนประสบความสำเร็จ และแม้ก่อนหลวงตามหาบัวจะสิ้นลมหายใจ ยังได้ทำพินัยกรรมให้นำเงินสกุลต่าง ๆ ที่มีอยู่ โดยศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป นำมาบริจาคให้ทั้งก่อนหน้าจะละสังขาร และหลังจากละสังขารไปแล้ว รวมทั้งการบริจาคในงานศพของหลวงตามหาบัวทั้งหมด ไปซื้อเป็นทองคำ ตลอดทั้งทองรูปพรรณทั้งหมดที่ได้รับบริจาคมา ให้นำไปหลอมเป็นแท่งแล้วมอบให้กับคลังหลวง นี่คืออีกหนทางหนึ่งของหลวงตามหาบัวในการช่วยชาติ ที่ทุกคนจะต้องจดจำและบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติ ไทย                                                         
   
สำหรับประวัติของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดนั้น เกิดเมื่อวันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2456 (มรณภาพอายุย่างเข้า 98 ปี) ชื่อ บัว โลหิตดี บิดาชื่อนายทองดี มารดาชื่อนางแพง โลหิตดี อยู่ที่บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยหลวงตามหาบัวเป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 16 คน ที่เกิดมาในตระกูลชาวนาผู้มีฐานะดี ในสมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่นั้น หลวงตา มหาบัวได้เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่จึงอยากจะให้บวชตามประเพณี แต่หลวงตามหาบัวมีท่าทีเฉย ๆ ทำให้พ่อแม่ถึงกับน้ำตาร่วง ทำให้หลวงตามหาบัวรู้สึกสะเทือนใจ และเห็นใจพ่อแม่เป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจจะยอมบวชตามที่พ่อแม่ต้องการ และให้เป็นไปตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจในตอนแรกว่าจะบวชให้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
   
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2477 เป็นวันที่หลวงตามหาบัวได้บวช ณ วัดโยธานิมิตร บ้านหนองขอนกว้าง ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์  หลังจากได้บวชเพื่อทดแทนพระคุณบิดรและมารดาแล้ว หลวงตามหาบัวได้ตั้งใจเอาบุญเอากุศลอย่างจริงจัง เมื่อก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยใฝ่ภาวนา และตั้งจุดมุ่งหมายของชีวิต ต่อมาหลวงตามหาบัวได้ออกจากบ้านตาดไปศึกษาเล่าเรียนในที่ต่าง ๆ จนกระทั่งได้ตั้งสัจอธิษฐานไว้ว่า “เมื่อจบเปรียญ 3 ประโยคแล้ว จะออกปฏิบัติโดยอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีข้อแม้ไม่มีเงื่อนไข เพราะอยากพ้นทุกข์เหลือกำลังอยากเป็นพระอรหันต์นั่นเอง”  ทำให้การศึกษาทางโลกของหลวงตามหาบัว จบประถม 3 ทางบาลีจบเปรียญ 3 และทางนักธรรมก็จบนักธรรมเอก เป็น 3 ตรงกันหมด 3 วาระ
   
ในช่วงหนึ่งหลวงตามหาบัว ได้ออกเดินทางจาก จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าไป จ.อุดรธานี โดยตั้งใจไว้ว่าจะไปจำพรรษากับอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อาจารย์ทางฝ่ายวิปัสสนาที่อยู่ในหัวใจของหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าโนนนิเวศน์แต่ไม่พบ เลยจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งสว่าง จ.หนองคาย ประมาณ 3 เดือน ก่อนที่จะเดินทางไปหาอาจารย์มั่น ที่ บ้านโคก ต.หนองโขบ อ.เมือง จ.สกลนครในเวลาต่อมา และก็มีโอกาสได้พบกับอาจารย์มั่นสมใจ พร้อมกับได้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์อาจารย์มั่น และได้อยู่ปรนนิบัติให้กับอาจารย์มั่น พร้อมปฏิธรรม บำเพ็ญเพียรตามป่าเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=420&contentID=118770
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน" ละสังขารแล้ว เวลา 03.53 น.
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 06:06:29 pm »
0



เอกองค์สงฆ์...ปลงขันธ์

     เอกองค์สงฆ์หนึ่งนี้          ลาแล้ว
ขันธ์ลับนามมิแคล้ว            ฝากไว้
กายผละสู่เมืองแก้ว          สิ้นภพ ชาติเฮย
ขอกราบร่ำโคลงให้         บาทเบื้องหลวงตา.


                                                ธรรมธวัช.!    

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 06:41:42 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตาบัว" ละสังขารแล้ว สิริอายุ 98 ปี
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 06:23:20 pm »
0
"หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา 03.53 น.สิริมายุรวม 98 ปี ทีมแพทย์แถลงอีกครั้งเช้านี้




ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล
งวดประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554


รางวัลที่ 1
610089

ข้างเคียงรางวัลที่ 1
610088 610090

รางวัลที่ 2
139062 203931 779625 831467 882706

รางวัลที่ 3
101357 193020 345432 389485 451675 553853 556197 767800 858829 995140

รางวัลที่ 4
005698 029661 037432 076763 094854 107741 147198 203937 262931 287843
311160 340331 362349 400995 402883 417809 437640 440053 446915 453198
462399 474650 524393 529287 538283 580217 617757 637223 639630 648711
649044 695605 709548 723112 746971 752159 778258 792562 811414 837004
841437 863579 881606 908361 926079 948212 972419 977082 989338 990000

รางวัลที่ 5
436643 044497 934842 952690 476863 372294 856700 415361 132616 270564
107936 513795 949580 460737 315839 979479 336079 548460 826088 761343
792582 402351 852827 451184 387259 198264 447833 156425 942445 290832
258976 203924 545351 652887 835462 093628 359362 505606 033937 021179
979709 632825 370160 006231 392336 112479 345276 060890 884501 854774
493405 581553 136748 062927 938924 972466 472398 961111 869088 178899
273512 780531 720182 602589 140098 691431 808307 311343 291820 326171
064495 124469 257006 045991 425450 626417 904730 370347 383250 461929
414075 385245 610870 747819 493632 162819 977214 150032 156707 271372
025532 476661 783658 961821 667090 914075 163695 708628 563049 064417

รางวัลเลขท้าย 3 ตัว
596 361 121 432

รางวัลเลขท้าย 2 ตัว
55


เมตตามงคลลาภ...มหาบัว

     ธาตุขันธ์เก้าแปดนั้น        ธำรง
ยังเมตตาปลดปลง              เนื่องให้
ชีพชนม์หยั่งอานิสงส์         เป็นลาภ
ผู้ใคร่รู้นอบไว้                  ยากนั้นบ่มี.


                                                ธรรมธวัช.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 06:54:00 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตาบัว" เอกบุรุษ ณ กึ่งพุทธกาล
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 02:08:54 am »
0
       

วัฏฏ์สิ้น...มิสิ้นวัตร

     เวียนว่ายวนสู่ห้วง                มหรรณ์พ
เกิดดับหลากธาตุขันธ์              ไม่สิ้น
ถือหยั่งเพศพราหมจรรย์         งามวัตร
จิตมิพร่องต้องดิ้น                 กิจเยื้องหลวงตา.


                                                        ธรรมธวัช.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 02:42:19 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ratree

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 07:17:03 am »
0







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 07:22:14 am โดย ratree »
บันทึกการเข้า

sanrak

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 08:19:01 am »
0
ท่านที่ไม่ได้ไป ก็ชมการถ่ายทอดสด ทางดาวเทียมก็ได้คะ

ในวันนี้ ร่วมระลึก ถึงการจากไปของ พระภิกษุ ที่ช่วยชาติอีกรูป คะ

บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: "หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 18, 2013, 10:25:37 am »
0
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา