ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กฏแห่งกรรม เรื่องของพี่ก้อย  (อ่าน 4284 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
กฏแห่งกรรม เรื่องของพี่ก้อย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 04:46:00 pm »
0
เรื่องของพี่ก้อย

ดิฉันได้มีโอกาสรู้จักพี่ก้อยเมื่อต้นปี 2549
ตอนนั้นพี่ก้อยหน้าตาท่าทางเครียด แกมาหาดิฉันเพื่อมาดูดวงตอนนั้นดิฉันดูดวงที่ตลาดนัดแถวบ้าน แกมาดูดวงกับดิฉันบ่อยมากเลยนะคะ ตอนแรกก็เห็นใจนะคะแต่หลังจากที่ได้พูดคุยในหลายครั้งดิฉันรู้สึกว่าว่าพี่ ก้อยเป็นคนนิสัยดี น่าคบหาเป็นเพื่อนด้วยเพราะพี่ก้อยเป็นคนพูดจาถ่อมตัว ไม่โอ้อวดอะไร แล้วก็จิตใจดีมีความจริงใจให้ดิฉันมากกว่าเพื่อนของดิฉันเสียอีก

เวลาพี่ก้อยมีปัญหาอะไรพี่ก้อยเขาจะมาหาดิฉันมาปรึกษาทุกเรื่อง
มีอยู่ครั้งดิฉันเบื่อๆ เซ็งๆ เพราะหางานไม่ได้ก็เลยไปหาพี่ก้อยที่
ห้องเช่า ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของดิฉัน ดิฉันเห็นสภาพห้องที่เขาอยู่แล้วลำบากมาก ดิฉันก็ซื้อของกิน ซื้อขนมไปฝากเขานะคะเพราะเห็นว่า เขาอยู่กับลูกชื่อน้องเชอรี่ น้องเชอรี่เรียนอยู่ ป.1 แล้วคะ
ดิฉันจะเป็นห่วงแม่ลูก คู่นี้มากนะคะ จะซื้อของไปให้เรื่อยๆวันไหนเหงาๆ ว่างๆก็จะไปคุยปรับทุกข์กับพี่เขา ช่วงนั้นดิฉันยังหางานทำไม่ได้ เพราะว่างเยอะเลยมานั่งดูดวงตามตลาดนัด จนมาเจอพี่ก้อย นี่แหล่ะ ตอนนั้นพี่ก้อยก็ไม่ต่างจากลูกค้าคนอื่นของดิฉันหรอกนะคะ เพราะคนที่มาดูดวงก็คือคนที่มีปัญหาชีวิต
ซึ่งแต่หล่ะคนก็จะมีปัญหาแตกต่างกันไป แม้แต่ตัวหมอดูเองก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน มันอยู่ที่ว่าเราจะสามารถรักษาการใจให้สงบได้มากแค่ไหน

พี่ก้อยเล่าเรื่องของเขาให้ดิฉันฟังเยอะมาก มันทำให้ดิฉันคิดอะไรได้เยอะเลย เพราะเรื่องที่เขาเล่าเป็นเรื่องจริง แล้วก็มีส่วนเกื่ยวข้องกับกฎแห่งกรรมด้วย พี่เขาเล่าให้ฟังว่าพี่เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด บ้านอยู่แถวหัวลำโพงเอง แต่ไปโตที่สุพรรณบุรีเท่าที่ดิฉันจำที่พี่ก้อยเล่าได้ คือพ่อแม่ของพี่ก้อยเลิกกันตั้งเขายังเด็ก พ่อของพี่ก้อยเป็นข้าราชการทำงานเป็นคนขับรถไฟ สายกรุงเทพ – หาดใหญ่ ตอนแรกที่พ่อแม่หย่ากันตอนนั้นพี่ก้อยอายุแค่ 2 ขวบ พ่อเอาเมียใหม่เข้ามาในบ้าน ตอนนั้นพี่ก้อยก็เรียกว่า แม่หน่า ตอนแรกก็เหมือนจะดี ต่อหน้าผัวก็ทำเป็นดีกับลูกเลี้ยง เรียกน้องก้อยอย่างงั้น น้องก้อยอย่างงี้ ซื้อขนมมาป้อนให้ทาน เหมือนจะเป็นคนใจดีรักเด็กแต่ลับหลังตีซะเนื้อเขียว
แม่เลี้ยงใช้ให้พี่ก้อยล้างจานในครัว
แล้วพี่ก้อยไม่ระวังทำจานตกแตก แม่เลี้ยงโมโหมาก
“นังก้อยนี่แกทำจานแตกอีกแล้วเหรอ...”
แม่เลี้ยงจับพี่ก้อย มาตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ตีแล้วตีอีก ขนาดพี่ก้อยยกมือไหว้ “แม่อย่าทำหนูเลยหนูกลัวแล้ว” พี่ก้อยเล่าให้ฟังว่า เนื่ยมันตีพี่ซะเลือดออกเลยนะพี่ยกมือไหว้มัน บอกว่า แม่พอเถอะอย่าทำหนูเลย มันเอาไม้มาตีมือซะเลือดไหลออกง่ามมือเลย
เอ๋ก็พูดว่า “อ้าวแล้วทำไม พี่ไม่ฟ้องพ่อหล่ะ”
พี่ก้อยบอกว่า “ถึงฟ้องมันก็ตี พี่อีก ยิ่งพ่อพี่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านด้วยมันก็ไม่สนใจหรอก เวลาไม่พอใจมันก็ตีเพราะมันรู้ว่าพ่อรักพี่มากอีแม่เลี้ยงมันก็เลยเกรียดพี่ มาก”
เอ๋พูด... “ถ้างั้นพี่ทำไงหล่ะ”
พี่ก้อยพูด “ก็ไม่ทำไง...ตอนอีแม่เลี้ยงไม่อยู่พี่แอบไปเล่าให้พ่อฟัง ว่าตอนพ่อไม่อยู่บ้านมันตีพี่บ่อยมากทำเอาแถบแย่ โชคดีที่ข้างบ้านมันแอบมาเล่าให้ฟังแต่พ่อพี่ก็ปล่อย ให้มันเลี้ยงพี่ ไม่ได้ทำอะไรเพราะคิดว่า ต่อไปน่าจะอยู่ด้วยกันได้”
แม่เลี้ยงพี่มันเป็นอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ พี่อยู่กับมันมา4ปีพี่รู้ดี วันไหนมันถูกหวยก็อารมณ์ดี ซื้อขนมมาให้ทาน
วันไหนมันทะเลาะกับพ่อพี่ มันก็มาระบายลงเอากับพี่มันตีพี่หนักมาก จนพี่มีอาการประสาทหลอนชอบนั่งเหม่อลอย

พ่อพี่สังเกตว่าพี่เปลื่ยนไป เป็นเด็กเก็บตัวชอบพูดคนเดียว เวลาแม่เลี้ยงเรียกก็มี อาการหวาดผวา พ่อพี่ก้อยกลัวว่าพี่ก้อย
จะกลายเป็น บ้า หลังจากนั้นอีก2 วันพ่อเลยพาพี่ ไปอยู่กับยายพ่อให้พี่เก็บเสื้อผ้าและหลักฐานการศึกษาทั้งหมดแล้วพาพี่ไปฝาก ยายเลี้ยง ที่สุพรรณบุรี
พี่ก้อยเล่าว่า- ตอนย้ายไปอยู่กับยายพี่โตพอสมควรแล้ว อยู่ป.1ได้
พ่อเอาเงินทิ้งให้ยาย 5000 บาทแล้วบอกว่าจะพยายามส่งเงินให้ทุกเดือน ถ้าแม่อีหนูมันมาก็บอกกันว่าไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ไม่ทิ้งลูกคนนี้หรอก เพราะผลมีลูกสาวคนเดียว เอาไว้ให้โตหน่อยผมจะเอาไปอยู่ด้วย พี่ก้อยวิ่งเข้าไปกอดพ่อ ร้องไห้ใหญ่เลย
พี่ก้อยพูด “พ่อจ๋า อย่าไปเลยนะหนูจะไม่ดื้อ ไม่ซนแล้ว หนูจะเชื่อฟังแม่หน่าทุกอย่าง” เป็นใครเห็นเขาก็ต้องสงสาร
พ่อพี่ก้อยก็น้ำตาซึมๆ “ก้อยเอ๊ยเอ็งอยู่ที่นี่ เชื่อฟังยายเอ็งนะเขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ อย่าดื้อ อย่าซนให้ตั้งใจเรียนมากๆนะพ่อจะส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน”
พี่ก้อยก็ร้องไห้สะอึก สะอื้นตามประสาเด็กไม่เคยจากอกพ่อ
พี่ก้อย จัดว่าโชคดีมากที่ญาติพี่น้องของทางแม่รักพี่ก้อยมาก
ยายเล่าให้ฟังว่า “นี่ก้อย เอ๊ย แม่เอ็งตอนนี้เขาได้ดีแล้วนะเขามีลูกใหม่ ผัวใหม่แล้วผัวใหม่แม่เอ็งเป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง อยุ่นครสวรรค์ เดี๋ยวสงกรานต์เขาจะพาน้องเอ็งมาเยื่ยม”

ด้วยความที่พี่ก้อยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันทำให้
พี่ก้อยเป็นเด็กเก็บกดพอสมควร ก็เลยทำให้เป็นเด็กที่เรียนเก่ง เพราะหวังอยากจะให้ใครๆก็รัก อยากให้พ่อแม่ ภูมิใจ
แกเป็นคนตั้งใจเรียนมาก สอบได้ที่ 1 ตลอด
แม่พี่ก้อยชื่อ คุณประภัสสร ส่วนคุณพ่อชื่อ คุณดนัย
พี่ก้อยบอกว่าแม่พี่เป็นคนสวย พอเจอพ่อพี่นอกใจก็ไม่ทนก็เลยขอเลิกหย่าร้างกันไป ตอนนั้นแม่พี่อายุแค่ 28 เองพี่พึ่งจะ 3 ขวบตอนแรกแม่อยากจะเอาพี่มาเลี้ยงเอง แต่พ่อไม่ยอมเพราะพ่อรักพี่มาก
แม่ก็เลยทิ้งพี่เอาไว้ให้พ่อเลี้ยง พอพ่อเอาอีแม่เลี้ยงเข้ามาอยู่บ้านมันก็ตบ ตี พี่ทุกวัน แม่พี่ทราบข่าวจากยายพี่ แม่พี่เลยส่งเงินและเสื้อผ้ามาให้ แม่พี่เขียนในจดหมายว่า ยังรักและเป็นห่วงลูกเสมอ แต่ไปไมได้ ต้องรอสงกรานต์ ตอนนี้พึ่งคลอดน้อง

ตอนนั้นพี่ดีใจมากที่มีน้องชาย แม่ของพี่เขาตั้งชื่อน้องชายพี่ว่า ก้อง ชื่อจริง ชุติพงศ์ ให้คล้องกับชื่อพี่ ก้อย (ชุติมา)
น้องชายพี่ น่ารักมากผิวขาวจั๊ว อาจจะเพราะ เหมือนแม่เพราะแม่พี่ขาว แต่พี่ไม่ขาวเพราะพี่เหมือนพ่อ ตอนที่อยู่สุพรรณพี่มีความสุขมากเลยนะ แต่มันก็ขาดๆอะไรไปเยอะเพราะพ่อแม่ ไม่ได้อยู่ด้วยกันทิ้งให้พี่อยู่กับยาย แต่พี่ก็ไม่เสียใจนะ
เพราะพี่รู้ดีว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่คนไม่มีใครไม่รักลูกของตัวเอง
ยิ่งตอนนี้พี่มาเป็นแม่คนเอง พี่ยิ่งเข้าใจว่า
คนเป็นพ่อ เป็นแม่คนเขาก็มีความจำเป็นของเขาที่เลิกกันมันเพราะไปกันไมได้ แต่ความรักที่มีให้ลูกยังไงก็ตัดกันไม่ขาด

แต่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์สมัยนี้ทำใจลำบาก พ่อข่มขืนลูกในไส้จนตั้งท้อง ลุงข่มขืนหลาน พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง สังคมมันเล๊ะเท๊ะมากเกินไปแล้วตอนนั้นพี่ก้อยคิดว่า พี่ก้อยจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมให้ได้

หลังจากเรียนจบ ม.6 พี่ก้อยก็เดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพ หวังว่าจะเก็บเงินสักก้อนแล้วค่อยกลับไปลงทุนค้าขายที่สุพรรณเพราะแม่พี่เขา มีที่ดินให้แล้ว พี่กะว่าจะปลูกบ้านของตัวเอง ซื้อรถสักคัน ตอนนั้นพี่หยิ่งไม่ง้อพ่อเลย พี่บอกให้พ่อเลิกส่งเงินให้ใช้เพราะพี่อยากทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง พี่ได้มาทำงานเป็นสาวโรงงานที่ โรงงานทอผ้า ย่านพระประแดง ตอนนั้นอายุ 18เอง ผู้ชายมันเข้าหาพี่เอง ผู้ชายแก่กว่าพี่ 7 ปีเลยทำงานแล้ว
เป็นลูกคนมีฐานะพอสมควรเขามาตามจีบตามตื้อพี่ทุกวัน พี่รักเขามากก็เลยพลาดพลั๊งได้เสียเป็นผัวเมียกัน จนตั้งท้องน้องชะเอม (ลูกสาวคนแรก)
แฟนพี่เห็นว่าพี่ท้องแล้วก็เลย พาพี่เข้าไปอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ทางฝ่ายชายเป็นคนดี ไม่รังเกรียจเลยสักนิดที่พี่จนกว่า เขาจัดพิธีแต่งงานง่ายๆ แฟนพี่เขาไปเหมาร้านอาหารทะเลชื่อดัง ย่านบางขุนเทียน
แล้วทำเป็นงานแต่ง ตอนเช้าก็ทำบุญไหว้ รดน้ำสังข์ที่บ้านผู้ชาย
ช่วงท้องน้องชะเอม พี่ดวงขึ้นมาก ถูกหวยติดกันตั้ง 2 งวดรู้สึกจะเลข 35 48 พ่อ กับ แม่ พี่ดีใจมากที่พี่ได้สามี แฟนพี่คนแรกเขารักและเอาใจพี่มาก แฟนพี่มาพี่ขับรถไปหาพ่อ วันนั้นพี่แต่งตัวซะเริ่ดเลย ยัยแม่เลี้ยงจ้องตาแถบ ถลนตอนที่พี่กับสามี คุยกันเรื่องงานแต่งงานมันทนฟังไม่ได้ ก็เลยหลบหายไปไหนไม่รู้

พี่คิดว่าช่วงนั้นพี่ดวงขึ้นนะ เพราะเหมือนพี่ได้แก้แค้นนังแม่เลี้ยงไปด้วย นังแม่เลี้ยงมันชอบพูดกระแหน่ะกระแหนพี่
“ท้องก่อนแต่งหล่ะสิ ถึงได้ต้องรีบแต่ง”
พี่ก้อยเลยโต้กลับว่า “ก็คนมันดวงดี เลยมีเด็กอยากจะเกิดด้วย พอท้องลูกคนนี้เด็กให้คุณ ดีกว่าคนบางคนอยากจะมีลูกแถบตายแต่ไม่มีเด็กคนไหนอยากจะมาเกิดด้วยเพราะ จิตใจชั่วร้าย”

แม่เลี้ยง โมโหจนหน้าตัวสั่น ชี้นิ้วมาทางพี่ก้อย “นี่อีก้อย เมิงว่าใคร เมิงจะหาว่ากูเป็นคนจิตใจไม่ดี ก็เลยไม่มีลูกสืบสกุลกับเขาใช่ไหม ห๋า”

พี่ก้อยก็โต้กลับ “ก็ไม่ได้ว่าใคร แต่ถ้าใครอยากจะรับก็รับไป”


แม่เลี้ยงโมโหจนหน้าแดง “ถ้าไม่ใช่เพราะเมิงท้องอยู่นะ กูจะตบล้างน้ำเลย เสียแรงเคยเลี้ยงดูป้อนข้าว ป้อนน้ำพาไปส่งโรงเรียนไป รอรับกลับมาบ้านเมิง จะ เมิง อีเนรคุณ”

พอดีพ่อพี่ก้อยได้ยินที่ทะเลาะกันเลยมาห้ามไว้ ไม่ให้มีมวยในบ้าน
ทางสามีพี่ก้อย เห็นท่าจะไม่ดีเลยพาเมียกลับไปบ้าน

แต่หลังจากนั้นในวันงานแต่งทุกคนก็มากันหมด ทั้งพ่อแม่ ทั้งแม่เลี้ยง พ่อเลี้ยง และ น้องก้อง น้องชายต่างพ่อของพี่ก้อย
พี่ก้อยคิดว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว น่าจะจบแบบแฮปปี้ แอนดิ้ง แต่ในชีวิตจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น

ในช่วง5ปีแรก เป็นช่วงที่พี่ก้อยมีความสุขมาก เพราะ สามีพี่ก้อยทำธรุกิจจนร่ำรวย สามีพี่ก้อย ทำธุรกิจ จิวเวอรี่ส่งออกต่างประเทศ พวกเครื่องเงิน พวกทองเค มีทั้งขายในประเทศ และ ต่างประเทศ พี่ก้อยตอนนั้นใครๆก็เรียกเจ๊ เพราะพี่ก้อยเป็นคนทำบัญชีเป็นคนเก็บเงิน แล้วก็นั่งทำจิวเวอรี่ช่วยลูกน้องด้วย

โรงงานของพี่ก้อยมีลูกน้อง 15 คน มีเป็นพม่าอยู่ 2 คน พอดีโดนตำรวจจับ พี่ก้อยบอกว่าถ้าไม่เอาพม่ามาทำงานก็คงดี จะได้ไม่เจอไอ้ตัวเหี้ยนั่น ตอนนั้นพี่ก้อยอยากจะช่วยลูกน้องมาก ก็เลยวิ่งเต้นกับทางตำรวจ หมดเงินประกันไปเยอะ คุณตำรวจท่านนี้แหล่ะเป็นคนทำให้ ชีวิตของ พี่ก้อย เจอแต่ความเลวร้าย เหมือนตกนรก
สมมุติชื่อ คุณตำรวจธำรง ชื่อเล่น ไก่
คุณไก่เป็นผู้ชายที่เลวที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยได้ยินมา พี่ก้อยบอกว่าคุณไก่ โทรมาบอก พี่ก้อย ชอบพี่ก้อยมากๆแต่เสียดายที่พี่ก้อยมีสามีแล้ว ถ้าไม่รังเกรียจเขาเป็นเพื่อนกันได้ไหม
พี่ก้อยก็คิดว่าเขาดีก็เลยยอมพบปะพูดคุยด้วยแต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันเพราะ พี่ก้อย เขาถือว่าเขาแต่งงานมีสามีแล้ว คุณสมพร สามีพี่ก้อยเป็นคนดีนะคะ เสียดายเป็นคนใจอ่อนลูกน้องชวนไปเทื่ยวคาเฟ่ คุณสมพรก็เลยไปติดนักร้อง อาจจะเพราะช่วงนั้น พี่ก้อยท้องลูกสาวคนที่ 2อยู่ พอเริ่มท้องโตสามีก็ไปเทื่ยวกลางคืนแล้วไปได้ นักร้องคาเฟ่มาเป็นเมียอีกคน ชื่อ ส้มเช้ง คุณสมพรหลงเมียน้อยมาก ก็เลยพา ส้มเช้งเข้ามาอยู่ในบ้าน
พี่ก้อยรับไมได้ ทะเลาะกับใหญ่โตเลย หลังจากที่คลอดน้องชบา
พี่ก้อยก็ขอหย่ากับ คุณสมพร ทางคุณสมพรก็ไม่ยอมหย่าให้

พี่ก้อย เก็บข้าวของไปอยู่ที่อื่นแทน ตอนนั้นพี่ก้อย มีเงินเก็บเยอะเลยไม่ง้อสามี พี่ก้อยบอกว่ามีคนใส่ร้ายพี่ให้ผัวฟังด้วย

ลูกน้องพี่เองแหล่ะ พี่ดีกับมันจะตาย มันหาว่าพี่มีชู้
มันบอกว่าพี่เป็น ชู้กับ นายตำรวจ สามีพี่เข้าเลยไม่ยอมมาง้อ
ตอนนั้นพี่หยิ่งคิดว่าตัวเอง แน่ก็เลยไม่ง้อ เพราะโรงงานจิวเวอรรี่ที่พี่ทำมา พี่กับ สามีก็ช่วยกันสร้างจนรวย ตอนนั้นพี่คิดว่าพี่สามารถเอาตัวรอดได้

ความจริงแล้วพี่ก้อยก็น่าจะเอาตัวรอดได้หรอกคะ ถ้าไม่ไปแต่งงานกับ คุณไก่ ผู้ชายที่นิสัยเลวพี่ก้อยอยู่กินกับคุณไก่ มา 12 ปี คุณไก่ผลาญเงิน ผลาญสมบัติพี่ก้อยจนหมดตัวเลย

พี่ก้อยบอกว่า ลูกสาวคนเล็กรักแม่เลี้ยงมากกว่าพี่ก้อยอีกเพราะ แม่เลี้ยงเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เป็นทารก ตอนนั้นที่ออกมาจากบ้าน แกต้องมาเช่าห้องเช่าอยู่ไม่สะดวกที่จะเอาทารกมาเลี้ยง แกเลยต้องทิ้งให้ อีนังนั่นมันเลี้ยงแกกะว่าถ้าจัดการอะไรเรียบร้อยก็จะไปรับลูกมาอยู่ด้วย หลังจากออกจากบ้านสามีมา แกก็ไปเปิดร้านขายเสื้อผ้า ตอนนั้นขายดีด้วย แต่งานหนักมากไม่สะดวกที่จะเอาลูกมาอยู่ด้วย อีกอย่างสามีเก่าบอกว่าให้เอาลูกทิ้งไว้ที่บ้านเถอะ เพราะยังไงที่บ้านก็มี ปู่ กับ ย่า ไม่ต้องกลัวเด็กจะลำบากหรือ มีใครมารังแกหรอก

ช่วงที่ น้องชบายังเป็น ทารก ทางพี่ก้อยเคยแวะซื้อนมผงดูเม็กส์สำหรับเด็กอ่อน กับของเล่นไปให้น้องชะเอม พอเห็นนังส้มเช้งกำลัง อุ้มลูกสาวตัวเองอยู่ก็ หมั่นไส้ แค้นใจมากเพราะความจริงคนที่ควรอยู่บ้านเลี้ยงลูกน่าจะเป็น ตัวเองมากกว่า ไม่ใช่ให้ ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยงลูกตัวเอง พี่ก้อยถึงขนาดสาปแช่งเลยว่าให้มีอันเป็นไป ตายโหง หน้าตาก็ดีไม่มีปัญญาหาผัวเหรอไง

คุณส้มเช้ง เธอเป็นคนด่าใครไม่เป็นนะคะ เอาแต่ร้องไห้อ้อนผัว
พี่ก้อยบอกว่า ยัยส้มเช้ง มันห่วงแต่ความสวยความงาม
วันๆเอาแต่ แต่งตัวสวยยั๊ว ผู้ชาย งานการไม่ทำ ให้สามีพี่หาเลี้ยงอย่างเดียว ขนาดมันแก่กว่าสามีพี่มันยังจับผู้ชายอยู่เลย

เอ๋ถามว่า “มันไม่มีลูกกับ สามีพี่เหรอ”
พี่ก้อยตอบว่า “ มันแก่แล้ว อายุเยอะมากแล้ว 40 กว่าแล้วคงไม่มีแล้วหล่ะ แต่มันแต่งตัว ไปทำมาทั้งหน้าเลยนะ ทั้งตา จมูก กว่าจะสวยได้ขนาดนั้น”

คุณส้มเช้ง เพราะอยากมีลูกมาก เลยรักน้องชบามาก น้องชบาก็ดันรักคุณส้มเช้ง มากกว่าแม่ตัวเองด้วยซ้ำเพราะ คุณส้มเช้งตามใจน้องชบาตลอด กับ ชะเอม คุณชบาไม่เคยตีเลยสักครั้งเพราะพี่ก้อยจะถามลูกสาวตลอดว่า อีแม่เลี้ยงมันตีเปล่า ชะเอมก็ตอบว่าไม่เคยตีเลยสักครั้งเดียว แต่ชะเอมจะไม่ชอบแม่เลี้ยง เพราะจำได้ว่า เพราะแม่เลี้ยงนี่แหล่ะเป็นต้นเหตุให้แม่ร้องไห้เสียใจ ทำให้พ่อแม่ต้องเลิกกัน

พี่ก้อยบอกว่า พี่คิดว่าพี่คงจะโชคดีหลังแต่งงานใหม่เพราะ คุณไก่เขาเป็นตำรวจ ก็คงจะเป็นคนดี เพราะเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
แต่พอมาอยู่ด้วยกันถึงรู้ว่าเลวมาก


คุณไก่ เคยมีเมียมาก่อนและมีลูก 2 คนแล้วเป็นลูกสาวหมดเลย พอมาแต่งงานกับพี่ก้อย ก็มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนก็คือน้องเชอรี่ที่ดิฉันได้เจอนี่แหล่ะ น้องเชอรี่หน้าไม่เหมือนแม่เลยนะคะ หน้าตาไปทางพ่อหมดเลย ดิฉันคิดว่า พี่ก้อยน่าจะหลงสามีคนที่2 มากกว่าคนแรกนะ

เพราะว่า พี่ไก่ หุ่นดีมาก สูง ไม่อ้วน แบบสามีคนแรก
สามีคนแรกของพี่ก้อยดิฉันไม่เคยเจอนะคะ แต่พี่ก้อยบอกว่าแก่กว่าพี่ก้อย 7 ปี ตอนนี้ อ้วนมาก ผิวขาวๆ แต่พี่ไก่จะ ผิวสองสี ไม่จัดว่าดำ แต่ก็ไม่ขาว จมูกจะโด่ง สูง 180 ได้หน้าตาดูเข้ม ไม่หล่อ แต่ดูคมเข้ม มาดแมน ผู้หญิงบางคนก็จะชอบคนหน้าตาสไตล์นี้

โดยเฉพาะพี่ก้อย ที่อายุมากกว่าแฟน 3 ปีแล้วก็พอมาได้แฟนเด็กแถมหน้าตาดี ก็เลยหลงมาก ผู้ชายขอเงินเท่าไหร่ก็ให้หมดตัว หมดหัวใจ พี่ก้อยรักแฟนมาก ช่วงแรกที่อยู่ด้วยกันใครก็อิจฉา พี่ไก่ แม้แต่เพื่อนพี่ไก่ก็อิจฉาพี่ไก่ ทีได้เมียรวย แถมไม่ปากจัดด้วย ตั้งแต่อยู่กันมา พี่ก้อยไม่เคยด่าแฟนตัวเองเลยสักครั้งเดียว เรียก
“คุณไก่” ตลอดพี่ก้อยรักสามีคนที่สองมากกว่าคนแรกอีก
ทั้งที่มันเลวพี่ก้อยก็รัก พี่ก้อยเล่าว่า สามีพี่ก้อยมีลูกมาแล้ว 2 คน

จากเมียเก่า ผู้ชายไม่เคยรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คนเลย ทำท้องแล้วทิ้งมา แถมพอรู้ว่าผู้หญิงไปขายตัวเลี้ยงลูกก็พูดจา ดูถูกถากถางด้วย ผู้หญิงไปให้เขาเอง พอท้องผู้ชายก็ทอดทิ้งพี่ก้อยเลยคิดว่า พี่ไก่รักพี่ก้อยมากกว่า เมียเก่า เพราะ


ตอนนั้นผู้ชายให้เกรียติพา ไปผูกข้อไม้ ข้อมือกันที่ สุพรรณแล้วก็จัดงานเลี้ยงในร้านอาหารที่กรุงเทพเชิญเพื่อนฝูงมาเป็นสักขี พยาน เพื่อนตำรวจของคุณไก่เขาก็มากันทั้งโรงพัก

5 ปีแรกดี พี่ก้อยก็เลยยอมมีลูกสาวด้วย 1 คนซึ่งก็คือ น้องเชอรี่
แต่ระยะหลังไม่ดีเลย คุณไก่ ไปเสียพนันบอกเป็น แสน
ทำให้พี่ก้อยต้องเบิกเงินที่ธนาคารมาใช้หนี้

สามีพี่ก้อย อยากได้บ้านสักหลัง เพราะไม่อยากพักอยู่บ้านพักตำรวจแล้ว เพราะมันคับแคบ พี่ก้อยเลยตัดสินใจ ขายที่ดินที่สุพรรณทั้งหมด ได้เงินมาเป็นล้านเอามาซื้อที่บ้าน ย่านพระประแดงซึ่งก็ใกล้ๆกับบ้านผัวเก่าแหล่ะ

แต่เงินมันยังไม่พอ ทางคุณไก่เลยทำเรื่อง กู้มาโป๊ะจนครบ
พี่ก้อยโง่มากนะ ที่ ยกให้ผู้ชายเป็นเจ้าของบ้านแต่เพียงผู้เดียว
หรือเพราะเรียนมาน้อยไม่รู้ กฎหมายหรือไงก็ไม่ทราบ
ความจริงแล้ว ควรจะเป็นเจ้าของร่วมกันนะคะ น่าจะมีชื่อร่วมกันถึงจะถูกสิ จะว่าไปผู้ชายออกเงินน้อยกว่าด้วยซ้ำแต่ตอนนั้นพี่ก้อยเขารักสามีเขามากๆ

บ้านทั้งหลังก็เลยตกเป็นของ “คุณตำรวจไก่ เพียงคนเดียว”
พี่ก้อยบอกว่า อยู่กินกับสามีคนนี้มา มีแต่หมดตัว

สามีใหม่เคยมาขอเงินไปลงทุนทำร้านอาหารกลางคืนกับเพื่อน
พี่ก้อยก็ เบิกเงินให้ แบบว่าโดนไถไปหลายรอบมาก จนหมดตัวไม่มีจะให้ จนเพื่อนตำรวจของคุณไก่ แอบสงสารพี่ก้อยมาก

ก็เลยแอบมากระซิบบอกว่า “ไอ้ไก่มันติดนักร้องคาเฟ่ แล้วมันก็ชอบเล่นการพนันด้วย” หลังจากรู้ความจริง พี่ก้อยเลยทะเลาะกับพี่ไก่บ้าน แถบแตกแต่ก็ไม่ได้ ด่ากัน หยาบคายนะคะ

พี่ก้อยกับพี่ไก่มาเลิกกันจริงๆก็เพราะ
คุณไก่ พาเมียใหม่ กับลูกติดของเมียใหม่ 2 คน เข้ามาอยู่ในบ้าน
ที่ดิฉันคิดว่าเลวเพราะ ความจริงพี่ก้อยเขาไมได้อยากเลิกด้วยนะคะ แต่คุณไก่ ไล่พี่ก้อยออกจากบ้านไป ให้ทิ้งลูกเอาไว้

แต่พี่ก้อย ไม่ยอม แล้วก็เอาลูกออกมาด้วย จนมาเจอดิฉันนี่แหล่ะคะ ดิฉันก็สงสัยนะ ทำไมผัวพี่ก้อยทำไมมันเลวจัง อยู่ดีๆ มาไล่คนออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาได้ไง
ดิฉันเลยถามไปว่า “ พี่ก้อยไป ด่าอะไร สามีพี่แบบ แสบๆเปล่า”
พี่ก้อย “ เปล่าเลยนะ พี่ไม่เคยด่าสามี เลยสักครั้งเดียว”
พี่ก้อยพูดว่า -
มันหน่ะเป็นคนเลวพี่รู้ดี แต่พี่ก็รักเขามาก มันไปจีบอีนั่นก่อนด้วยซ้ำ เพราะว่าผู้หญิงคนนี้สามีโดนคดี ยาเสพติด ผัวเลยโดนจับเข้าคุกไป แต่มีเงินในบัญชีถึง 10 ล้านบาท คุณตำรวจไก่ เป็นคนทำคดีนี้ร่วมกับผู้กำกับก็เลยตาโต

ก็เลย ตามจีบอีนังนั่น เพราะรู้ว่าอยากจะได้เงิน 10 ล้าน
เงินก้อนนี้จะโดนอายัด 10 ปี ต้องรอให้ครบ 10 ปีถึงจะใช้เงินด้วย
ช่วงที่ นาย ก มีคดียาเสพติด นางสาว ข เมียสุดที่รัก ก็มีพี่ไก่มาตามจีบติดพันด้วย คุณไก่ถูกตัดสินให้เข้าคุกไป 20 ปี ส่วนนางสาว ข ก็ไม่มีเงินเลยสักบาท เพราะเงินในบัญชี 10 ล้านถอนเอามาใช้ไมได้ มีเงินเหลือติดตัวไม่เยอะ แถมบ้านก็ไม่มีอยู่
ลูกสาว 2 คน กำลังกินกำลังใช้

พอคุณไก่ เข้ามาจีบ ยินดียื่นมือช่วยเหลือ นางสาว ข ก็กระโดดเข้าใส่ทันทีเพราะไม่มีอะไรเสีย อาจจะคิดว่าโชคดีด้วยซ้ำ ที่ได้ผัวใหม่เป็นตำรวจ แถมมีบ้านให้อยู่ไม่ต้องไปเช่าเขา ลูกสาวก็จะได้มีที่ซุกหัวนอนด้วย หารู้ไม่ว่ากำลังจะเจอกับ พญามารตัวโต
นาง ข รู้ว่า คุณไก่ มีลูกมีเมียแล้วแต่ก็ไม่สนใจ
อาจจะเพราะคิดว่า ตัวเอง สาวกว่า สวยกว่า หุ่นดีกว่า
ดิฉันดูแล้ว คิดว่าระวังให้ดีเถอะ ลูกสาว 2 คนต่อไปจะใช้สามีร่วมกับแม่ตัวเอง ส่วนผัวที่อยู่ในคุก พอออกจากคุกมาได้
ไอ้เงิน 10 ล้านอย่าหวังเลยว่า คุณไก่พญามารตัวโต จะได้เงินใช้ด้วย เพราะ นาย ก พญามารอีกตัว ก็คงร้ายเหมือนกันเผลอๆ นาง ข นางมารร้ายตัวโต ก็อาจจะไม่ได้รักอะไรคุณไก่เลยก็ได้แต่ที่อยู่ด้วยกันเพราะ มีความเดือดร้อนทางการเงิน

ดิฉันคิดว่าพี่ก้อย คงจะเป็นคนดีเกินไปนะคะเลยอยู่กับพวกเลวๆนี้ไมได้ ดิฉันก็แนะนำว่า “พี่ควรหาที่ปรึกษาทางกฎหมายได้แล้วนะแล้วอย่าไป โง่เซ็นสัญญาอะไรด้วย ถ้าผัวพี่เอาอะไรมาให้เซ็นสัญญา พี่อย่าเด็ดขาดนะ ระวังเถอะจะต้องใช้หนี้แทน”

พี่ก้อยบอกว่า ยังไมได้เซ็นหย่ากับสามีเลย เพราะยังรักเขาอยู่แล้วทาง คุณไก่ก็ยังไมได้ขอหย่า ดิฉันไม่รู้กฎหมายมากนักก็บอกว่า

ความจริง ทะเบียนสมรส มีแล้วดีนะ เพราะมันจะสามารถ
ทำให้เราฟ้องแบ่ง มรดกได้ ดิฉันแนะนำให้พี่เขาหาทนาย ฟ้องแบ่งมรดก แล้ว เรียกค่าเลี้ยงดู แต่พี่ก้อย แกโง่ ปนซื่อ แกบอกว่า
“ ไม่ได้หลอกเอ๋ เดี๋ยวมันจะซ้อมเอา พี่โดนมันซ้อมหลายทีแล้ว”
“ตอนอยู่ผัวเก่าไม่เคยเจอซ้อมเลย มาอยู่กับมันนะพอมีปัญหากันทีไร มันซ้อมทุกที พี่เลยไม่กล้าด่าอะไรมัน”

ดิฉันบอกว่า “พี่ลองไปนิตยสารชีวิตจริง พวกศาลาคนเศร้า และเรื่องต่างๆมาอ่านดูนะ เผื่อจะ คิดได้”
“หนูมีเพื่อน นิสัยคล้ายพี่เลยนะเขารักแฟนเขามาก”
“แฟนเขาติดหนี้บัตรเครดิตเป็นแสน”
“มายืมเงินมัน มันก็เลยถอนเงินที่ฝากเอาให้หมดตัวเลยนะ แถมไปกดเอาเงินในบัตรเครดิตของตัวเองทุกใบ ไปให้มันใช้หนี้อีก”
“สุดท้ายมันหนีไปเลย........เปลื่ยนเบอร์มือถือ ย้ายจากคอนโดที่เช่าอยู่ไปเลย”

มันเอาเงินไป 3 แสนแล้วหนีไปทุเรศสุดๆทำไมต้องมีผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนี้บนโลกด้วยนะ
ตอนนี้เพื่อนหนูน่าสงสารมากเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยพี่ มันผอมไปเลยนะ จากตอนแรกที่อวบๆ มันต้องทำงานหนักหาเงินใช้หนี้ ต้องไปไหว้ขอยืมเงินจากเพื่อนคนนั้นคนนี้เอามาใช้หนี้เลยนะพี่
ถามจริง พี่ก้อยอยากจะเป็นแบบเพื่อนหนูเหรอคะ

พี่ก้อยเขาก็เงียบไป “ ตอนนี้พี่คิดแต่เรื่องทำมาหากิน พี่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูก กับตัวเอง”

ล่าสุดพี่ก้อยไป สมัครเป็นผู้จ้างโรงงาน เจ้าของใจดีมาก อนุญาติให้เอางานกลับไปทำบ้านได้ พอบ่าย 2 พี่เขาก็ไปรับลูกแล้วก็กลับมานั่ง ร้อยสร้อย ความจริงเจ้าของโรงงานจิวเวอรี่แห่งนี้

เขาเคยรู้จักกับพี่ก้อยมาก่อนคะ เพราะตอนนั้นพี่ก้อย เคยเป็นเจ๊ โรงงานจิวเวอรี่เหมือนกัน พี่ก้อยเคยเอาบิลมาวาง แล้วรับเอา ลูกปัด จากที่นี่ไปทำที่โรงงานเล็กของตัวเอง

โรงงานที่พี่ก้อยทำตอนที่ดิฉันเจอ จะโรงงานใหญ่กว่า เจ้าของรวยมาก แล้วทำห้องเช่าให้คนทั่วไป และลูกจ้างเช่ากันอยู่ด้วย คิด 1500 -2500 แล้วแต่หล่ะขนาดของห้อง มีห้องเล็ก ห้องใหญ่ พี่ก้อยจะเช่าห้องหล่ะ 1500 อยู่ชั้น 5 คะดิฉันไปหาที แถบคลานขึ้นบันได มันเหนื่อยมาก ลิฟท์ก็ไม่มี

ดิฉันคิดในใจนะคะว่า ความจริงขายเสื้อผ้าก็ดีอยู่แล้ว ดันเชื่อ
คนไม่ดีเอาเงินไปลงทุนกับเขาหมด จนไม่มีเงินจะซื้อเสื้อใหม่ๆมาลงขายหลังๆก็ต้องเลิกไปเพราะ ขายของไม่ได้ขาดทุน ถ้าไม่ใจอ่อน หลงเขามากมาย แบ่งเงินไปทำทุนของตัวเองบ้างคงไม่ลำบากแบบนี้หรอก พอหมดตัวไม่มีเงินเหลือสักบาท ผู้หญิงก็เห็นว่าไม่มีค่าเป็นหมาหัวเน่านึกจะไล่ก็ไล่ออกจากบ้าน โดยไม่นึกถึงความดีที่เคยทำให้

ความจริง คนเราจะรักใครก็รักได้นะ มันไม่ผิดหรอก
แต่เราไม่ควรโง่ จนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เราสามารถรักใครก็ได้
แต่เราควรรักตัวเองให้มากที่สุด ถ้าพี่เข้าคุกไปใครจะเลี้ยงลูก พี่จะให้ลูกพี่ไปอยู่กับแม่เลี้ยงแบบพี่เหรอ แล้วแม่เลี้ยงคนนี้จะดีเปล่าไม่รู้

ความจริงพี่ก้อยเคยบ่นหลายครั้งนะคะ ว่าญาติที่ สุพรรณ โทรมาบอกว่า มีจดหมายส่งมาจาก กรุงเทพ บอกให้เอามอเตอร์ไซด์ไปคืนเพราะว่า
บัตรประชาชนของพี่ก้อย ชื่อมันไปขึ้นอยู่ที่ สุพรรณ พี่ก้อยรำคาญมากเลยไม่ค่อยอยากรับมือถือเพราะรู้ดีว่าทางญาติที่สุพรรณต้อง โทรมาบ่นแน่ๆ

ความจริงดิฉันเคยเจอ พี่ก้องน้องชายพี่ก้อยนะคะ
กับ น้องชะเอมลูกสาวพี่ก้อยนะคะ วันนั้นน้องชะเอม เอาไข่มาให้ 30 ฟอง แล้วก็แอบเอาเงินมาให้ 500 บาท ส่วนน้องชายสงสารไงก็เลยเอาเงินมาให้ 3000 บาทเพราะสมัยที่พี่ก้อยร่ำรวย เป็นเมียเจ้าของโรงงานทำจิวเวอร์รี่ เคยให้เงินน้องชายใช้บ่อยๆ ให้ทีหลายพันด้วย ตอนนั้นก็แบ่งเงิน
ให้พ่อ แม่ ญาติพี่น้องใช้ทั่วหน้าเลยพอพี่สาวลำบาก น้องก้องก็เลยมาทดแทนบุญคุณ ก็เอาเงินให้เรื่อยๆ ตอนน้องเชอรี่ไม่สบายเคยโทรตาม คุณไก่ให้มาพาลูกไป โรงพยาบาลแต่ พ่อแท้ๆของน้องเชอรี่กับบอกว่าติดงานสำคัญมาไมได้ พี่ก้อยเลยต้องโทรหาน้องชายให้ช่วยพาไป โรงพยาบาลที หมดเงินไปเยอะมากโชคดีที่น้องชายยัดเงินใส่มือให้ 2000 บาทตอนแรกจะไม่เอาแล้ว แต่น้องชายบอกว่าเอาไปเถอะ
พอกลับมาบ้าน คุณไก่ก็โทรมาหา พี่ก้อยบอกว่า เนื่ยลูกนอนอยู่โรงพยาบาล คุณไก่ก็เลยมาค้างกับพี่ก้อย ผู้ชายเขามาขอมีอะไรด้วยพี่ก้อยก็ยอม อีกอย่างลูกก็ไมได้อยู่บ้านไปนอนที่โรงพยาบาลผู้ชายคงเห็นโอกาสเหมาะที่จะมี อะไรกับเมียเก่า

ทางนางสาว ข นางมารร้าย โทรมาด่าพี่ก้อยสารพัด
พี่ก้อยดันไปกลัวเขาอีกนะ พี่ก้อยบอกว่าผู้ชายไม่เคยให้เงินใช้เลยสักบาท บางทีมาหาเอาเงินให้ลูก 50 บาทให้ลูกดีใจเล่น พอจะกลับก็ขอ 50 บาทคืน โอ้วโหวดิฉันคนแค่คนนอก ยังให้ที 100 -200 เลยนะคะ
ไม่เคยทวงคืนด้วยเพราะสงสาร เจอแบบนี้ไม่ไหวจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้


พี่ก้อยบอกว่าอยากจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่าเหมือนกัน เพราะลูกสาวก็มาคอยตามให้กลับไปง้อพ่อ ตลอด แต่พี่ก้อยเป็นคนมีนิสัยหยิ่ง ไม่ยอมง้อใครเด็ดขาด ก็เลยไม่ได้คืนดีกัน
พี่ก้อยบอกว่าถ้า ตอนนั้นใจเย็นไม่ยอมออกจากบ้าน สามีคนแรก
ป่านนี้ก็ สบายไปแล้ว คงจะมีเงินทองกินใช้แบบสุขสบายเพราะ
สามีคนแรกเป็นคนขยันทำมาหากิน ให้เงินเมียใช้แบบสุขสบายไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก เวลาจะทานอะไรต้องทานร้านอาหาร ทานแต่ของดี ของแพง แต่พอมาอยู่กับผัวคนที่สอง ลำบากมากๆ
เอาแต่ผลาญเงิน แถมชอบซ้อมเมียด้วย ทั้งที่พี่ก้อยรักสามีคนที่สองมากที่สุด


ช่วงก่อนวันลอยกระทง ดิฉันเคยชวนพี่ก้อยกับลูก ไปทำบุญและลอยกระทงที่วัด เพราะเขามีพีธีสวดสะเดาะห์เคราะห์ด้วย

พี่ก้อยบอกว่า สามี จะมารับลูกไปเทื่ยว พี่ไก่โทรมาบอกว่าจะรับลูกไปเทื่ยวให้น้องเชอรี่แต่งตัวสวยๆจะพาไปเทื่ยว
ดิฉันก็เตือนไปว่า “พี่ระวังนะ อย่าไปไว้ใจอะไรเขาอีกเลยหนูฟังแล้วผู้ชายคนนี้น่ากลัว”
มีอย่างที่ไหน อยากได้มอไซด์คันใหม่ ไล่เมียออกจากบ้านมาแล้ว ยังให้เมียทำเรื่อง เป็นคนเซ็นสัญญาซื้อแทนตัวเอง ทุเรศสุดๆตัวเองอยากได้ มอเตอร์ไซด์คันใหม่ แต่ให้เมียมาเป็นคนเซ็นสัญญาซื้อถ้าหนูรู้จักพี่ก่อนนะนูจะเตือนให้พี่ตา สว่างแต่แรกแล้ว

พี่ก้อยเขาก็รักของเขาดิฉันก็เข้าใจนะคะพูดไปเขาก็ไม่ฟัง

แต่หลังจากวันนั้น ดิฉันก็เงียบหายไป ทางพี่เขาก็ไมได้โทรมาอาจจะเพราะไม่มีเงินเติมมือถือก็ได้ ดิฉันก็รู้สึกเป็นห่วงเขาแบบบอกไม่ถูกนะคะ พอเลิกงานเลยแวะไปหาเอาตอนบ่าย 5 โมงเย็น

พี่ก้อยเล่าว่า ผัวพี่มันเลวมากมันหลอกพี่ มันมารับพี่ที่หอพักแต่เช้าเลยนะ มันขับรถพาพี่ไปที่ ศูนย์จำหน่ายรถกระบะ รถเก๋ง มือหนึ่ง และมือสอง มันบอกว่ามันอยากจะได้ “รถกระบะ สีน้ำเงินเข้ม มือหนึ่ง ป้ายแดง”

มันบอกว่า จะให้พี่เซ็นสัญญาเป็น คู่ร่วมซื้อ กับ มัน พี่ก้อยตกใจมาก พี่ก้อยก็พยายามอธิบายให้ฟังว่าไมได้นะ ยังไงก็ไม่ยอม ผู้ชายโกรธมาก ด่าใหญ่เลย ผู้ชายมันเลยพาไปหย่าที่อำเภอเลยวันนั้น ฉลองลอยกระทง พี่ก็ร้องไห้ตลอดทางเลยนะ มันก็ด่าหยาบคายมาก มันบอกว่ามันจะไม่สนใจทั้งแม่ ทั้งลูกแล้วเพราะ พี่ดื้อรั้น ไม่ฟังมัน ตอนไปหย่าที่อำเภอ เจ้าหน้าที่ก็พยายามไกล่เกลื่ยให้คืนดีกันนะ เพราะเห็นว่าเอาลูกสาวมาด้วย ก็เลยพยายามพูดว่าไม่สงสารลูกเหรอ ลูกสาวยังเล็กอยู่เลยนะ
ตอนนั้นพี่ก้อยเอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมพูดอะไร ส่วนผู้ชายบอกว่า เราเข้ากันไมได้ครับ ส่วนทางลูกสาวก็นั่งรออยู่ข้างหลัง ความจริงน้องเชอรี่รักพ่อมากนะคะ แต่เหตุการณ์วันนั้นทำให้น้องเชอรี่ไม่ร้องหาพ่ออีกเลย พี่ก้อยเขายังเอา ใบหย่ามาให้ดิฉันดูเลย
ดิฉันก็บอกว่า “หย่ากันก็ดีนะ ถ้าผู้ชายไปสร้างหนี้สินอะไรไว้ พี่จะได้ไม่ต้องมาใช้หนี้แทน หย่าไปก็ดีแล้ว”
พี่ก้อยบอกดิฉันว่าจะกลับไปอยู่ ต่างจังหวัดเพราะเบื่อกรุงเทพ มีแต่คนหลอกลวง จะเอาลูกไปอยู่ด้วย แต่ในอนาคตไม่แน่อาจจะขึ้นมาหางานทำให้ กรุงเทพก็ได้ กับผู้ชายคนนี้ตอนนี้เขาตัดใจได้แล้ว หลังจากที่โง่มา 10 กว่าปี เพราะผู้ชายเลวมากเกินไปที่พี่รักเขาได้แล้ว เพราะเขาหลอกลวงพี่ไม่พูดความจริง

เขาก็เห็นว่าพี่กับลูก อยู่กันสองแม่ลูกลำบากแค่ไหนเขาเคยมาสนใจ มาเหลียวแลไหม เงินทองก็ไม่เคยให้ มีแต่มาสร้างความเดือดร้อน ไม่รู้เป็นผู้ชายประเภทไหนกัน ขนาดเพื่อนมันเองยังสงสารพี่เลย แต่ตัวมันไม่เคยสงสารพี่กับลูกเลย

เงินเดือนออกแทนที่จะเอามาผ่อน มอเตอร์ไซด์เพราะตัวเองก็ขับ
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: กฏแห่งกรรม เรื่องของพี่ก้อย...สุดๆ เลย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 08:26:27 pm »
0
ลุมพรางแห่งชะตาหญิ



          คุณสมภพ...เล่าเรื่องราวกฏแห่งกรรมเรื่องของพี่ก้อย ไม่ทราบนำมาจากไหนกันจริงหรือเท็จ เอาเป็นว่า

ผมได้อ่านเนื้อความแล้วรู้สึกคล้อยตามไปด้วยกับเรื่องที่นำมาเล่า เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่ขอสอดแซกเรื่องธรรม แต่

จะขอโต้ซื่อๆแบบชาวโลก จากบทบาทของตัวละครชีวิต “พี่ก้อย” เป็นภาพสะท้อนวิถีอิตถีเพศในสังคมปัจจุบันได้

ดีเรื่องหนึ่ง ในด้านความรัก จากบทบาทของคุณ “พี่ก้อย” คนนี้มีปมด้อยในหัวใจจากความแตกแยกเห็นแก่

ตัว(เจ้าชู้)ของผู้เป็นพ่อ ซึ่ง...เท่ากับการขุดหลุมพรางแห่งชะตากรรม เพราะช่วงชีวิตที่คนเราเติบโตเราจะถูกหล่อ

หลอมอุปนิสัยเมื่อเติบใหญ่ ความรักความผิดพลาดจากความรั้นขืนแข็งในชีวิตครอบครัวคือก้าวแรกที่

พลาด พลาดเพราะแรกชอบง่ายไป ตามติดด้วยรักไม่เหนียวแน่นพอจึงร้างลา ท้ายสุดจบลงที่หลงจนนำพาไปสู่

ทุกข์ ณ วันนี้อย่าครวญให้โลกเห็นใจ มีแต่โลกสมน้ำหน้า อับจนอกตรมอยู่กับห้องเช่า ตัวตนที่เหลือเพียงซาก

เรือนกายที่ไร้หัวใจ ผู้หญิงเกิดมาต้องถูกกระทำเยื่องนี้ไม่สิ้นสุด เป็นเหยื่อตัณหาราคะ สนองต่ออำนาจ ศักดิ์ศรี

ของผู้ชายไม่หยุดหย่อน ตื่นรู้ดูตัวเองเถอะว่า เราก็คนมีจิตวิญญาณ อย่าทอดกายให้ชะตาพาไปอย่างสิ้นค่า มาหา

คุณค่าจิตแท้อย่างตื่นรู้ดูความเป็นจริงของชีวิต อย่าเพ้อฝันว่า เราเป็นสิ่งงดงามมีค่าอยู่คู่โลก แล้วให้โลกย่ำยี


          จากเนื้อเรื่อง ผมอยากมองประเด็นเดียว คือ ความรัก เพราะพิจารณาแล้ว ผู้หญิงหนีไม่พ้นความรัก

และไอ้ตัวความรักนี่แหละที่เป็นหลุมพรางแห่งโชคชะตาที่คุณเธอต้องหมกจมอย่างสิ้นค่า(โลกเย้ยหยัน)  บท

เรียนจากรุ่นสู่รุ่น รุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่เคยทำให้โศกนาฏกรรมความรักจบ มันมีภาคต่อสอง สาม ยิ่งกว่าไตรภาคเสีย

อีก ลูกผู้หญิงเกิดมาใช่ว่ามีโชคดี และความโชคดีในชีวิตมีได้ไม่บ่อย อย่าผลาดกับชีวิตบ่อยนัก ชีวิตไม่ใช่อยู่

เพื่อเพ้อฝัน แต่เราอยู่กับความจริงที่เจ็บปวดเสมอ ผมอยากให้เรื่องราวกฏแห่งกรรมเรื่องนี้ชี้บอกอะไรกับผู้หญิง

ความรักไม่ได้งดงามเสมอไป แต่มันคือหลุมพรางแห่งชะตาลูกผู้หญิงครับ “จงอย่าเพรียกหาความรัก จากโลกที่

เห็นแก่ตัว” ผมขอฝากประโยคทิ้งท้ายไว้อย่างนี้ครับว่า ตราบใดที่โลกยังคงมีความรัก ตราบนั้นโลกไม่สิ้น

โศก........สวัสดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 17, 2010, 09:28:30 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา