ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ  (อ่าน 8816 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Gain

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ทุกสิ่งที่เกิดมามีชีวิต มีวิญญาณทุกตัวทุกตนไหม?
- เช่น แมลง  ปลา  ปรสิต  ฯลฯ   
- ถ้ามีไม่หมด ต่ำกว่าระดับใดไม่มีวิญญาณ

ขอลำดับขั้นการเกิดด้วยครับ ( รวมถึงจิตเก่า )
คำที่ว่า " ต้ิองสะสมความดีมาพอที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้ " ดีพอน้อยที่สุดแค่ไหน ก็ได้เกิดครับ
 :smiley_confused1:ช่วยอธิบายขยายความด้วยครับ :smiley_confused1:ขอบคุณล่วงหน้าครับ :c017:


บันทึกการเข้า

paisalee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 382
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 07:00:54 pm »
0
กำเนิดมี 4 ประการ มีขันธ์ 5 มี ขันธ์เดียว มีัขันธ์ 4 บ้างไม่เท่ากัน

กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อย ภพใหญ่ก็ดี

โลกมนุษย์ ก็จัดเป็นภพ ๆ หนึ่ง

กายมนุษย์ ก็จัดเป็นภพ ๆ หนึ่ง

ขันธ์ 5 ก็เป็นภพ ๆ หนึ่ง

  การนับสัตว์ที่มีชีิวิต คือ สัตว์ใดมีปราณ ใช้ลมหายใจ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต สัตว์นั้นชื่อว่ามีชีวิต
ดังนั้น ระดับเชื้อโรค ปรสิต ไม่ได้ใช้ปราณ ไม่นับ

  กำเนิดมี 4
  คือ 1 เกิดในครรภ์

      2 เกิดในไข่

      3 เกิดในเถ้าไคล

      4 เกิดขึ้นเอง

 ต้องสะสมบุญบารมีแบบไหน จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ตามที่เรียนมา บุญด้วยการภาวนา มีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นต้น ผสมกันไป

  ศีล ตั้งแต่ ศีล 5
  สมาธิ ตั้งแต่ ขณิกะสมาธิ
  ปัญญา ตั้งแต่ ปริยัติ

  ก็ประมาณนี้ แหละครับ

  :67:
บันทึกการเข้า
บุญที่้ข้าพเจ้าได้ทำวันนี้ ขออุทิศให้แก่ บิดาและน้องชายที่ล่วงลับ มารดาที่ยังมีชีวิตอยู่

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 07:15:12 pm »
0
ต้องศึกษาเรื่องกรรม ด้วยครับ
  กรรมมี 3 อย่างครับ
    1.กรรมดี 2.กรรมชั่ว 3.อัพยากตกรรม
  ในกรรมนี้ไม่ต้องเรียนเรื่อง กรรมดี กับ อัพยากตกรรม ก็ได้เรียนเรื่อง กรรมชั่ว อันเดียวก็พอ
เพราะกรรมชั่ว แบ่งเป็น 3 ระดับ สถานเบา สถานกลาง สถานหนัก
   
    การทำกรรมนั้น มี องค์ประกอบ ดังนี้
    1.ตัวเราผู้ คิด พูด ทำ ชั่ว 2.ตัวผู้ถูกกรรมที่เราทำ ทั้งทางตรง และทางอ้อม 3.ระยะเวลา

    ยกตัวอย่าง
    1.เราคิดจะด่าเพื่อน ๆ ใจทุกข์แล้วเป็นบาปแล้ว แต่ส่งผลแค่เรา เพราะยังไม่ได้ด่า หรือ กระทำการเรียกว่าด่า
    2.ได้ด่าด้วยวาจา และท่าทาง โดยตรง
    3.ได้ด่าเป็นระยะเวลาหลายวัน ด่าจนเป็นนิสัย ทุกวัน

   ที่นี้กรรมที่จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์ นั้นต้องเป็นกรรมที่ละชั่ว และทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ครับ

  เรื่องพวกนี้กล่าวไปมาก ๆ ก็เป็นอจิณไตรย ( คือ คิดได้ไม่รู้จบ ) เป็นคำถามที่พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสแสดงไว้ว่าเป็นทิฏฐิ ที่ผิด คือ มัวแต่มาตั้งคำถามว่า เราจะเกิดหรือไม่ เราจะเกิดเป็นอะไร ดังนี้เป็นต้น

  ดังนั้นความคิดอย่างนี้ยังจัดเป็นทิฏฐิ ที่ผิดอยู่นะครับ

  เอาเป็นว่า คุยกันพอได้อัธยาศัย ครับ

   :s_hi:
       
   
บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 08:29:32 pm »
0
คำที่ว่า " ต้ิองสะสมความดีมาพอที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้ " ดีพอน้อยที่สุดแค่ไหน ครับ


คุณธรรมอันเป็นเครื่องหมายแห่งการธำรงอยู่ของมนุษย์ 2 ประการ คือ

- หิริ     ความรู้ละอายใจในตน

- โอตตัปปะ     ความเกรงกลัวต่อบาปอกุศลทั้งปวง




http://www.kaewjamfa.org/article-113.php
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 08, 2011, 08:48:24 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

Husapol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 17
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 10:52:02 pm »
0
ทุกสิ่งที่เกิดมามีชีวิต มีวิญญาณทุกตัวทุกตนไหม?
- เช่น แมลง  ปลา  ปรสิต  ฯลฯ   
- ถ้ามีไม่หมด ต่ำกว่าระดับใดไม่มีวิญญาณ

ขอลำดับขั้นการเกิดด้วยครับ ( รวมถึงจิตเก่า )
คำที่ว่า " ต้ิองสะสมความดีมาพอที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้ " ดีพอน้อยที่สุดแค่ไหน ก็ได้เกิดครับ
 :smiley_confused1:ช่วยอธิบายขยายความด้วยครับ :smiley_confused1:ขอบคุณล่วงหน้าครับ
:c017:

ไม่ทั้งหมด สิ่งมีชีวิตบางประเภทก็ไม่มีจิตวิญญานอาศัยอยู่ เช่น ต้นไม้ พืช นอกนั้น มนุษย์ สัตว์ทั้งหมดทุกประเภท มีจิตวิญญานหมด เกิดมาเพราะอำนาจกรรมส่งผลให้เกิด ดี เลว หยาบ หรือปราณีต อันนี้ต้องศึกษาเอาอีกทีจากในหนังสือประเภท กฎแห่งกรรม จะได้รู้ละเอียดกว่านี้จริง ๆแล้วอยากจะพูดคุยกันมากกว่าเพราะผมไม่ถนัดเรื่องพิมพ์เท่าไหร่ และที่ถามว่าสะสมความดีมากเท่าไหร่ถึงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ อันนี้พื้นฐานแน่นอนก็ต้องรักษาศีล 5 ข้อให้บริสุทธิ์ให้ได้นานที่สุดเพราะจะได้มีกำลังในฝ่ายศีลนำเกิดในสุคติภูมิอีกครั้ง (โลกมนุษย์) และสิ่งที่สำคุญคือ ต้องมีจิตที่เป็นสัมมาทิฐิด้วย คือ เห็นถูกต้องตามหลัความเป็นจริง เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บาปบุญมีจริง โลกหน้ามีจริง นรกสวรรค์มีจริง อย่างนี้เป็นต้น
บันทึกการเข้า

Gain

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 05:06:11 pm »
0
ขอขอบคุณคำตอบของทุกๆท่านครับ
คำถามที่ถาม ผมไม่อยากคิดตอบเองกลัวผิด แต่มันไม่กระจ่างคลายความไม่รู้เห็นตามนั้น :banghead:
คำถามคือ :smiley_confused1:
1. ปลามีวิญญาณ แมลงมีวิญญาณ ใช่ไหม?  เห็บ หมัด หมา มีวิญญาณไหมครับ ? ตอบ yes or no เลยครับ
2. และที่เกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก กันต้องอยู่ใต้กฏเกณฑ์อะไรบ้าง ขอเพิ่มครับ รบกวนอีกทีครับ :c017:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2011, 05:13:45 pm โดย Gain »
บันทึกการเข้า

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 05:28:57 pm »
0
อ้างถึง
1. ปลามีวิญญาณ แมลงมีวิญญาณ ใช่ไหม?  เห็บ หมัด หมา มีวิญญาณไหมครับ ? ตอบ yes or no เลยครับ

 yes

อ้างถึง
2. และที่เกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก กันต้องอยู่ใต้กฏเกณฑ์อะไรบ้าง ขอเพิ่มครับ รบกวนอีกทีครับ

จิตที่อธิษฐาน เช่นเรารักแม่ อยากเกิดกับแม่เรา แต่แม่เรารักพ่อ ก็เลยต้องมีพ่อ ที่ร่วมกับแม่ด้วย
ในกรณีนี้เป็นกรณี สำหรับลูกที่สงสัย ว่าไม่อยากเกิดกับพ่อคนนี้ แต่อยากเกิดกับแม่คนนี้

บุญกรรมที่สร้างสั่งสมไว้ บุญที่ทำร่วมกัน หลายสิบร้อยพันหมื่นล้านชาติ ( จริง ๆ นะ )

 :67:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2011, 05:30:43 pm โดย total »
บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 05:34:16 pm »
0
คุณเข้าใจ วิญญาณ ในความหมายไหนครับ

 วิญญาณ เป็น จิตที่ล่องลอย แบบสัมภะเวสี

 วิญญาณ คือ คือความรับรู้การการกระทบ

 วิญญาณ คือ จิตที่อยู่ในกาย

   :93:
บันทึกการเข้า

ploy

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 6
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 06:25:50 pm »
0
การเกิดนั้น นอกจากทำดีแล้ว มีศีลแล้ว  ยังขึ้นกับว่า ตอนที่จิตสุดท้ายจะออกจากร่างเราไปแล้ว  ณ ตอนนั้นเราคิดถึงอะไร  ถ้าเป็นกุศล ก็อาจเกิดเป็นมนุษย์ หรือโอปาติกะสูงกว่า เช่น เทวดาหรือพรหม    ถ้าเป็นอกุศลก็อาจเข้าสู่ อบายภูมิ(เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน นรก)ได้ หรือถ้าตอนจิตพ้นจากร่าง เข้าใจพระสัจธรรมก็อาจหลุดพ้นได้

การทำสมาธิฝึกดูลมหายใจ นึกถึงความตายว่าสามารถเกิดกับเราได้เสมอ  อย่างน้อยก็จะได้เอากายเป็นเครื่องอยู่ ไม่ตกกะใจ หรือทุรนทุรายเจ็บปวด หรือ โกรธแค้น ให้จิตสุดท้ายต้องนึกถึงอกุศล  คะ

การส่งผลของกรรม นอกจากส่งผลถึงการเกิดแล้ว ยังส่งผลหลังการเกิดด้วย

การจะเลือกว่าเกิดเป็นอะไร รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ หรือจะเกิดกับใคร นั้นคงอยู่ที่กรรมเป็นผู้กำหนดคะ  ทำกรรมดีไว้ ไม่เสียหลายคะ  อย่างน้อยถ้ามีโอกาสพบท่านพระยายมที่จะถาม เรื่องเทวฑูต4 เราจะได้ตอยว่า เราได้ทำดีแล้วซึ่งกายวาจาใจ  เพื่อไม่ประมาท เพราะเราเห็นแล้วว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์เพียงใด

ส่วนจะไปเกิดเจอคนที่รัก หรือไม่รักนั้น  เอาคติไว้ว่า ถ้าเราทำแต่สิ่งดีๆให้กับทั้งพ่อ และแม่  ไม่ว่าท่านจะใจดีกับเราหรือไม่  เราได้ชดใช้กรรมที่ไม่ดีในอดีตกับท่านไปแล้ว ด้วยการไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีตอบ  และสร้างบุญอันยิ่งใหญ่ต่อพระอรหันต์ในบ้าน  ภพข้างหน้าถ้าได้เจอท่านอีก ไม่ว่าท่านใดก็ตาม เราก็จะได้เจอสิ่งดีๆเสมอ  แต่ถ้าเราเลือกที่รักที่ชัง  ไม่ชอบท่านใด ปฏิบัติไม่ดี  ภพข้างหน้าก็ชดใช้กรรมไม่ดีต่อไปไม่สิ้นสุดคะ :021:
เพราะฉนั้นเกิดเป็นพ่อแม่ลูกกันก็ต้องมีกรรมทั้งที่ดีและอาจไม่ดีในอดีตร่วมกันคะ  ซึ่งเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้    แต่ภพข้างหน้าเรากำหนดเองด้วยการทำแต่กรรมดีคะ  เราก็จะได้เจอสิ่งที่ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2011, 06:33:44 pm โดย ploy »
บันทึกการเข้า

Gain

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 07:47:58 pm »
0
 :banghead: :banghead: :banghead: :banghead: :banghead: :c017:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28453
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 08:04:10 pm »
0
บทเรียนพระอภิธรรมทางไปรษณีย์ ชุดที่ ๒
ชีวิตคืออะไร


ชีวิตคืออะไร ตามหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นวิทยาการทางโลกนั้นสิ่งมีชีวิตหมายถึง สิ่งที่เจริญเติบโตได้ กินอาหารได้ เคลื่อนไหวได้ และสืบพันธุ์ได้ ซึ่งนอกจากจะหมายถึงมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายแล้วยังหมายถึงพืชอีกด้วย

แต่ในพระอภิธรรมนั้นให้คำจำกัดความของชีวิตไว้ว่า “ชีวิตคือความเป็นอยู่ของร่างกาย จิตและเจตสิก โดยอาศัยกรรมเป็นผู้นาเกิดและตามรักษาดารงชีวิต และกระทำการต่าง ๆ ได้โดยอาศัยจิตและเจตสิกเป็นผู้กำกับ”

ส่วนต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายนั้น ทางธรรมะเรียกว่า “รูปธรรม” หรือเรียกสั้นๆ ว่า รูป เป็นธรรมชาติที่ไม่มีความรู้สึก นึกคิดใดๆ ทั้งสิ้น เปรียบได้ดั่งท่อนไม้ ส่วน จิตและเจตสิก เป็นนามธรรม หรือเรียกสั้นๆ ว่า นาม เป็นธรรมชาติที่รับรู้สิ่งต่างๆ และสามารถคิดนึกเรื่องราวต่างๆ ได้

ดังนั้นตัวเราหรือสัตว์ทั้งหลาย จึงมีส่วนประกอบอยู่ ๓ ส่วน ได้แก่ กาย จิตและเจตสิก ซึ่งในทางธรรม เรียกว่า รูป กับ นาม แต่เนื่องจากพืชทั้งหลายไม่ได้เกิดมาจากกรรม ไม่มีจิตและเจตสิกในการรับรู้ คิดนึกเรื่องราวต่างๆ

ดังนั้นคำว่า “ชีวิต” ในพระอภิธรรมจึงหมายถึง มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเท่านั้น คำว่า “สัตว์” ในที่นี้มิได้หมายถึง เฉพาะสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น แต่หมายถึง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภพภูมิ

ดังนั้น มนุษย์จึงถือว่าเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งด้วย สัตว์ทั้งหลายในจักรวาลนี้ ล้วนประกอบด้วยธรรมชาติ ๓ อย่าง คือ รูป จิตและเจตสิก ที่สาคัญผิดคิดว่าเป็น “เรา” เป็น “ตัวตนของเรา” แท้ที่จริงแล้วมีแต่รูปกับนามเท่านั้นที่เกิดขึ้นและดับไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีส่วนไหนเลยที่เป็น “ตัวตนของเรา” แม้จะรวมกันเข้าแล้วก็ยังไม่ใช่ “เรา” อีกเช่นเคย

แม้คนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยรู้จักพระพุทธศาสนามาก่อน หรือผู้ที่นับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม ทุกคนล้วนประกอบด้วยรูป จิตและเจตสิก ที่มีการเกิดดับอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลาเหมือนกันทั้งสิ้น เพราะสัตว์ทั้งหลายไม่รู้ธรรมชาติที่เป็นจริงนี้ จึงทาให้ยึด รูป-นาม ขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวตนของเรา

โดยมีกิเลสตัณหา เป็นผู้บงการให้กระทากรรมต่างๆ ทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป แล้ววิบากที่เป็นผลของกรรมนั้น ก็จะส่งผลให้ต้องเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ

ที่มา  http://www.abhidhamonline.org/


ขันธ์ ๕ หรือ เบญจขันธ์ (กองแห่งรูปธรรมและนามธรรม ๕ หมวด ที่ประชุมกันเข้าเป็นหน่วยรวม ซึ่งบัญญัติเรียกว่า สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นต้น, ส่วนประกอบ ๕ อย่างที่รวมเข้าเป็นชีวิต)

๑. รูปขันธ์ (กองรูป, ส่วนที่เป็นรูป, ร่างกาย พฤติกรรม และคุณสมบัติต่างๆ ของส่วนที่เป็นร่างกาย, ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด, สิ่งที่เป็นร่างพร้อมทั้งคุณและอาการ)

๒. เวทนาขันธ์ (กองเวทนา, ส่วนที่เป็นการเสวยอารมณ์, ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ)

๓. สัญญาขันธ์ (กองสัญญา, ส่วนที่เป็นความกำหนดหมาย, ความกำหนดได้หมายรู้ในอารมณ์ ๖ เช่นว่า ขาว เขียว ดำ แดง เป็นต้น)

๔. สังขารขันธ์ (กองสังขาร, ส่วนที่เป็นความปรุงแต่ง, สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ, คุณสมบัติต่างๆ ของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ที่ปรุงแต่งคุณภาพของจิต ให้เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต)

๕. วิญญาณขันธ์ (กองวิญญาณ, ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งอารมณ์, ความรู้อารมณ์ทางอายตนะทั้ง ๖ มีการเห็น การได้ยิน เป็นต้น ได้แก่ วิญญาณ ๖)


ขันธ์ 5 นี้ ย่อลงมาเป็น 2 คือ นาม และ รูป; รูปขันธ์จัดเป็นรูป, 4 ขันธ์ นอกนั้นเป็นนาม.
อีกอย่างหนึ่ง จัดเข้าในปรมัตถธรรม 4 :
     - วิญญาณขันธ์เป็น จิต,
     - เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์ เป็น เจตสิก,
     - รูปขันธ์ เป็น รูป,
     - ส่วน นิพพาน เป็นขันธวินิมุต คือ พ้นจากขันธ์ 5

โยนิ ๔ (กำเนิด, แบบหรือชนิดของการเกิด )

๑. ชลาพุชะ (สัตว์เกิดในครรภ์ คือ คลอดออกมาเป็นตัว เช่น คน โค สุนัข แมว เป็นต้น )

๒. อัณฑชะ (สัตว์เกิดในไข่ คือ ออกไข่เป็นฟองก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว เช่น นก เป็น ไก่ เป็นต้น )

๓. สังเสทชะ (สัตว์เกิดในไคล คือ เกิดในของชื้นแฉะหมักหมมเน่าเปื่อย ขยายแพร่ออกไปเอง เช่น กิมิชาติบางชนิด )

๔. โอปปาติกะ (สัตว์เกิดผุดขึ้น คือ เกิดผุดเต็มตัวในทันใด ได้แก่ เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางพวก และเปรตบางพวก ท่านว่า เกิดและตาย ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ )


ที่มา พจนานุกรม พุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม(ป.อ.ปยุตโต)

กิมิชาติ: แบคที่เรีย-ไวรัส-จุลินทรีย์-หนอน-พยาธิ (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายมหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑หน้าที่ ๒๔๐-๒๔๒)



พระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งกล่าวว่า เชื้อโรคไม่มีวิญญาณ ดังนั้นขอตอบว่า

สัตว์ที่อยู่ใน ๓๑ ภพ ล้วนมีวิญญาณทั้งสิ้น ยกเว้นเชื้อโรค หรือ สังเสทชะ(สัตว์เกิดในไคล)

ส่วนเรื่องกรรมที่จะนำให้ไปเกิดเป็นมนุษย์นั้น เบื้องต้นต้องถือศีลห้า จะต้องถือนานเท่าไหร่อย่างไร

ตอบไม่ได้ครับ กรรมเป็นเรื่องอจินไตย ผู้มีญาณทัสสนะอันยิ่งเท่านั้นที่จะตอบได้

 ;) :49:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2011, 09:38:45 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 05:59:41 am »
0
:banghead: :banghead: :banghead: :banghead: :banghead:

1. ปลามีวิญญาณ แมลงมีวิญญาณ ใช่ไหม?  ตอบ yes or no เลยครับ


:021: - ปลาและเหล่าแมลงทั้งหลายมีวิญญาณ ยกตัวอย่างในพระสูตรมีกล่าวอ้างถึง ปลาทองปากเหม็นที่พระยโสชะ

และเหล่าสหายชาวประมงจับได้ในแม่น้ำอจิรวดี แล้วนำมาถวายพระราชา พระราชาได้พิจารณาเห็นว่าแปลกจึงนำ

ไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงความเป็นไปในกรรมนั้น ประการหนึ่ง

 :021: - และอีกหนึ่งตัวอย่างในพระสูตร ที่กล่าวอ้างถึง พระภิกษุที่มีจิตผูกพันธ์ในผ้าจีวรที่สุดถึงความดับแห่งกองขันธ์

ไปเกิดเป็นตัวเล็นเกาะผ้าจีวร ประการหนึ่ง

 :13:  ทั้งสองกรณีชี้ได้ว่า ปลาก็ดี ตัวเล็นก็ดี ล้วนมีวิญญาณ ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2011, 09:33:05 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 06:29:33 am »
0
2. และที่เกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก กันต้องอยู่ใต้กฏเกณฑ์อะไรบ้าง ขอเพิ่มครับ รบกวนอีกทีครับ


 :040: ด้วยแรงปรารถนาแห่งจิต(อธิษฐาน) 1
 :040: ด้วยแรงส่งแห่งวิบากกรรม 1



 :17: ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว มารดาบิดา ถือว่าเป็นทิศเบื้องหน้า

 :17: หน้าที่ของบิดามารดาพึงมีต่อบุตรธิดา ดังนี้

              1.ห้ามมิให้ลูกทำความชั่ว
              2.แนะนำให้ลูกตั้งอยู่ในความดี
              3.ให้ลูกศึกษาศิลปวิทยา
              4.หาคู่ครองที่สมควรให้ลูก
              5.มอบทรัพย์ให้ลูกในสมัย


 :17: เจตนารมณ์ของธรรมะคือหน้าที่หรือจรรยาบรรณของบิดามารดา

              1. เพื่อให้บิดามารดาสำนึกในหน้าที่ เป็นพ่อแม่ที่ดี
              2. เพื่อรักษาคุณภาพความเป็นมนุษย์ไว้
              3. เพื่อแก้ปัญหาสังคมเรื่องบิดามารดาทอดทิ้งบุตร
              4. เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่สังคมระหว่างบิดามารดากับบุตรธิดา
              5. เพื่อจรรโลงคุณธรรมของบิดามารดาไว้ในสำนึกของบุตรธิดา
              6. เพื่อป้องกันมิให้บุตรธิดาประพฤติเสียหาย เพราะไม่มีผู้ดูแลเอาใจใส่
              7. เพื่อให้บุตรธิดาได้เห็นแนวทางในการวางตัวดีในสังคม
              8. เพื่อให้บิดามารดาคอยประคับประคอง เป็นพี่เลี้ยงบุตร




http://www.love4home.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=111265&Ntype=2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2011, 09:32:35 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 07:20:36 pm »
0
ในทางพระพุทธศาสนาได้แสดงหน้าที่ของลูกพึงปฏิบัติต่อแม่และพ่อ ๕ ประการ ดังนี้

 

                        ๑. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว ต้องเลี้ยงท่านตอบแทน  ข้อนี้มิได้หมายถึงว่าแม่พ่อเลี้ยงเรามา ก็เพื่อหวังมาเอาคืนในภายหลัง ความรู้สึกนั้นไม่มีแน่นอนกับแม่พ่ออย่างแท้จริง แต่ให้เราคิดว่าถ้าเราไม่เลี้ยงท่านแล้วใครจะเลี้ยง เหมือนเช่นเราครั้งเป็นทารก ถ้าหากท่านไม่เลี้ยงเราใครจะเลี้ยง แม้นปล่อยทิ้งๆขว้างๆก็คงลำบากยากแค้นไปแล้ว

 

                        ๒.ทำกิจธุระของท่าน  งานของท่านที่ได้ทำมาแล้ว และยังคงดำเนินการอยู่ หรือภาระใดๆที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ลูกควรต้องสอบถาม แสดงน้ำใจทั้งช่วยท่านแบ่งเบาภาระ เพราะอายุท่านก็เยอะแล้ว คนอื่นทำก็คงไม่ทำให้ท่านสบายใจได้มากเท่ากับลูกของท่าน

 

                        ๓.ดำรงรักษาวงศ์สกุล ให้คงอยู่และไม่เสื่อมเสียหาย การได้กำเนิดลูกมาคนหนึ่ง อย่างน้อยก็หวังให้ได้สืบทอดวงศ์สกุล ไม่ให้สังคมได้ดูแคลนว่าลูกบ้านนั้นบ้านนี้ไปทำเสื่อมเสีย จนต้องออกมาถามว่า “ลูกใครหนาช่างเป็นเช่นนี้” การที่จะให้สกุลคงอยู่ได้ลูกจึงต้องคบหาแต่เพื่อนที่ใฝ่ดี ไม่ชักชวนไปในทางเสื่อม โดยเฉพาะต้องทำหน้าที่ของตน ในเบื้องต้นคือเชื่อฟังคำสั่งสอนท่าน เรียนและศึกษาตามหน้าที่อย่างสมบูรณ์ แม้ไปทำงานจะมีครอบครัว ก็ต้องปรึกษาท่านเพื่อให้ได้มาซึ่งสามีภรรยาที่ดี

 

                        ๔.ปฏิบัติตนเป็นคนดี เป็นผู้สมควรรับมรดก   มรดกสมบัติที่ท่านมีอยู่ สุดท้ายก็มอบให้กับผู้เป็นลูก แต่ก็จะเป็นผู้รับมรดกนั้น ต้องทำตนให้สมควรรับ เพื่อให้ท่านได้สบายใจว่าสมบัตินี้จะไม่สูญไปเมื่อมอบให้ นั้นคือต้องเป็นผู้อยู่ในศีล ในธรรม อย่างน้อยก็ศีล ๕  นอกจากนั้นก็ต้องศึกษาวิชาการที่เหมาะสมกับมรดกนั้นว่า จำเป็นต้องใช้ศิลปวิทยาใดบ้างจึงจะรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ก็ต้องศึกษาเรื่องนั้นๆอย่างเต็มที่

 

                        ๕.เมื่อท่านล่วงลับ ทำบุญอุทิศให้  เป็นหน้าที่ของลูกโดยตรง ที่จะต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน เพราะนอกจากจะได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแล้ว ยังได้รู้จักบริจาคทาน เข้าหาพระ เข้าหาวัด นี้เองที่จะเป็นสิ่งไม่ให้เราเสื่อมไป แม้ท่านจะล่วงลับไปแล้ว

 
 
หากแม้นวันนี้ไม่มีแม่พ่ออยู่กับเราแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้ที่ปกครองดูแลเรานั้นแหละคือแม่พ่อของเราเช่นกันที่เราก็ควรต้องปฏิบัติไม่ต่างกัน




http://www.oknation.net/blog/print.php?id=299442
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2011, 09:31:52 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

บุญเอก

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 516
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2011, 09:06:18 pm »
0
คุณธรรมธวัช เขียนอธิบายไว้ดีครับ

  แต่บอกตรง ๆ เลยครับ ตัวหนังสือแลเงา สีแดง ผมพยายาม อ่านแล้วปวดตามากครับ เอาเงาแดงออกดีหรือไม่ครับ แล้วเปลี่ยนเป็น สีเขียว ดีหรือไม่ครับ

  อนุโมทนาสาธุ นะครับ ผมติดตามอ่านทุกวันนะครับ

  คิดถึงคุณ หมวยจ้า คุณรักหนอ ช่วงนี้ไม่ค่อยโพสต์ เลยนะครับ.....

   :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ทำงานอาสา หวังช่วยคนตกยาก แม้จะลำบาก แต่ก็จะทำโดยความไม่หนักใจ
อาสากตัญญู พัทยา ยินดีรับใช้

Husapol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 17
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 12:51:27 am »
0
ขอขอบคุณคำตอบของทุกๆท่านครับ
คำถามที่ถาม ผมไม่อยากคิดตอบเองกลัวผิด แต่มันไม่กระจ่างคลายความไม่รู้เห็นตามนั้น :banghead:
คำถามคือ :smiley_confused1:
1. ปลามีวิญญาณ แมลงมีวิญญาณ ใช่ไหม?  เห็บ หมัด หมา มีวิญญาณไหมครับ ? ตอบ yes or no เลยครับ
2. และที่เกิดเป็น พ่อ แม่ ลูก กันต้องอยู่ใต้กฏเกณฑ์อะไรบ้าง ขอเพิ่มครับ รบกวนอีกทีครับ :c017:

1. ใช่ครับ
2. การที่จะเกิดมาเป็น ครอบครัวเดียวกันได้นั้น(พ่อ แม่ ลูก หลาน เหลน ฯลฯ)มีส่วนประกอบเหตุปัจจัยหลาย ๆอย่างครับ ขอตอบเท่าที่พอจะจำได้นะครับ
2.1 อธิษฐานจิตร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน
2.2 ทำกรรมมาแบบเดียวกัน (ดีหรือชั่ว)
2.3 ทำกรรมมาร่วมกัน (ดีหรือชั่ว)
2.4 มีความผูกอาฆาต พยาบาท จองเวรมาแต่ชาติก่อน

จริง ๆก็อยากจะอธิบายแต่ละหัวข้อให้ละเอียดกว่านี้ แต่อย่างที่บอกครับว่าพิมพ์ไม่ค่อยคล่อง และพอนั่งหน้าจอคอมนาน ๆแล้วรู้สึกจะปวดหัว(ลดแสงสว่างจอลงให้น้อยลงแล้ว)อยากจะสนทนาธรรมแบบตัวต่อตัวมากกว่าครับ
 :bedtime2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 17, 2011, 12:56:03 am โดย Husapol »
บันทึกการเข้า