ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สละชีพรักษาศีล หิวจนเป็นลม ถูกแบกขึ้นหลัง บรรลุอรหันต์บนหลังนั้นแล  (อ่าน 1951 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

สละชีพรักษาศีล หิวจนเป็นลม ถูกแบกขึ้นหลัง บรรลุอรหันต์บนหลังนั้นแล


     อธิบายศีล ๕ อย่าง หมวดที่ ๑
    ปัญจกะที่ ๑ ของส่วนที่จัดเป็นศีล ๕ อย่าง นักศึกษาพึงทราบอรรถาธิบาย โดยแยกเป็นอนุปสัมปันนศีลเป็นต้น ดังต่อไปนี้
    ก็แหละ พระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะกล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ ดังนี้
    - ปริยันตปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร.?
       ศีลของอนุปสัมบันทั้งหลายผู้มีสิกขาบทเป็นที่สุด นี้จัดเป็น ปริยันตปาริสุทธิศีล
    - อปริยันตปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร.?
       ศีลของอุปสัมบันทั้งหลายผู้มีสิกขาไม่มีที่สุด นี้จัดเป็น อปริยันตปาริสุทธิศีล
    - ปริปุณณปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร.?
       ศีลของกัลยาณปุถุชนทั้งหลาย ผู้ประกอบในกุศลธรรม ผู้กระทำให้บริบูรณ์ในธรรมอันจรดแดนแห่งพระเสกขะ ผู้ไม่อาลัยในร่างกายและชีวิต ผู้มีชีวิตอันสละแล้ว นี้จัดเป็น ปริปุณณปาริสุทธิศีล
    - อปรามัฏฐปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร.?
      ศีลของพระเสกขบุคคลทั้งหลาย ๗ จำพวก นี้จัดเป็น อปรามัฏฐปาริสุทธิศีล
    - ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร.?
      ศีลของพระขีณาสพทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย นี้จัดเป็น ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีล

    ในบรรดาศีลเหล่านั้น ศีลของอนุปสัมปันทั้งหลาย พึงทราบว่าเป็น ปริยันตปาริสุทธิศีล เพราะเป็นศีลมีที่สุดด้วยอำนาจแห่งการนับ ศ๊ลของอุปสัมปันทั้งหลายถึงแม้จะมีที่สุด ด้วยสามารถแห่งการนับอย่างนี้ว่า
     สังวรวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วเหล่านี้ คือ เก้าพันโกฏิสิกขาบท แปดสิบร้อยโกฏิสิกขาบท ห้าสิบแสนสิกขาบท และอื่น ๆ อีก ๓๖ สิกขาบท (รวมเป็นหนึ่งหมื่นเจ็ดพันโกฏิห้าล้านสามสิบหกสิกขาบท) สิกขาทั้งหลายในวินัยปิฏกทรงแสดงไว้ด้วยมุข คือ เปยยาล

    ดังนี้ก็ตาม พึงทราบว่า คงเป็นอปริยันตปาริสุทธิศีล เพราะหมายเอาภาวะสมาทานโดยไม่มีส่วนเหลือ และภาวะที่ไม่แสดงที่สุดได้ด้วยอำนาจลาภ, ยศ, ญาติ, องค์อวัยวะและชีวิต เหมือนศีลของพระอัมพขาทกมหาติสสเถระผู้อยู่ในจีวรคุมพวิหาร





     เรื่องพระอัมพขาทกมหาติสสเถระ
    จริงอย่างนั้น ท่านพระมหาเถระนั้น ไม่ละสัปปุริสานุสติข้อนี้ คือ
    "นรชน พึงยอมสละทรัพย์เพราะเหตุแห่งองค์อวัยวะอันประเสริฐ เมื่อจะรักษาไว้ซึ่งชีวิต ก็พึงยอมเสียสละองค์อวัยวะ เมื่อระลึกถึงธรรมะ ก็พึงยอมเสียสละทรัพย์ องค์อวัยวะและชีวิต แม้หมดทุกอย่าง"

    แม้เมื่อความสงสัยในชีวิตมีอยู่ ท่านก็ไม่ยอมล่วงละเมิดสิกขาบท อาศัยอปริยันตปาริสุทธิศีลนั่นแหละ ได้บรรลุพระอรหัตทั้งที่อยู่บนหลังอุบาสกนั่นเทียว
    สมดังที่ท่านพระมหาเถระนั้นกล่าวนิพนธคาถาไว้ว่า
    "อุบาสกนี้ มิใช่บิดา มิใช่มารดา มิใช่ญาติ ทั้งมิใช่เผ่าพันธุ์ของเธอ เขากระทำกิจเช่นนั้นให้แก่เธอ ก็เพราะเหตุแห่งเธอเป็นผู้มีศีล"

    ท่านทำความสังเวชให้เกิดขึ้นแล้วพิจารณาสังขารทั้งหลายโดยแยบคายได้บรรลุพระอรหัตทั้ง ๆ ที่อยู่บนหลังของอุบาสกนั้น ฉะนี้


      ขยายความเรื่องพระอัมพขาทกมหาติสสเถระ
     เรื่องมาในคัมภีร์ชื่อว่า "ปรมัตถมัญชุสา" เป็นมหาฎีกา ขยายข้อความอธิบายในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเรื่องพระอัมพขาทกมหาติสสเถระดังนี้.

     ดังได้สดับมา ในคราวทุพภิกขภัย พระเถระรูปนี้เดินทางไปอดอาหารประกอบกับเมื่อยล้าในการเดินทาง หมดเรี่ยวแรง จึงนอนใต้โคนต้นมะม่วง ซึ่งกำลังมีผล ผลมะม่วงสุกหล่นเกลื่อนกลาด พระเถระนั้นไม่จับต้องผลมะม่วงเลย(พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ อาบัติทุกกฏ แก่แก่ภิกษุผู้จับต้องบรรดาผลไม้ทั้งหลายมีกล้วยและมะพร้าวเป็นต้น) มีอุบาสกผู้เฒ่าคนหนึ่งมาพบเข้าทำอัมพปาณะ(น้ำมะม่วง)ถวายให้ดื่ม แล้วยกขึ้นสู่หลังไปส่งถึงที่อยู่ของพระเถระ   
     พระเถระกล่าวเตือนตนเองว่า
     "อุบาสกนี้ ไม่ใช่บิดา มิใช่มารดา มิใช่ญาติ มิใช่พวกพ้องของท่าน เขาทำกิจเช่นนี้ให้เรา เพราะเหตุที่เรามีศีล "
     แล้วจึงเริ่มวิปัสสนาจนบรรลุอรหันตผลตามทาง บนหลังของอุบาสกผู้เฒ่านั่นเอง.

      st11 st11 st11 st11

     ศีลของกัลยาณปุถุชนทั้งหลายแม้ปราศจากมลทินเพียงชั่วจิตตุปบาทหนึ่ง ก็สำเร็จเป็นปทัฏฐานแก่พระอรหัตได้เหมือนกัน เพราะเป็นศีลที่บริสุทธิ์ยิ่งนับแต่อุปสมบทมา เหมือนชาติมณีนายช่างเจียระไนดีแล้ว และเหมือนทองคำที่นายช่างทำบริกรรมดีแล้ว เพราะเหตุนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็น ปริปุณณปาริสุทธิศีล เหมือนศีลของพระมหาสังฆรักขิตเถระและพระสังฆรักขิตเถระผู้หลาน





     เรื่องพระมหาสังขิตเถระ
    ได้ยินว่า ภิกษุสงฆ์ได้เรียนถามถึงการบรรลุโลกุตตรธรรมกะพระมหาสังฆรักขิตเถระผู้มีพรรษาเกิน ๖๐ ไปแล้ว ซึ่งนอนอยู่บนเตียงที่จะถึงแก่มรณภาพ พระเถระตอบว่า “โลกุตตธรรมของฉันไม่มี”

    ลำดับนั้น ภิกษุหนุ่มอุปัฏฐากของท่านกราบเรียนว่า
    “ท่านขอรับ พวกมนุษย์ตั้ง ๑๒ โยชน์ โดยรอบประชุมกันด้วยสำคัญว่าท่านจะปรินิพพาน ความเดือดร้อนใจจักมีแก่มหาชน เพราะท่านถึงแก่มรณภาพเป็นปุถุชน”
    พระเถระพูดว่า
    “เธอ ฉันไม่เริ่มทำวิปัสนาด้วยคิดว่า จักรอพบพระผู้มีพระภาคเจ้าเมตไตย ถ้าเช่นนั้น เธอจงพยุงให้ฉันนั่ง กระทำโอกาสให้ฉัน”

     พระภิกษุหนุ่มนั้นพยุงให้พระเถระนั่งแล้วก็ออกไปข้างนอก พร้อมกับการออกไปข้างนอกของภิกษุหนุ่มนั้นแล พระเถระได้บรรลุพระอรหัต แล้วได้ให้สัญญาด้วยการดีดนิ้วมือ
     สงฆ์ประชุมกันแล้วเรียนว่า
     “ท่านขอรับ ท่านทำให้โลกุตตรธรรม บังเกิดในเวลาใกล้จะมรณภาพเห็นปานนี้ ชื่อว่าท่านได้กระทำสิ่งที่กระทำได้ด้วยยาก”
     พระเถระตอบว่า
     “นี้ไม่ใช่สิ่งกระทำได้ด้วยยากดอก อาวุโสทั้งหลาย ก็แต่ว่าสิ่งที่กระทำได้ด้วยยาก ฉันจักบอกแก่เธอทั้งหลาย คือ อาวุโสทั้งหลาย นับจำเดิมตั้งแต่เวลาที่ฉันบวชแล้วมา ฉันระลึกไม่ได้เลยว่ามีกรรมที่ฉันกระทำไปด้วยความไม่รู้โดยไม่มีสติ”



ที่มา :- คัมภีร์วิสุทธิมรรค ปริเฉทที่ ๑ สีลนิเทศ  หน้าที่ 62-65
พระพุทธโฆสเถระ ( พระพุทธโฆสาจารย์ )  รจนา
สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( อาจ อาสภมหาเถร ) แปลและเรียบเรียง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2015, 10:23:21 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
คนมีศีล มีสัตย์ ไม่มีเพื่อน
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มีสิคะ อย่างน้อย เพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย คะ
 คนมี ศีล อาจจะไม่ใหญ่ ไม่โต ในโลก ในสังคม แต่คนมีศีล เป็นคนที่สร้างบารมี อย่างยิ่ง พระพุทธเจ้า ท่านรักษาศีล ตั้งแต่ ศีลสามัญ เป็นศีลอุปบารมี และ ศีลปรมัตถบารมี

  เชื่อว่า สายพุทธภูมิ คงจะต้องอดกลั้น อดทน มันอาจจะอัตคัต แต่งาน ที่ท่านตั้งใจอธิษฐาน อาจจสร้างผลใหญ่ แก่ เพื่อนมนุษย์ ที่มีบุญด้วยกัน

   พระพุทธเจ้า ครั้งเป็น พระโพธิสัตว์ บางครั้ง ชีวิตก็ลำเค็ญ อดมื้อ กินมื้อ ไม่ได้สบายไปทุกชาติ บางครั้งก็ตกอับ บางครั้งก็รุ่งเรือง แต่สิ่งหนึ่ง ที่พระโพธิสัตว์เปลี่ยนแปลง นั่นคือการเพิ่มบารมี

    การเพิ่มบารมีของพระโพธิสัตว์ นั้น เรา ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอกคะ บางครั้ง ถูกเขาประทุษร้าย ก็ยังสละดวงตาบ้าง แขนขาบ้าง บางครังก็ชีวิต ให้ คนที่ประทุษร้าย มีความสุข

     เฮ้อ ...... รักสัตย์ รักศีล ก็ต้องอดทน เพื่อ โพธิญาณ ซึ่งไม่ใช่เป็น ญาณ ของ อนุพุทธะคะ

      st11 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

      ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา