เหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล เมื่อพระมหาปชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นพระน้านางแห่งองค์สมเด็จศรีศากยะมุนึสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระทัย
ชื่นชมโสมนัสยินดี ได้จัดทำผ้าเนื้อละเอียดมีค่ามาก ด้วยวิริยะอุตสาหะอันยิ่งใหญ่ด้วยน้ำพระทัยเจาะจงถวายแด่องค์สมเด็จพระศาสดา แต่เมื่อได้
นำผ้านั้นมาน้อมถวาย พระองค์ไม่ยอมรับ เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ผันผายหันไปจะถวายแด่องค์อรรคสาวกทั้งสอง แต่ก็ไม่รับเช่นกัน แล้วพระนางก็
น้อมถวายแด่พระเถรานุเถระพระสงฆ์องค์อรหันต์ทั้งหลาย แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดรับผ้านั้น จวบจนกระทั่งถึงภิกษุใหม่รูปหนึ่ง นามว่า " อชิตะ"
นั่งอยู่ข้างท้ายปลายแถว
ในที่สุด ท่านก็รับผ้านั้น สร้างความเสียพระทัยให้แก่พระนางเป็นอันมาก หากแม้ว่า พระพุทธองค์ไม่ทรงรับ แต่องค์อรรคสาวกทั้งสอง
ท่านใดท่านหนึ่งรับ ก็คงจะสมพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่นี่กระไร พระภิกษุบวชใหม่ ไม่ได้สำเร็จมรรคผลใด ๆ เป็นผู้รับ
พระบรมศาสดา เพื่อจะเปลื้องความกังขาสงสัยในน้ำพระทัยของสมเด็จพระน้านางแห่งพระองค์ที่ได้เคยฟูมฟักรักษาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว๋วัย
จึงได้ทรงอธิษฐานบาตรของพระองค์ให้อัตรธานหายไป แล้วได้ตรัสถามพระภิกษุทั้งหลายว่าท่านผุ้ใดสามารถหาบาตรของตถาคตเจอบ้าง ก็เห็นแต่
พระมหาโมคคัลลานะเถระ องค์เดียวที่มีฤทธิ์มาก จึงห่มผ้าเฉลียงบ่าประคองอัญชีทูลพระชินศรีบรมศาสตา เพื่อออกแสวงหาบาตรใบนั้น
การหาบาตรของพระมหาโมคคัลลานะเถระ
การออกไปหาบาตรของพระเถระนั้น ได้ใช้มหาฤทธานุภาพเป็นอันมาก หลวงปู่ตื้อ อาจารธมฺโม ได้เล่าในการแสดงพระธรรมเทศนาที่
วัดอโศการามว่า พระมหาโมคคัลลานะเถระนั้น ต้องใช้ฤทธิ์ของท่านระเบิดวงล้อมแห่งจักรวาลออกไป อาจารย์ นายแพทย์ ตันม่อเซี้ยง ได้เล่าเรื่องนี้
ไว้ในการบรรยาย"วิชามหายาน" ของท่าน ในสมัยที่ผู้เขียนกำลังศึกษาอยู่ในชั้นเตรียมศาสนศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย ว่า
"พระพุทธองค์ได้ตรัสบอกแก่พระมหาโมคคัลลานะเถระว่า เมื่อท่านออกห่างจากชมพูทวีปไป เมือหันมามองดูชมพูทวีปเห็นเท่าผืนนา
ของชาวมคธแล้วให้รีบกลับมา หรือไม่หากท่านไปไกลกว่านั้น จนกระทั่งที่สุดเห็นชมพูทวีปเป็นจุดเล็ก ๆ แล้วให้รีบกลับมา"
เมื่อได้กราลทูลลาพระพุทธองค์แล้ว พระเถระก็ออกเดินทางแสวงหาบาตรไปทั่วสากลภิภพ ไกลออกไปจนพ้นเขตจักรวาล
แดนสุขาวดีพุทธเกษตร
การหาบาตรดำเนินไปทั่วสากลจักรวาล ลุถึงแดนหนึ่งที่เรียกว่า " สุขาวดีพุทธเกษตร" เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุข ในดินแดน
แห่งนี้มีแต่การศึกษาธรรมะ แม้แต่เสียงนกที่ร้องออกมาก็เป็นธรรมะ ณ ดินแดนแห่งนี้เอง มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งดำรงอยู่ ทรงพระนาามว่า
" อมิตาภะพุทธเจ้า" ขณะนั้น พระพุทธองค์กำลังประทับอยู่ท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมาก พระวรกายใหญ่่โตมาก พระโมคคัลลานะเถระ
ได้เหาะเข้ามาในที่ประชุมสงฆ์มีพระรพุทธเจ้าเป็นประมุข ได้เข้าไปยืนอยู่บนขอบบาตรของพระพุทธเจ้า ( แสดงว่าบาตรใหญ่โตมาก สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนขอบบาตรนั้นได้) พร้อมประคองอัญชุลีถวายความเคารพ เมื่อพระภิกษุทั้งหลายเห็นเช่นนั้น ก็ได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า
"นี่คืออะไรหนอ ? รูปร่างเล็ก ๆ "
พระพุทธองค์ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี่ไม่ใช่อื่นไกลเลย เธอทั้งหลายอย่าได้ประมาท ภิกษุรูปนี้ เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งพระสมณ
โคดมพุทธเจ้าแห่งชมพูทวีป ผู้มีฤทธิ์มาก กำลังแสวงหาบาตรของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นอยู่ แล้วก็หลงเข้าสู่แดนของเรา
จากนั้น พระมหาโมคคัลลานะเถระได้ทูลถามทางที่จะกลับสู่ชมพูทวีป พระอภิตาภาะพุทธเจ้าตรัสว่า ดูกรโมคคัลลานะ เธอจงไปตาม
พุทธรัสมีแห่งเรา เมื่อพ้นขอบจักรวาลแห่งนั้น เธอก็จะเห็นพุทธรัสมีแห่งพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้เธอตามพระพุทธรัสมีนั้นไป เธอก็จะ
สามาถเข้าสู่ชมพูทวีปได้ เหตุการณ์ตอนนี้เองที่คนทั้งหลายกล่าวกันว่า " โมคคัลลาหลงทีป" คือหลงแดน(หาทางกลับไม่ได้)นั่นเอง
เมื่อได้ฟังพุทธดำรัสแห่งองค์อภิตาภะพุทธเจ้าเช่นนั้นแล้ว พระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้าก็ได้กราบทูลลาออกจากแดนสุขาวดีพุทธเกษตร
ตามพระพุทธรัสมีแห่งพระองค์ เมื่อพ้นจากแดนสุขาวดี ก็เห็นพระพุทธรัสมีแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเราทั้งหลาย เข้าสู่ชมพูทวีปแล้ว
เข้าถวายอภิวาทพระบรมศาสดาทูลว่า
ข้าพระองค์ได้ออกแสวงหาบาตรไปทั่วแดนจักรวาลไม่พบเห็นเลยพระเจ้าข้า เมื่อพระพุทธองค์ตรัสถามพระภิกษุรูปอื่น ๆ ก็ไม่มีผู้ใด
สามารถหาบาตรพบได้ จนถึงภิกษุบวชใหม่รูปหนึ่งชื่ออชิตะ ยังไม่ได้บรรลุฌานอภิญญาเหาะเหินเดินอากาศก็ไม่ได้ จึงได้ออกไปยืนพร้อมอธิษฐาน
ว่าขอให้บาตรของพระพุทธองค์จงปรากฏบนมือของข้าพเจ้าบัดนี้เถิด พลันบาตรของพระพุทธองค์ก็ปรากฏบนมือของท่าน แล้วนำไปถวาย
พระพุทธองค์ตรัสว่า อชิตะภิกษุรูปนี้ ไม่ใช่พระธรรมดา แต่เป็นหน่อเนื้อพุทธรางกูรบำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าใน
อนาคตพระนามว่า " พระศรีอาริยเมตไตรย" แล้วตรัสปลอบใจแด่สมเด็จพระน้านางประชาบดีโคตมีว่า พระองค์นั้นได้ลาภอันประเสริฐแล้วที่
ได้ถวายผ้าแด่พระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทำให้พระนางมีพระทัยแช่มชื่นเบิกบาน
ที่มา
http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8E%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-14792.htmlhttp://board.palungjit.com/archive/t-14792.htmlhttp://larndham.org/index.php?/topic/17592-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%9C/page__st__9แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องพระโมคคัลลานะไปเจอพระพุทธเจ้าอีกจักรวาลหนึ่งนี้จริงเท็จอย่างไรนะครับเพราะไม่มีบันทึกในพระไตรปิฏก แต่สมัยบวชเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนก็เคยมีพระหลวงพี่ท่านเล่าให้ผมฟังเช่นกันในเรื่องนี้