ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมฐาน มีความจำเป็นกับชีวิต มากกว่่า สติ หรือไม่ครับ  (อ่าน 5253 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ระหว่าง กรรมฐาน คือการเจริญสมาธิ และ การเจริญ สติ การรู้ตัว

พื้นฐานความจำเป็นในการดำรงชีวิตแล้ว เห็นว่าการเจริญ สมาธิ มีความจำเป็นน้อย กว่า การเจริญ สติ คะ

เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะภาวนากรรมฐาน สมาธิ เลยคะ แต่จะใช้ วิธีเจริญ สติ ประจำและบ่อยมากกว่า

เช่น ถูกกระทบเสียดสีทางอารมณ์ โดยการถูกกล่าวร้าย ก็จะอาศัยสติ เป็นตัวรู้และพยายามให้อารมณ์ระงับลง

ด้วยการรู้ว่า เสียงที่เกิดขึ้นเป็นสักว่าเสียง คะ

แต่ถ้าจะให้มานั่งหลับตาปี๋ แล้วสู้กับอารมณ์ ขุ่นเคืองนี้ บอกตามตรงไม่เคยทำมาก่อนคะ

ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่า การเจริญสติ นั้นมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต คะ

 :34: :bedtime2: :58:
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ภาวนาสูตร:ว่าด้วยการภาวนา

การทำบุญในพระ พุทธศาสนาสรุปไว้สามอย่างคือ ทาน ศีล และภาวนา คนส่วนมากจะเข้าใจเรื่องของทานและศีลกันมากที่สุด แต่พอกล่าวถึงการภาวนาก็จะเกิดความสับสนว่าที่ถูกต้องที่สุดนั้นคืออะไรกัน แน่ มีวิธีการกระทำอย่างไร หลายสำนักต่างก็มีวิธีการที่แตกต่างกัน

บาง สำนักก็บอกว่าให้กำหนดลมหายใจไว้ที่ลมหายใจเข้าออก โดยใช้คำบริกรรมว่า “พุทโธ” บางแห่งก็ให้ใช้คำว่า “สัมมาอรหัง” หรือ “ยุบหนอพองหนอ” หรือแม้แต่คำว่า “ตายหนอๆ” ซึ่งยังมีคำบริกรรมอีกมากมาย วันนี้วันพระขอเชิญฟังธรรมยาย “ภาวนาสูตร”

              ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิตท่านเรียกว่า“กรรมฐาน”เป็นสิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ใน การเจริญภาวนาหรืออุปกรณ์ในการฝึกอบรมจิต มีแสดงไว้หลายแห่ง ในวิสุทธิมรรคได้แสดงไว้ถึง 40 ประการประกอบด้วย กสิณ 10 อสุภะ 10 อนุสสติ 10 อัปปมัญญา 4 อรูปธาตุ 4 อาหาเรปฏิกูลสัญญาและจตุววัฏฐาน แต่ละวิธีเป็นอุปกรณ์ในการฝึกจิตทั้งนั้น

              ในส่วนของอนุสตินั้นมีแสดงไว้ในอนุสสติสูตร อังคุตรนิกาย ฉักกนิบาต (22/280/263) หกประการความว่า

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อนุสสติฐานะหกประการคือพุทธานุสสติคือระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ธรรมานุสสติคือระลึกถึงคุณของพระธรรม สังฆานุสสติคือระลึกถึงคุณของพระสงฆ์  สีลานุสสติคือระลึกถึงศีล  จาคานุสสติคือระลึกถึงศีลที่ตยบริจาค  เทวตานุสสติคือระลึกถึงเทวดา”  ส่วนมรณานุสติระลึกถึงความตาย กายคตานุสติคือสติเป็นไปในกาย อานาปานสติสติคือกำหนดลมหายใจเข้าออกและอุปสมานุสติระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบ มีแสดงไว้ในที่ต่างๆอีกหลายแห่ง


              ส่วนวิธีการและการภาวนานั้นมีแสดงไว้ในภาวนาสูตร อังคุตรนิกาย สัตตกนิบาต (23/68/98) ความว่า

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่หมั่นเจริญภาวนา แม้จะพึงเกิดความปรารถนาขึ้นอย่างนี้ว่า โอหนอขอจิตของเราพึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่นก็จริง แต่จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่หลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่นข้อนั้นเพราะเหตุ ไร จะพึงกล่าวได้ว่า เพราะไม่ได้เจริญ เพราะไม่ได้เจริญอะไรเพราะไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8

เปรียบเหมือน แม่ไก่มีไข่อยู่ 8 ฟอง 10 ฟอง หรือ 12 ฟอง ไข่เหล่านั้น แม่ไก่กกไม่ดี ให้ความอบอุ่นไม่พอ ฟักไม่ดี แม่ไก่นั้น แม้จะพึงเกิดความปรารถนาขึ้นอย่างนี้ว่าโอหนอ ขอให้ลูกของเราพึงใช้ปลายเล็บเท้าหรือจะงอยปากเจาะกะเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดี ก็จริง แต่ลูกไก่เหล่านั้นไม่สามารถที่จะใช้ปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปากเจาะกะเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะแม่ไก่กกไม่ดี ให้ความอบอุ่นไม่พอ ฟักไม่ดีฉะนั้น

              ดูกรภิกษุทั้งหลายเมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนา แม้จะไม่พึงเกิดความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอขอจิตของเราพึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ก็จริง แต่จิตของภิกษุนั้นย่อมหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ข้อนั้นเพราะเหตุไร พึงกล่าวได้ว่า เพราะเจริญ เพราะเจริญอะไร เพราะเจริญสติปัฏฐาน 4 ฯลฯ  อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8

เปรียบเหมือนแม่ไก่มีไข่อยู่ 8 ฟอง 10 ฟอง หรือ 12 ฟอง ไข่เหล่านั้นแม่ไก่กกดี ให้ความอบอุ่นเพียงพอ ฟักดี แม้แม่ไก่นั้นจะไม่พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอให้ลูกของเราพึงใช้ปลายเล็บเท้าหรือจะงอยปากเจาะกะเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดี ก็จริง แต่ลูกไก่เหล่านั้นก็สามารถใช้เท้าหรือจะงอยปากเจาะกะเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะไข่เหล่านั้นแม่ไก่กกดี ให้ความอบอุ่นเพียงพอ ฟักดี ฉะนั้น

              เปรียบเหมือนรอยนิ้วมือ รอยนิ้วหัวแม่มือที่ด้ามมีด ย่อมปรากฏแก่นายช่างไม้หรือลูกมือนายช่างไม้ แต่เขาไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ด้ามมีดของเราสึกไปเท่านี้เมื่อวานสึกไปเท่านี้ หรือเมื่อวานซืนสึกไปเท่านี้ ที่จริง เมื่อด้ามมีดสึกไปเขาก็รู้ว่าสึกไปนั่นเทียว ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนาอยู่ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม้จะไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ อาสวะของเราสิ้นไปเท่านี้ เมื่อวานสิ้นไปเท่านี้ หรือเมื่อวานซืนสิ้นไปเท่านี้ แต่ที่จริง เมื่ออาสวะสิ้นไป ภิกษุนั้นก็รู้ว่าสิ้นไปนั่นเทียว

              เปรียบเหมือนเรือเดินสมุทรที่เขาผูกหวาย ขันชะเนาะแล้วแล่นไปในน้ำตลอดหกเดือน ถึงฤดูหนาว เข็นขึ้นบก เครื่องผูกประจำเรือตากลมและแดดไว้ เครื่องผูกเหล่านั้นถูกฝนชะ ย่อมชำรุดเสียหาย เป็นของเปื่อยไปโดยไม่ยาก ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนาอยู่ สังโยชน์ย่อมสงบระงับไปโดยไม่ยาก ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล

              อากาศหนาวในฤดูร้อนอย่างนี้เหมาะแก่การภาวนา เพราะความสงบเป็นสิ่งที่เหมาะกับการภาวนา ใครชอบใจวิธีการแบบใดเลือกได้ตามสะดวกและความเหมาะสมกับจริตนิสัยของแต่ละคน

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน

http://www.graduate.mbu.ac.th/home/modules.php?name=Show&file=print&asid=161

http://cybervanaram.net

จากคุณ    : ปริญญาบ้าเกมส์

บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การเจริญสติ จะกล่าวว่าสำคัญที่สุด ก็มิได้ครับ เพราะ สติ เป็นหนึ่งในมรรค

ถ้าจะกล่าวต้องกล่าวว่า การเจริญ อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ 8 นั้นเป็นที่ทำให้ได้ อริยะผล

ิเจริญ สติ อย่างเดียวไม่ได้ครับ ต้องมีอริยะมรรคครบทั้ง 8 ประการ

   :13:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กรรมฐานมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวันคะ สติ จะมั่นคงอยู่ได้ต้องอาศัยสมาธิคะ

จิตแกร่ง จึงมีสติ จิตขาดเหตุผล จึงไร้สติ

จิตกอร์ป ด้วยประโยชน์ ต้องมีสมบูรณ์ด้วยอริยมรรคมีองค์ 8 ประการ

 :08:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

Namo

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 206
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การทำงานคือการปฏิบัติธรรม

 ฟังแล้วก็งง ๆ อาจจะมีอะไรซับซ้อนอยู่ในคำพูดนี้

  แต่ชีวิต นะโม ก็ทำงานมาตลอด ไม่เห็นจะบรรลุคุณธรรมอะไร เลย บางวันหงุดหงิดกับงานซะอีก

 :41: :91:
บันทึกการเข้า

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กรรมฐาน หมายถึงอุบายที่สงบใจ นะคะ อะไรที่ทำให้ใจสงบ ลงได้อันนี้เรียกว่า กรรมฐาน

ส่วน สติ นั้นหมายถึงการระลึกได้ สัมปชัญญะ คือการรู้ตัว คะถึงแม้ว่าเราจะระลึกได้ นี้เป็นเหตุทุกข์ แต่อุบายที่จะทำให้ใจสงบมีปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริง ต้องอาศัยสมาธิ คะ

 :88:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
หากย่อ "มรรคมีองค์ ๘" ลงเป็นไตรสิกขา คือ

๑.อธิศีลสิกขา
๒.อธิจิตตสิกขา
๓.อธิปัญญาสิกขา

อธิจิตตสิกขา ประกอบด้วย วายามะ สติ และสมาธิ



สงสัยไหมครับว่า ทำไม อรรถกถาจารย์ จึงแบ่งกลุ่มแบบนี้

เนื่องจาก ขณะที่คุณเจริญสติ จิตคุณต้องตั้งมั่น นั่นคือ สมาธิ อย่างน้อยก็ขณิกสมาธิ

การเจริญสติอย่างต่อเนื่อง คุณต้องใช้ความพยายาม คือ วายามะนั่นเอง

การทำสมาธิ ไม่ใช่หมายถึง การหลับตา เีพียงอย่างเดียว

การหลับตา เป็นเพียงกุศโลบาย หลีกเลี่ยงนิวรณ์เท่านั้น



องค์ของมรรคทั้ง ๘ ต้องไปด้วยกัน หลายคนอาจแยกไม่ออก

แต่ขอให้ดูธรรมจักร วงล้อธรรมจักรประกอบซี่ล้อแปดซี่

การหมุนของธรรมจักร ต้องประกอบด้วยข้อธรรม ๘ อย่าง

หากขาดข้อใดข้อหนึ่งไป  จะไม่ใช่มรรคของพระพุทธองค์....อย่างแน่นอน

 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ระหว่าง การเจริญ สมาธิ และ การเจริญ สติ

พื้นฐานความจำเป็นในการดำรงชีวิตแล้ว เห็นว่าการเจริญ สมาธิ มีความจำเป็นน้อย กว่า การเจริญ สติ คะ

เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะภาวนาสมาธิ เลยคะ แต่จะใช้ วิธีเจริญ สติ ประจำและบ่อยมากกว่า

แต่ถ้าจะให้มานั่งหลับตาปี๋ แล้วสู้กับอารมณ์ ขุ่นเคืองนี้ บอกตามตรงไม่เคยทำมาก่อนคะ

ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่า การเจริญสติ นั้นมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต คะ


การเจริญ สติ บางครั้งก็หลุด และรู้ด้วยว่าอากัปกิริยาเยื้องนั้นเกิดแล้ว ดำเนินเป็นไป สะใจ เสียอย่างนั้น ด้วย

อารมณ์ที่ครุอยู่ จงอย่าลืมนะครับว่า อายตนะภายใน(หู) ผัสสะกับ อายตนะภายนอก(เสียง) อุปาทานธาตุขันธ์

ถือว่าอัตตาตัวตนมี จิตสังขารปรุงได้เร็ว ไว ก็จะสนองตอบต่อกรรมเป็นพฤติกรรมก่อภพชาติในทันที เรียกว่าผูก

เวรจองกรรมเป็นกรณีบุคคลนั้นๆได้ ดังนั้นภาวนาสมาธิปัคคหะนับมั่นฐานจิตจักช่วยส่งเสริมการเจริญสติได้ดีไม่

หลุดค้างในอารมณ์ขุ่นนาน หรือยั้งไม่ก่อเกิดพฤติกรรมเป็นสัญญากรรมส่งผล


หากจะถามว่า สติ กับสมาธิ สิ่งไหนสำคัญ ใช้ก่อนใช้หลัง พิจารณาอย่างนี้ สติ เป็นสิ่งที่ใช้เฉพาะหน้ากำกับ

ณ ขณะปัจจุบันอารมณ์หนึ่งๆ ไม่ว่าขณะบริกรรมภาวนา อากัปกิริยาท่วงท่าต่างๆ หรือในพฤติกรรมอารมณ์ขณะ

สุข/ทุกข์ แต่สติใช้ได้ดีมีผลต่อการดำเนินชีวิต ต้องมีภาวนาสมาธิเป็นฐานนิ่งตื่นรู้ยั้งวางได้มั่นคง สติจึงจะ

สามารถกำกับอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกว่าอารมณ์ไม่หลุด ปล่อยวางได้ไม่ขุ่นข้องคาใจ มาเป็น

อารมณ์โกรธ ชีวิตก็เป็นปกติสุข..ครับ




       สติยั้งหยั่งอารมณ์            มิได้ข่มยากหยั่งพา
รู้เพียรลุภาวนา                      อารมณ์ปล่อยมิคล้อยตาม
     สมาธิมีเป็นคุณ                ช่วยเกื้อกูลคติปราม
อย่าพร่ำหมายใคร่ถาม        ใดก่อนหลังกำกับกัน.


                                                                          ธรรมธวัช.!         



http://www.oknation.net/blog/drpichai/2009/06/24/entry-1

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2011, 02:50:29 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ระหว่าง การเจริญ สมาธิ และ การเจริญ สติ

พื้นฐานความจำเป็นในการดำรงชีวิตแล้ว เห็นว่าการเจริญ สมาธิ มีความจำเป็นน้อย กว่า การเจริญ สติ คะ

เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะภาวนาสมาธิ เลยคะ แต่จะใช้ วิธีเจริญ สติ ประจำและบ่อยมากกว่า

แต่ถ้าจะให้มานั่งหลับตาปี๋ แล้วสู้กับอารมณ์ ขุ่นเคืองนี้ บอกตามตรงไม่เคยทำมาก่อนคะ

ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่า การเจริญสติ นั้นมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต คะ


http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2169.0





http://www.ryt9.com/si/prg/884303
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2011, 12:05:31 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สติ เป็นหนึ่ง ในอริยะมรรคมีองค์ 8

สมาธิ เป็นหนึ่ง ในอริยะมรรคมีองค์ 8

เปรียบเสมือนเกลียวเชือก ที่ต้องไปเนืองด้วยกัน นะจ๊ะ

เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ