ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ พ่อของฉัน ”  (อ่าน 2522 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

สาวิตรี

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +6/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 148
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
“ พ่อของฉัน ”
« เมื่อ: ธันวาคม 04, 2010, 11:27:39 am »
0
พ่อของฉัน
แบ่งปัน

  “  พ่อของฉัน  ”

 

                        ถ้าจะให้พูดถึงผู้ให้กำเนิดในที่นี้ ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว ว่านั้นคือ พ่อและแม่ผู้ที่ให้ทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ความรัก เฝ้าฟูมฟัก ถนุถนอม คอยพร่ำสอนให้เราเป็นคนดี  เป็นดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูก ๆ ท่านเปรียบเสมือนพระในใจของลูก ไม่ว่าทุกข์หรือสุขท่านคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ  คอยห่วงใยเราไม่เคยห่าง  โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ

                        ถ้าจะให้ลำดับความสำคัญของท่านทั้งสอง เราคงหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะว่าท่านทั้งสองคนมีบทบาทความสำคัญเท่า ๆ กัน ถ้ายังงั้นฉันจะขอพูดถึงบทบาทของพ่อฉันแล้วกันนะค่ะ  สมัยก่อนฐานะทางบ้านฉันค่อนข้างยากจน ข้าวสารแทบจะไม่มีกรอกหม้อก็ว่าได้ พ่อของฉันนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรฉันก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ เพราะว่าความทรงจำของฉันกับพ่อนั้นแทบจะไม่มีเลย  อีกทั้งยังไม่เคยได้ทดแทนบุญคุณของท่านเลย  ถ้าแม่และพี่ ๆ ไม่เล่าให้ฉันฟัง ฉันก็คงจะไม่รู้ เพราะว่าพ่อจากฉันไปตั้งแต่ฉันอายุได้ 5 ขวบ ส่วนน้องสาวของฉันอายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น ครอบครัวของฉันมีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน แม่และพี่  เล่าให้ฉันฟังว่าพ่อของฉัน จากไปด้วยโรคมะเร็งลำไส้  เนื่องจากที่พ่อต้องอดทนทำงานทุกอย่าง เพื่อแลกกับข้าวสารมาจุนเจือครอบครัว จนลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง อดบ้างอิ่มบ้างต้องรับจ้างทำงานทุกอย่าง  ที่พอจะทำได้เพื่อแลกกับการที่ลูกทุกคนไม่อด  โดยไม่คำนึงถึงตัวเองว่าจะลำบากสักแค่ไหน  งานหลักของพ่อคือรับจ้างเลี้ยงวัวให้กับนายตำรวจคนหนึ่ง  แต่ในช่วงนั้นพ่อบ่นว่าเจ็บปวดท้องอยู่บ่อย ๆ  แต่ก็อดทนไว้เพราะไม่อยากให้แม่และพวกเราเป็นห่วง เพราะถ้าพ่อเป็นอะไรไปคงจะลำบากมากกว่านี้ รูปร่างพ่อไม่ค่อยอ้วนหนักเพราะทำงานหนัก ร่างกายผ่ายผอม ระหว่างนั้น พี่ทั้ง 4 คน เริ่มจะรู้เรื่องกันบ้างแล้ว  พ่อก็คอยพร่ำสอนให้พวกเราเป็นคนนดี  ห้ามลักเล็กขโมยน้อย  ห้ามพูดปด  ให้เคารพผู้ใหญ่ไปลามาไหว้  รู้จักรักและสามัคคีกันให้เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน  ด้วยความที่พ่อมีลูกมาก อย่างที่เขาว่า “ มีลูกมากมักยากจน ”  แต่พ่อก็ไม่เคยบ่นเลยกับการที่มีลูกหลายคน แต่ยิ่งทำให้พ่อมีความสุขกับลูกๆ ในสมัยนั้นการจะเรียนหนังสือก็ยากลำบาก พ่อเลยตัดสินใจ พาพี่ชายทั้งสองคนไปบวชเรียนเพื่อหาวิชาความรู้  ใจจริงแล้วพ่อไม่อยากให้ลูก ๆ แยกจากกันเลย  แต่พ่อบอกว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็จะไม่มีความรู้ติดตัว  ส่วนพี่สาวทั้งสองคนพ่อก็ไปร้องขอกรมประชาสงเคราะห์คนยากไร้ที่ตัวจังหวัด เพื่อให้พี่สาวไปเรียนที่นั้น แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร  พ่อก็ล้มเจ็บลงก่อนแล้วก็ทรุดลง  ผลที่ออกมาคือพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายแล้ว  ไม่สามารถที่จะรักษาได้นอกจากผ่าตัดเท่านั้น  มีสิ่งหนึ่งที่ฉันพอจะจำได้คือ  แม่ร้องไห้หนักมากร้องทุกวันทุกคืนด้วยความที่กลัวว่าพ่อจะจากไป แต่ในขณะนั้นอาการของพ่อหนักมากและค่าใช้จ่ายก็สูง ประกอบกับที่เราไม่มีเงินกันเลย  แต่ก็โชคดีที่นายอำเภอยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ  เพราะเห็นว่าฐานะทางครอบครัวของพ่อลำบาก โดยขอเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด  ช่วงนั้นเป็นช่วงวิกฤตสุด ๆ  พวกเราหวั่นใจกลัวว่าพ่อจะจากไป  จากนั้นนายอำเภอก็ทำเรื่องส่งตัวพ่อไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่จังหวัดพิจิตร  ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปพ่อขอกลับมาเจอลูก ๆ ก่อนพ่อต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่ออยู่กับลูกๆ แต่พ่อก็ไม่เคยแสดงความเจ็บปวดให้แม่กับลูก ๆ ได้เห็นเลย  ก่อนพ่อไปพ่อบอกกับลูก ๆ  ว่า  “ เป็นพี่น้องกันต้องรักและสามัคคีกัน  อย่าทิ้งกันพ่อพูดกับแม่ว่าไม่ว่าจะลำบากสักแค่ไหนก็อย่าให้ลูกกับใครนะและ พยายามให้ลูกได้เรียนหนังสือกันทุกคน ” นั้นคือคำขอสุดท้ายของพ่อ  ซึ่งอยู่กับลูกๆได้แค่ 3 วัน เขาก็มารับตัวพ่อไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจังหวัดพิจิตร  ตอนนั้นพ่อนอนรอรับการผ่าตัดแต่ก็ไม่ทัน  แล้วพ่อก็จากไปอย่างสงบ  งานศพของพ่อถูกจัดอย่างเรียบ ๆ คนมาร่วมงานของพ่อเยอะมากเพราะว่าพ่อเป็นคนดี  ชอบช่วยเหลือคนโดยไม่หวังผลตอบแทน  มีหลายคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานให้พ่อ  ตลอดจนถึงวันเผาทุกคนร้องไห้หนักมาก  นั้นคือสิ่งที่ฉันจำได้  หลังจากงานศพพ่อผ่านไปไม่ถึงเดือนแม่ก็รับบทบาทแทนพ่อ  พี่ชายทั้งสองก็บวชเรียน  ส่วนพี่สาว  2  คน  ก็ได้เข้าโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ที่ตัวจังหวัดอย่างที่พ่อหวัง  ส่วนฉันนายอำเภอก็มาขอไปเป็นลูกบุญธรรม  ซึ่งตอนนั้นแม่อยากให้ลูกได้สบายจนลืมคิดถึงคำที่พ่อขอไว้จึงให้ไป  แต่ก็ไปอยู่กับเขาได้เพียง  2  วัน  แม่ก็ไปรับกลับและบอกกับเขาว่า “ ขอลูกให้ฉันคืนเถอะ ” พร้อมกับร้องไห้ แต่เขาไม่ให้  แม่บอกว่า   “ พ่อเขามาเข้าฝันฉันว่าอย่าให้ลูกกับใครไป ”  เขาก็เลยคืนลูกให้และบอกว่าถ้าเกิดมาช้ากว่านี้ ก็คงไม่ได้เจอเพราะฉันจะไปอยู่กรุงเทพ ฯ แล้ว   แม่ดีใจมากที่ได้ฉันคืนมาและรู้สึกโมโหตัวเองมากที่ทำผิดต่อพ่อ  ต่อจากนั้นแม่ก็พาฉันไปสมัครเรียนพร้อมกันกับน้อง  คนอื่น ๆ  เขาซื้อหนังสือเรียน  แต่ฉันกับน้องต้องยืมเรียนแต่ฉันไม่เคยอายเลย  และตั้งใจเรียนให้แม่ได้ภูมิใจ  พอถึงวันพ่อ แม่ก็ไปเป็นพ่อแทน  เพื่อน ๆ  ต่างพากันหัวเราะเยาะที่ฉันไม่มีพ่อ  แต่ฉันไม่เคยสนใจเพราะคิดว่าแม่กับพ่อก็มีความหมายเหมือน ๆ  กัน  แทบจะไม่มีใครเป็นที่หนึ่งหรือที่สองด้วยซ้ำไป

                        ปัจจุบันนี้แม่ของฉันที่เปรียบเสมือนพ่อไม่ได้ทำงานหนักเหมือนแต่ก่อนแล้ว  พวกเราทุกคนได้เรียนจนจบ  ถึงแม้จะลำบากขนาดไหน  อาจจะไม่ได้จบสูงมากนัก แต่พวกเราก็ดีใจที่ทำตามคำขอของพ่อ  ที่อยากให้พวกเราได้เรียนหนังสือ  และพวกเราก็ดูแลแม่เป็นอย่างดี  อาจจะไม่ได้ร่ำรวยยมากมาย  แต่พวกเราก็รักและภูมิใจในตัวของแม่ เสมือนว่าพ่อของเราอยู่กับเราตลอดเวลา  ในวันที่ฉันรับประกาศนียบัตรแม่และพี่ปลาบปลื้มใจมาก  มันอาจจะเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ  แต่เราทุกคนก็มีความสุข   จนทำให้ฉันคิดถึงพ่อมาก  ๆ อยากให้พ่อมาร่วมแสดงความดีใจนั้น เลยเขียนบทกลอนนี้ขึ้นมาเพื่อ  “   พ่อของฉัน  ”  และร่ำลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอ ๆ  ไม่เคยลืมพระคุณของท่านเลย

 

                        ความสำเร็จของฉันที่เรียนจบ                                   อยากพานพบคนที่ฉันนั้นเฝ้าหา

                        อยากจะรู้ว่าท่านอยู่แห่งใดนา                                   อนิจจาท่านไม่อยู่ร่วมดีใจ

                        พ่อของฉันจากไปไม่มีกลับ                                       ไปเลยลับไม่รู้ไปอยู่ไหน

                        โอ้พ่อจ๋าลูกคิดถึงแทบขาดใจ                                     พ่ออยู่ไหนโปรดรับรู้ว่าลูกรอ

                        อยากให้ลูกทุกคนที่ได้อ่าน                                        โปรดสงสารคนนี้ที่ขาดพ่อ

                        อยากให้รู้ว่ามันเจ็บเกินจะรอ                                    ปวดใจหนอที่เฝ้ารอพ่อกลับคืน

                        จงทำดีเท่าที่จะทำได้                                                   อย่าได้ให้ท่านเอ่ยและร้องขอ

                        โปรดให้เถอะความรักอย่ารีรอ                  ให้เพียงพอกับพระคุณ
บันทึกการเข้า

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: “ พ่อของฉัน ”
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2010, 08:12:15 am »
0
อย่าปล่อยให้เวลา ที่ควรทำ หมดไป กับความรูสึก ที่ลังเล

  อย่าปล่อยให้ใจที่ลังเล มาขวาง ความรู้สึก ทีดี ๆ ที่ควรทำ

    อย่าปล่อยสิ่งที่ควรทำ ให้เป็นเพียง แต่ความคิด

       อย่าปล่อยให้ความคิด บรรเจิด เพริศแพร้ว เป็นเพียง จินตนาการ


         เพราะว่า พ่อ และ แม่ นั้น ไม่สามารถรอ จินตนาการ ของเราได้

        ทุก สรรพสิ่ง มาจากความไม่รู้ สู่ ความไม่รู้

         :25:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: “ พ่อของฉัน ”
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 13, 2011, 12:53:04 am »
0
“เซี่ยว”     อักษรกตัญญู
      
    เงินทองแม้มากมาย   ยากซื้อชีพกายพ่อแม่
ท่านอยู่ไม่แยแส      ไม่ดูแลน่าละอาย.



บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา